ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | รายงานการปรึกษาหารือเรื่องการสร้างความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ | สธ | 10/06/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการปรึกษาหารือเรื่องการสร้างความเป็นธรรมในระบบสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๖ โดยมีเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) เป็นประธานในการปรึกษาหารือเพื่อแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียนด้านความเป็นธรรมด้านสาธารณสุข มีผู้แทนจาก ๓ กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กลุ่มสหภาพแรงงานองค์การเภสัชกรรม และกลุ่มเครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพโรงพยาบาลชุมชน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าร่วมชี้แจงและหาแนวทางแก้ไข สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ข้อเสนอของกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ได้แก่ รัฐต้องไม่ใช้ระบบร่วมจ่าย (Co-Payment) ในระบบหลักประกันสุขภาพ ให้ยกเลิกการเก็บ ๓๐ บาทในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้การจัดหา (จัดซื้อ) บริการสาธารณสุขเป็นหน้าที่ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยุติการแทรกแซงการบริหารของ สปสช. และคืนความเป็นธรรมและเยียวยาแก่ นพ. วิทิต อรรถเวชกุล ๒. ข้อเสนอของสหภาพแรงงานองค์การเภสัชกรรม ได้แก่ รัฐต้องไม่แปรรูปองค์การเภสัชกรรม การให้เงินสะสมขององค์การเภสัชกรรมในเรื่องการย้ายสถานที่ขององค์การเภสัชกรรม และการใช้เงินตามโครงการสนับสนุนกิจกรรมภาครัฐโดยมิชอบ เช่น กรณีสั่งจ่ายเงิน ๗๕ ล้านบาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ๓. ข้อเสนอของเครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพโรงพยาบาลชุมชน มีข้อเสนอ ๔ เรื่อง คือ การคงเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายฉบับ ๔ และ ๖ เหมือนเดิม การปรับปรุงระบบเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายให้เป็นธรรมกับวิชาชีพอื่น ๆ การตั้งคณะกรรมการที่มีส่วนร่วมทบทวนการกำหนดพื้นที่ การยกเลิกการใช้ P4P ในโรงพยาบาลชุมชน และมีข้อสรุป ดังนี้ ๓.๑ ผลการปรึกษาหารือเป็นที่เข้าใจได้ว่าทุกฝ่ายเห็นด้วยกับหลักการของระบบค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน หรือ พีฟอร์พี (P4P) ว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการบริการต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เห็นด้วยว่าการคงบุคลากรทางการแพทย์ให้อยู่ในชนบท ซึ่งมาตรการหนึ่งที่จำเป็นคือมาตรการทางการเงิน และเห็นด้วยว่าต้องมีมาตรการลดความเหลื่อมล้ำของรายได้บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความแตกต่างกัน ทั้งนี้โดยไม่ดึงผู้มีรายได้สูงลงมา แต่จะหาวิธีฉุดผู้มีรายได้น้อยขึ้นไป ซึ่งการทำ P4P เป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยได้ ๓.๒ ที่ประชุมเข้าใจตรงกันว่า การทำ P4P มีบริบทในการทำงานของแต่ละหน่วยบริการมีความแตกต่างกัน หลักการที่สำคัญที่สำคัญที่สุดคือต้องมีกติกากลางกำหนดขึ้นมา เพื่อให้แต่ละหน่วยบริการใช้ดำเนินการไม่ให้มีความแตกต่างหรือเกิดปัญหามากขึ้น เช่น ด้านความมั่นคง ไม่ใช้เงินมากเกินไป ขณะที่มีปัญหาค่าใช้จ่ายในสถานพยาบาลอยู่แล้ว สามารถนำรายละเอียดปลีกย่อยไปปรับให้เหมาะสมกับหน่วยบริการแต่ละระดับได้ ๓.๓ ที่ประชุมเห็นต้องกันว่า จะทำ P4P ที่เป็นไปตามบริบทของพื้นที่ ที่จัดให้เหมาะสมตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขปรับปรุงรายละเอียด หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและเตรียมความพร้อมให้สำนักเร่งรัดพัฒนาชนบททุกแห่งสามารถทำ P4P ได้ และระหว่างนี้โรงพยาบาลที่ได้มีการดำเนินการมาแล้วตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ อาจมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำ P4P จะต้องได้รับการชดเชยตามมติคณะรัฐมนตรี สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ทำที่เกิดจากความไม่พร้อมของกระทรวงสาธารณสุขอันเนื่องมาจากความไม่ชัดเจนของข้อมูล จนไม่สามารถที่จะทำได้ก็จะได้รับการชดเชย แต่ทั้งนี้ การชดเชยจะไม่รวมถึงผู้ที่ไม่ทำ เพราะจะเป็นอันตรายทางด้านจริยธรรม ๓.๔ โดยที่มีความเห็นตรงกัน จึงได้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน ๑ ชุด ซึ่งมาจากบุคลากรทุกวิชาชีพ สถานบริการแต่ละระดับ เนื่องจาก P4P เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างหลายวิชาชีพ โดยจะถือหลักการทำงานด้วยเหตุและผล ไม่ใช้วิธีการตัดสินด้วยเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งกำหนดไว้ว่าจะดำเนินการให้ได้ข้อสรุปภายใน ๖๐ วัน เตรียมพร้อมก่อน ๒ เดือน ก่อนที่จะดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยคณะทำงานดังกล่าวทำหน้าที่ ๒ ประการ คือ ๓.๔.๑ ปรับปรุงกฎหมายระเบียบ ข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาอุปสรรคหรือไม่สอดคล้องแต่ละพื้นที่หรือระดับของหน่วยบริการให้ชัดเจน เพื่อเป็นหลักการที่ทุกคนต้องทำ เพื่อพัฒนา P4P ให้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยบริการแต่ละระดับ และให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอยู่ในระบบได้ ๓.๔.๒ คิดมาตรการชดเชย เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายตามฉบับ ๘ และการทำ P4P ตามฉบับ ๙ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ได้มีการดำเนินการมาแล้วตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ รวมถึงผู้ต้องการจะทำ P4P แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ อันเนื่องจากความไม่พร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่สามารถสนับสนุนการทำ P4P หรือความไม่ชัดเจนของข้อมูลจนโรงพยาบาลไม่สามารถที่จะทำได้ก็จะได้รับการชดเชย แต่มาตรการนี้จะไม่ครอบคลุมถึงผู้ที่ตั้งใจต่อต้านหรือจะไม่ทำ เพราะจะเป็นอันตรายทางด้านจริยธรรม
|
.....