ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | รายงานสถานการณ์น้ำและแนวทางการให้ความช่วยเหลือ | กษ | 23/06/2558 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์น้ำและแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำต้นทุนในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเมื่อต้นฤดูแล้งปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ มีปริมาณน้ำน้อย กรมชลประทานได้ประกาศงดส่งน้ำเพื่อการปลูกข้าวนาปรัง โดยวางแผนการใช้น้ำให้เหลือเพียงพอสำหรับสนับสนุนการปลูกข้าวนาปีตั้งแต่ต้นฤดู ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ แต่ยังมีเกษตรกรบางส่วนทำการปลูกข้าวนาปรังไปประมาณ ๖.๒๖ ล้านไร่ ทำให้ต้องใช้น้ำเกินแผน ส่วนปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน (๑ พฤษภาคม-๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘) ๒๑๙ ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ ๗๖ (ค่าเฉลี่ย ๙๐๔.๕๖ ล้านลูกบาศก์เมตร) กรมชลประทานจึงเห็นควรให้ชะลอการเพาะปลูกข้าวนาปีในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ยังไม่ได้เพาะปลูกอีกประมาณ ๔.๖๑ ล้านไร่ ออกไปก่อนจนกว่าจะถึงช่วงฝนตกชุกตามฤดูกาล โดยปริมาณน้ำที่มีอยู่จะจัดสรรให้กับการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศน์โดยไม่ขาดแคลน รวมถึงการเพาะปลูกข้าวนาปีที่ปลูกไปแล้ว ๒.๘๔ ไร่ ให้สามารถเก็บเกี่ยวโดยไม่เสียหายและจะลดการระบายน้ำจากเดิมวันละประมาณ ๖๒ ล้านลูกบาศก์เมตร คงเหลือ ๓๐-๓๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๑.๒ คาดการณ์ผลกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในเบื้องต้น กรณีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในลุ่มน้ำเจ้าพระยาในเขตพื้นที่ชลประทานโดยเฉพาะพื้นที่ที่ยังไม่ได้เพาะปลูกข้าวนาปี จำนวน ๔.๖๑ ล้านไร่ หากพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถปลูกข้าวนาปีได้อย่างสิ้นเชิงจะทำให้ผลผลิตข้าวหายไปประมาณ ๒.๑ ล้านตัน โดยคิดเฉลี่ยจากผลผลิตต่อไร่ข้าวนาปีลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๕๐๐ กิโลกรัมต่อไร่ และคิดเป็นมูลค่าข้าวที่หายไปประมาณ ๑๕,๗๕๐ ล้านบาท โดยคำนวณจากราคาข้าวขาวในตลาด ตันละ ๗,๕๐๐ บาท ๑.๓ แนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ดำเนินการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำเหนืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวนาปี แบ่งเป็น ๒ พื้นที่ คือ (๑) พื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีที่ได้เพาะปลูกแล้ว ประมาณ ๒.๘๔ ล้านไร่ ได้กำหนดแนวทางการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวระบบจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้งในนาข้าวเพื่อลดการใช้น้ำ และ (๒) พื้นที่ที่ยังไม่เพาะปลูกข้าวประมาณ ๔.๖๑ ล้านไร่ ให้ชะลอการเพาะปลูกข้าวนาปีที่จะเริ่มปลูกได้ประมาณปลายเดือนกรกฎาคมหรือเมื่อมีประมาณฝนตกชุกแล้วเพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นในระหว่างชะลอการเพาะปลูกข้าวนาปี เช่น พืชอายุสั้น เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการเร่งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้งในพื้นที่ที่ได้เพาะปลูกข้าวนาปีแล้วและพื้นที่ที่ยังไม่เพาะปลูกข้าวนาปีเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ แนวทางการรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้ง รวมทั้งการให้องค์ความรู้และการจัดหาตลาดรองรับพืชชนิดอื่นในกรณีที่เกษตรกรตัดสินใจปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นซึ่งเป็นพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย ทนแล้ง และมีศักยภาพทางการตลาด เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง และงา เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เหมาะสม ลดภาระงบประมาณในกรณีที่ต้องจ่ายเงินชดเชยเพื่อช่วยเหลือรายได้ให้แก่เกษตรกร ตลอดจนติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....