ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนาฐานข้อมูลสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ทางยาเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงยาและความมั่นคงทางยา" | สสป | 18/12/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนาฐานข้อมูลสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ทางยาเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงยาและความมั่นคงทางยา" ต่อรัฐบาลเพื่อให้มีนโยบายต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทเกี่ยวข้องในการพัฒนาฐานข้อมูลสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ทางยาเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงยาและความมั่นคงทางยา โดยให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ดำเนินการประกาศให้สาธารณชนรับทราบข้อมูลบรรณานุกรมของคำขอรับสิทธิบัตรที่ยื่นขอรับความคุ้มครองในประเทศไทยแต่ละวัน วันต่อวัน ไม่ว่าคำขอรับสิทธิบัตรนั้นจะยื่นขอโดยผ่านระบบสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างประเทศด้านสิทธิบัตร (Patent Cooperation Treaty, PCT) หรือไม่ก็ตาม เพื่อประโยชน์ในการวิจัยและพัฒนาตลอดจนติดตามการประกาศโฆษณาเพื่อดำเนินการคัดค้าน ๑.๒ พัฒนาฐานข้อมูลให้มีเสถียรภาพ สืบค้นได้ง่าย รวดเร็ว เป็นมิตรต่อผู้สืบค้น ๑.๓. ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ปรับปรุงข้อมูลในฐานข้อมูลสิทธิบัตรให้ทันสมัย ถูกต้องตามความเป็นจริงตลอดเวลา โดยเฉพาะสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับยา ๑.๓.๑ ในกรณีผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรเกี่ยวกับยา ให้ใส่สัญลักษณ์จำแนกการประดิษฐ์ระหว่างประเทศ (International Patent Classification, IPC) เป็น A61K ๑.๓.๒ สำหรับชื่อบริษัทหรือผู้ทำธุรกิจยา ให้ใช้ชื่อตามที่จดทะเบียนการค้า และกำกับภาษาอังกฤษด้วย ๑.๓.๓ สำหรับชื่อสารเคมี หรือชื่อทางเทคนิค ให้กำกับภาษาอังกฤษด้วย ๑.๔ จัดทำคู่มือแนวทางการพิจารณาการออกเอกสารสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับยาอย่างเร่งด่วน โดยสามารถใช้ผลงานวิจัย "สิทธิบัตรยาที่จัดเป็น evergreening patent ในประเทศไทย และการคาดประมาณผลกระทบที่เกิดขึ้น" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กรมทรัพย์สินทางปัญญา และแผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยให้นำสาระดังกล่าวไปบรรจุไว้ในการแก้ไขพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่กำลังดำเนินการอยู่ด้วย ๒. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาศึกษาว่าการเปิดเผยข้อมูลบรรณานุกรมของคำขอรับสิทธิบัตรในส่วนของการเปิดเผยชื่อที่แสดงถึงการประดิษฐ์จะขัดต่อมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. ๒๕๒๒ และข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๒๑ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. ๒๕๒๒ หรือไม่ หากศึกษาแล้วไม่ขัดต่อกฎหมายดังกล่าว ให้ดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสิทธิบัตรเพื่อที่จะประกาศข้อมูลบรรณานุกรมให้สาธารณชนรับทราบต่อไป ๒.๒ เห็นควรขอการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสิทธิบัตรเพื่อให้มีความถูกต้องครบถ้วน มีเสถียรภาพ สืบค้นได้ง่าย รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อผู้สืบค้น ๒.๓ ในกรณีข้อ ๑.๓.๑ ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจัดทำความร่วมมือในการพิจารณาจำแนกประเภทการประดิษฐ์ตามคำขอรับสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ทางยาให้ถูกต้องและสอดคล้องตาม International Patent Classification หรือ IPC สำหรับกรณีข้อ ๑.๓.๒ ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาแก้ไขปรับปรุงแบบพิมพ์คำขอรับสิทธิบัตรโดยให้มีช่องระบุเลขที่นิติบุคคล ๑๓ หลัก (ถ้ามี) และระบุชื่อนิติบุคคลเป็นภาษาอังกฤษ (ถ้ามี) เพื่อแก้ไขปัญหาการสืบค้นชื่อบริษัทหรือผู้ทำธุรกิจยาที่สามารถสะกดเป็นภาษาไทยได้หลายรูปแบบ และในกรณีข้อ ๑.๓.๓ รับทราบถึงการดำเนินการของกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้ออกประกาศกรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ผู้ขอรับสิทธิบัตรระบุชื่อสารเคมี หรือชื่อทางเทคนิคเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้วในปัจจุบัน ๒.๔ รับทราบถึงการดำเนินการของกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้จัดทำร่างคู่มือการตรวจสอบคำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์และอนุสิทธิบัตรทางด้านเคมีและเภสัชภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งจะสิ้นสุดการรับฟังความเห็นในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ สำหรับในกรณีการแก้ไขพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้นำผลงานวิจัย "สิทธิบัตรยาที่จัดเป็น evergreening patent ในประเทศไทย และการคาดประมาณผลกระทบที่เกิดขึ้น" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กรมทรัพย์สินทางปัญญา และแผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระงับระบบยาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
|
.....