ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "นโยบายการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" | สสป | 01/10/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "นโยบายการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน) กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงบประมาณ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ สำนักงานงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. สร้างความสมบูรณ์ในระบบนิเวศลุ่มน้ำ ๑.๑ จัดให้มีพื้นที่ป่าไม้ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ทั้งหมดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ๑.๒ ปรับปรุง ฟื้นฟู และอนุรักษ์พื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ประกาศเขตไว้แล้ว ๓๕๐ ป่าในเนื้อที่ ๓๔.๒๗ ล้านไร่ มีสัดส่วนร้อยละ ๓๒.๔๘ ๑.๓ อนุรักษ์พื้นที่ป่าต้นน้ำที่เหลืออยู่ ๘.๕๕ ล้านไร่ ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ๑.๔ กำหนดมาตรการการป้องกันและแก้ไขการชะล้างหน้าดินในพื้นที่เสี่ยงระดับรุนแรง ๑๗.๗๘ ล้านไร่ ๑.๕ กำหนดมาตรการการควบคุมและป้องกันพื้นที่แพร่กระจายดินเค็ม ๑๗.๘๐ ล้านไร่ ๑.๖ สงวนรักษาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เพื่อปรับปรุงให้คืนสภาพเป็นป่าอนุรักษ์ และยกเลิกนโยบายการนำป่าเสื่อโทรมไปใช้ประโยชน์เพื่อการอื่น รวมทั้งการนำไปจัดสรรให้กับประชาชน ๑.๗ ปรับปรุง ฟื้นฟู และอนุรักษ์ทางน้ำและแหล่งน้ำ รวมทั้งพื้นที่ชุ่มน้ำให้อยู่ในสภาพดี ๑.๘ กำหนดกรอบวงเงินงบประมาณ และสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีระบบบำบัดน้ำเสียรวมและระบบจัดการขยะที่ได้มาตรฐานให้ครบทุกท้องถิ่น ๑.๙ จัดให้มีระบบตรวจสอบและแสดงผลคุณภาพน้ำในลำน้ำที่ผ่านแหล่งชุมชนให้ประชาชนทราบสถานการณ์ ๒. สร้างความสมดุลน้ำ ๒.๑ จัดหาน้ำและพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนที่ขาดแคลนอยู่ในปัจจุบัน ๒.๒ นำโครงการพัฒนาลุ่มน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้นแบบการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก และโครงการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำใกล้เคียง ๒.๓ จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการฝนหลวงให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ๒.๔ เร่งดำเนินการพัฒนาระบบชลประทานในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม ในส่วนที่ยังไม่ดำเนินการอีก ๑๖.๖๐ ล้านไร่ให้เสร็จ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ๒.๕ จัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการขุดสระน้ำในไร่นาให้ครอบคลุมพื้นที่นอกเขตชลประทานตามความต้องการของประชาชน ๒.๖ พัฒนาระบบการนำน้ำใต้ดินที่สามารถใช้ในการเพาะปลูกขึ้นมาใช้ ๒.๗ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนสามารถบริหารจัดการในระดับครัวเรือนได้ โดยน้อมนำโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่มาเป็นแบบอย่างในการดำเนินการ ๒.๘ จัดให้มีแหล่งน้ำประจำหมู่บ้านและชุมชน โดยการขุดสระน้ำใหม่ หรือขุดลอกแหล่งน้ำเดิมที่เสื่อมโทรมให้กลับมาใช้ได้ตามปกติ ๓. สร้างเอกภาพการบริหารจัดการ ให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการบริหารทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพ และบังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ยั่งยืน ๓.๑ ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยปรับปรุงโครงสร้างองค์กรบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำ ให้มีอำนาจหน้าที่ในการประสานความร่วมมือได้อย่างเป็นเอกภาพ เพิ่มหมวดความร่วมมือ ให้ส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับงานบริหารทรัพยากรน้ำ ต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานกับคณะกรรมการลุ่มน้ำและสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำอย่างเคร่งครัด และเพิ่มหมวดงบประมาณ ให้สำนักงบประมาณกำหนดกรอบวงเงินตามแผนบริหารทรัพยากรน้ำของลุ่มน้ำหลัก และให้ส่วนราชการที่เสนองบประมาณที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการลุ่มน้ำก่อน ๓.๒ บูรณาการบริหารจัดการโดยใช้วิธีการบริหารจัดการที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริดำเนินการ เป็นแนวทางการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ๓.๓ เร่งรัดการออกพระราชบัญญัติการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... ให้เสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓.๔ จัดทำแผนแม่บทเพื่อใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางดำเนินการไปสู่การปฏิบัติอย่างบูรณาการ ๓.๕ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระบบลุ่มน้ำสาขา เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและระบบนิเวศ ๓.๖ จัดตั้งองค์กรบริหารลุ่มน้ำในระดับท้องถิ่นและชุมชน ให้ท้องถิ่นและชุมชนสามารถบริหารทรัพยากรน้ำในพื้นที่ของตนเองได้ และรัฐต้องให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างจริงจังทั้งด้านความรู้ ประสบการณ์ และงบประมาณ ๓.๗ พัฒนาระบบฐานข้อมูลและจัดตั้งศูนย์กลางข้อมูลทรัพยากรน้ำ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ดำเนินการได้อย่างเป็นเอกภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน ๓.๘ สนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก้าวทันการพัฒนาเทคโนโลยีข้อมูลภูมิสารสนเทศอย่างต่อเนื่อง ๓.๙ ปลูกจิตสำนึกและให้ความรู้กับประชาชนในการใช้น้ำอย่างประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดอย่างต่อเนื่อง
|
.....