ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | สถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ | นร | 08/09/2558 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝน ปี ๒๕๕๘ ทั่วประเทศ ของกรมอุตุนิยมวิทยาจะมีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ ๑๐-๒๕ โดยสถานการณ์การกักเก็บน้ำ ณ วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ มีปริมาตรน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ๓๕,๓๕๘ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๐ (ปริมาตรน้ำใช้การได้ ๑๑,๘๕๕ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๕) สำหรับเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาตรน้ำในเขื่อน ๘,๖๙๒ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๕ (ปริมาตรน้ำใช้การได้ ๑,๙๙๖ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๑๑) ซึ่งต่ำกว่าปริมาตรน้ำ ในปี ๒๕๕๗ ๑.๒ แนวทางการแก้ปัญหาก่อนสิ้นฤดูฝน (ปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๘) คือ การเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำและลำน้ำสาขาให้ได้มากที่สุด การลดการระบายน้ำของเขื่อนปากมูลลงแม่น้ำโขง และการพิจารณาหาแนวทางกักเก็บน้ำก่อนไหลออกจากประเทศไทยในระยะกลางและระยะยาว ๑.๓ ความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี ๒๕๕๗-๒๕๖๙ จำนวน ๑๒ กิจกรรม (ณ วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๘) เช่น การทำประปาหมู่บ้าน/โรงเรียน/ชุมชน การทำน้ำบาดาลการเกษตร การขุดลอกลำน้ำสายหลัก การฟื้นฟูป่า ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันมีน้ำกักเก็บแล้ว ๕๘๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๑.๔ ผลการดำเนินงานของส่วนราชการในการประหยัดน้ำ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางประหยัดน้ำในหน่วยงานภาครัฐ) หน่วยงานภาครัฐ ร้อยละ ๔๘ (จำนวน ๒,๓๓๐ อาคาร) มีการลดการใช้น้ำแล้ว สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่เหลืออยู่ระหว่างการปรับตัว โดยคาดว่าปริมาณการใช้น้ำในหน่วยงานภาครัฐจะลดลงตามเป้าหมาย ๒. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้ง) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรับผิดชอบในการดำเนินการกำหนดแนวทางและวิธีการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ว่าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้งควรจัดให้มี (๑) มาตรการด้านการสร้างงานเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้ (๒) มาตรการด้านการฟื้นฟูและช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และ (๓) มาตรการด้านการปรับโครงสร้างการผลิต การส่งเสริมอาชีพและการเตรียมการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านภัยธรรมชาติในระยะยาว นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำมาตรการด้านการปรับโครงสร้างการผลิตให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน โดยให้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์หรือการจัดระเบียบพื้นที่เพาะปลูกเป็นรายกลุ่มให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สำหรับการสนับสนุนปัจจัยการผลิตในการปรับเปลี่ยนอาชีพของเกษตรกรให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินการในลักษณะให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในด้านทุนและปัจจัยการผลิตผ่านการรวมกลุ่ม โดยให้มีการขึ้นทะเบียนผู้เข้าร่วมโครงการกับหน่วยงานราชการให้ชัดเจน และภายในระยะเวลา ๑-๒ ปี เมื่อเกษตรกรมีรายได้เพียงพอแล้วให้ชำระคืนเงินทุนและค่าปัจจัยการผลิตให้ทางราชการต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ในการจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำและพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำระหว่างประเทศ เช่น แก้มลิง อ่างเก็บน้ำ เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงในการส่งน้ำจากแหล่งน้ำระหว่างประเทศมาใช้ภายในประเทศได้มากยิ่งขึ้น และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดหางานบริเวณรอบพื้นที่กักเก็บน้ำหรือแหล่งน้ำที่ได้รับการพัฒนาดังกล่าวให้แก่ผู้มีรายได้น้อยและไม่มีที่ดินทำกินโดยรัฐบาลเป็นผู้ลงทุนและแบ่งผลประโยชน์ให้ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการให้เกษตรกรชะลอการเพาะปลูกข้าว และหากไม่สามารถส่งน้ำเพื่อทำการเพาะปลูกข้าวนาปรังได้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งประกาศให้เกษตรกรรับทราบโดยเร็วด้วย
|
.....