ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
|---|---|---|---|
| 1 | โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2555/56 | พณ | 26/03/2556 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้า สถานการณ์ และแนวโน้มของการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี ๒๕๕๕/๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานกรรมการนโยบายมันสำปะหลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี ๒๕๕๕/๕๖ (ณ วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖) ๑.๑ การเปิดจุดรับจำนำของลานมัน/โรงแป้ง มีผู้ประกอบการลานมันและโรงแป้งสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และเปิดเป็นจุดรับจำนำ รวม ๖๐๓ ราย แยกเป็น ลานมัน ๕๕๑ ราย โรงแป้ง ๕๒ ราย ๑.๒ ปริมาณการรับจำนำ รวมทั้งสิ้น ๕,๔๑๖,๐๒๘ ตัน แยกเป็น ลานมัน ๓,๓๖๙,๘๙๖ ตัน และโรงแป้ง ๒,๐๔๖,๑๓๑ ตัน คิดเป็นร้อยละ ๖๒ และ ๓๘ ตามลำดับ ซึ่งองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ออกใบประทวนให้เกษตรกร ๑๙๔,๓๒๕ ใบ แยกเป็น ลานมัน ๙๐,๒๑๗ ใบ โรงแป้ง ๑๐๔,๑๐๘ ใบ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จ่ายเงินให้เกษตรกร ๕๕,๗๘๖ สัญญา จำนวนเงิน ๗,๖๑๖.๑๖๙ ล้านบาท ๑.๓ การอนุมัติโกดังกลางเก็บผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง รวมทั้งสิ้น ๑๐๔ แห่ง แบ่งเป็น โกดังกลางมันเส้น ๘๕ แห่ง ในพื้นที่ ๒๓ จังหวัด ความจุ ๒,๗๑๑,๗๕๐ ตัน และโกดังกลางแป้งมัน ๓๘ แห่ง ในพื้นที่ ๑๔ จังหวัด ความจุ ๕๙๔,๙๖๐ ตัน และได้อนุมัติผู้ประกอบการตรวจสอบคุณภาพมันสำปะหลังที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศ จำนวน ๙ บริษัท ๑.๔ การเปิดจุดรับจำนำในส่วนเอทานอล มีโรงงานเอทานอลสมัครเข้าร่วมโครงการฯ รวม ๖ ราย ซึ่งโรงงานเอทานอลจะแจ้งแผนการรับมันสำปะหลังตามโครงการฯ และจัดทำสัญญาซื้อขายกับ อคส. เป็นรายไตรมาส โดยในไตรมาสที่ ๑ เป็นการรับมันสำปะหลังทั้งในรูปหัวมันสดและมันเส้น ส่วนไตรมาสที่ ๒-๔ เป็นการรับมันเส้นจากโครงการฯ สำหรับเป้าหมายการรับมันสำปะหลังจากโครงการฯ ในไตรมาสที่ ๑ มีปริมาณทั้งสิ้น ๔๑๕,๔๘๘.๕๔ ตันหัวมันสด แบ่งเป็น การรับหัวมันสด จำนวน ๒๑๐,๔๒๕.๐๐ ตัน และมันเส้น จำนวน ๘๔,๗๓๗.๐๐ ตัน (๒๐๕,๐๖๓.๕๔ ตันหัวมันสด) ทั้งนี้ ปริมาณการรับมันสำปะหลังจากโครงการฯ ในส่วนของเอทานอล ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ถึง ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เป็นเพียงการรับในรูปหัวมันสดเท่านั้น โดยมีปริมาณรวมทั้งสิ้น ๑๗,๒๖๑.๗๘ ตัน คิดเป็นเอทานอลประมาณ ๒,๗๕๗,๔๗๒.๘๔ ลิตร (อัตราแปรสภาพหัวมันสด : เอทานอล = ๖.๒๖ : ๑) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงพลังงานจะกำกับดูแลให้เป็นไปตามแผนในการช่วยดูดซับมันสำปะหลังและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ๒. สถานการณ์และแนวโน้ม ๒.๑ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ผลผลิตปี ๒๕๕๕/๕๖ ประมาณ ๒๗.๕๕ ล้านตัน ต้นทุนการผลิตกิโลกรัมละ ๑.๘๒ บาท เทียบกับปีที่ผ่านมามีผลผลิตประมาณ ๒๖.๖๐ ล้านตัน ต้นทุนการผลิตกิโลกรัมละ ๑.๗๗ บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๕๖ และ ๒.๘๒ ตามลำดับ ปัจจุบันผลผลิตออกสู่ตลาดแล้วร้อยละ ๖๒.๗๕ หรือประมาณ ๑๗.๒๙ ล้านตัน ๒.๒ ราคาหัวมันสดที่เกษตรกรจังหวัดนครราชสีมาขายได้ (เชื้อแป้งร้อยละ ๒๕) ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ กิโลกรัมละ ๒.๐๕-๒.๒๕ บาท ส่วนจังหวัดอื่น ๆ เช่น จังหวัดกำแพงเพชร อุทัยธานี อุดรธานี อุบลราชธานี ระยอง สระแก้ว และชลบุรี อยู่ระหว่างกิโลกรัมละ ๑.๙๕-๒.๕๕ บาท สำหรับราคาส่งออก F.O.B. (Free on Board) มันเส้นตันละ ๒๒๘-๒๓๐ ดอลลาร์สหรัฐ (๖.๗๕-๖.๘๐ บาท/กิโลกรัม) ต่ำกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา กิโลกรัมละ ๐.๕๘ บาท และแป้งมันตันละ ๔๕๐-๔๖๐ ดอลลาร์สหรัฐ (๑๓.๓๐-๑๓.๖๐ บาท/กิโลกรัม) ต่ำกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา กิโลกรัมละ ๐.๑๓ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๖.๖๑ และ ๐.๙๖ ตามลำดับ ๒.๓ การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในปี ๒๕๕๕ (เดือนมกราคม-ธันวาคม) มีปริมาณรวมทั้งสิ้น ๘.๓๕๐ ล้านตัน มูลค่า ๘๕,๖๓๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ ๒๒.๖๗ และ ๙.๕๘ ตามลำดับ ตลาดส่งออกมันเส้น ร้อยละ ๙๙ ส่งออกไปยังประเทศจีน ส่วนตลาดส่งออกแป้งมัน ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อินโดนีเซีย และไต้หวัน ๒.๔ การระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี ๒๕๕๕/๕๖ กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำยุทธศาสตร์การระบายมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง โดยระบายด้วยวิธี (๑) เจรจาขายแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) (๒) ขายเป็นการทั่วไป (๓) ขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) (๔) ขายให้แก่ผู้ผลิตเอทานอลที่นำไปผลิตเป็นพลังงานทดแทน ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๒.๕ แนวโน้มตลาดมันสำปะหลัง คาดว่าราคาหัวมันสดที่เกษตรกรขายได้จะเคลื่อนไหวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ประกอบกับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งทำให้ปริมาณผลผลิตลดต่ำกว่าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ไว้ โดยราคาส่งออกมันเส้นเมื่อสิ้นสุดระยะเวลารับจำนำในเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ คาดว่าจะมีปริมาณใกล้เคียงกับเป้าหมาย ๑๐ ล้านตัน |
|||
.....
