ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว | 17/09/2556 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. .... ของวุฒิสภา พร้อมผลการพิจารณาตามข้อสังเกตดังกล่าวที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยในส่วนข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในกรณีที่บทนิยามคำว่า "ความผิดร้ายแรง" ตามร่างมาตรา ๓ ได้กำหนดความผิดอาญาที่มีโทษจำคุกขั้นสูงตั้งแต่สี่ปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น เป็นการกำหนดฐานความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกที่ต่ำเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้กระทำความผิดอาญาที่ไม่ร้ายแรง ฉะนั้น จึงควรบัญญัติให้อัตราโทษจำคุกตามร่างพระราชบัญญัตินี้มากกว่าสี่ปี ตามอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร ๒. ในกรณีที่บทนิยามคำว่า "พนักงานสอบสวน" ตามร่างมาตรา ๓ นั้นให้หมายถึงพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนคดีอาญาความผิดที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติตามร่างพระราชบัญญัตินี้เท่านั้น ซึ่งมิได้หมายความรวมถึงพนักงานสอบสวน ผู้มีอำนาจสอบสวนคดีอาญาทุกประเภท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒ (๖) ๓. การออกข้อบังคับเพื่อปฏิบัติการเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตามร่างมาตรา ๔ ซึ่งบัญญัติให้อัยการสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจออกข้อบังคับนั้น อัยการสูงสุดควรให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมปรึกษาหารือและหาแนวทางร่วมกันในการกำหนดข้อบังคับเพื่อให้เกิดความรอบคอบและเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานต่อไป ๔. การบัญญัติให้ผู้กระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๘๙ และมาตรา ๘๙/๑ ดังนั้น ร่างมาตรา ๑๐ ซึ่งบัญญัติให้เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนควรได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติก่อน ๕. การสืบสวนและสอบสวนการกระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติตามร่างมาตรา ๑๔ เป็นการบัญญัติให้ข้าราชการอัยการชั้น ๓ ขึ้นไปหรือข้าราชการพลเรือนตั้งแต่ระดับชำนาญการขึ้นไป หรือข้าราชการตำรวจตำแหน่งตั้งแต่สารวัตรหรือเทียบเท่าขึ้นไป เป็นหัวหน้าในการดำเนินการในการเข้าตรวจค้นจับกุม ได้ทุกกรณี ดังนั้น จึงควรมีมาตรการควบคุมการใช้ดุลพินิจดังกล่าวของพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ๖. เกี่ยวกับอัตราโทษที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัตินี้ ตามที่บัญญัติไว้ในร่างมาตรา ๘ กำหนดไว้เป็น “สองเท่า” ร่างมาตรา ๙ และมาตรา ๒๙ วรรคสอง กำหนดไว้เป็น “สามเท่า” เป็นการกำหนดอัตราโทษที่หนักเกินไป อาจเป็นที่เกรงกลัวของเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ นอกจากนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๙ ก็ได้กำหนดอัตราโทษไว้ในอัตราที่สูงอยู่แล้วสำหรับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คือ จำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีหรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิตนั่นเอง |
.....