ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 11 พ.ศ.2555 - 2559 | สธ | 09/10/2555 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพใช้แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฯ เป็นกรอบชี้นำทิศทางการพัฒนาด้านสุขภาพของประเทศ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฯ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาสุขภาพ ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ เสริมสร้างความเข้มแข็งของภาคีสุขภาพในการสร้างสุขภาพ ตลอดจนการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพบนพื้นฐานภูมิปัญญาไทย เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านสุขภาพให้สังคม ประชาชน มีความตื่นตัว และให้ความสำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพให้เป็นวัฒนธรรมของประชาชน การได้มาซึ่งสุขภาวะที่ดี ประชาชนต้องร่วมสร้างบนพื้นฐานศักยภาพที่เพียงพอ และเพื่อเสริมสร้างการทำงานด้านสุขภาพระหว่างภาคีต่าง ๆ ให้เกิดผลดียิ่งขึ้น รวมถึงภาคีเครือข่ายสุขภาพระหว่างประเทศ รวมทั้งเพื่อให้ภูมิปัญญาไทยมีบทบาทและเป็นทางเลือกในระบบสุขภาพ ๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนาระบบเฝ้าระวัง เตือนภัย และการจัดการภัยพิบัติ อุบัติเหตุและภัยสุขภาพ เพื่อให้เกิดความพร้อมในการเตรียมการ มีระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยที่ทำให้ประชาชนวางใจ และเมื่อเกิดภัยพิบัติสามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม ทันการณ์ ๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน ควบคุมโรค และคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ เพื่อให้คนไทยแข็งแรงทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และปัญญา เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนที่เป็นรากฐานของปัญหาภาระโรคที่สำคัญในปัจจุบัน และเพื่อให้มีการลงทุนและดำเนินกิจกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคมากขึ้นในระดับที่เพียงพอ ๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ เสริมสร้างระบบบริการสุขภาพให้มีมาตรฐานในทุกระดับเพื่อตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพในทุกกลุ่มเป้าหมาย และพัฒนาระบบส่งต่อที่ไร้รอยต่อ เพื่อสร้างระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพมาตรฐาน ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง เป็นธรรม และเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ ซึ่งจะทำให้ผู้ให้บริการมีความสุขและผู้รับบริการมีความพึงพอใจ ๑.๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ สร้างกลไกกลางระดับชาติในการดูแลระบบบริการสุขภาพ และพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ เพื่ออภิบาลระบบสุขภาพอย่างมีธรรมาภิบาล เป็นเอกภาพ อันจะส่งผลให้มีความมั่นคง ยั่งยืนของระบบสุขภาพ และเพื่อกำหนดนโยบาย แนวทาง และพัฒนาสิ่งสนับสนุนระบบบริการที่เพียงพอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพใช้แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฯ เป็นกรอบชี้นำทิศทางการพัฒนาด้านสุขภาพของประเทศด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งดำเนินการถ่ายโอนภารกิจและงบประมาณด้านการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสภาพและการรักษาพยาบาลเบื้องต้นพร้อมสถานีอนามัย (โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้มีปริมาณเพียงพอและมีคุณภาพ โดยคำนึงถึงการกระจายของกำลังคนระหว่างพื้นที่ในเขตเมืองและเขตชนบทให้มีความสมดุล การจัดทำแผนในเชิงลึกสำหรับประเด็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยั่งยืนของระบบประกันสุขภาพของประเทศ การกระจายอำนาจทางด้านสาธารณสุข และการบริหารจัดการกำลังด้านสุขภาพ แทนการทำแผนในเชิงกว้างที่เน้นความครอบคลุมเป้าหมายทางด้านสุขภาพในทุกมิติ และการจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายที่ต้องพิจารณาความจำกัดของทรัพยากร โดยคำนึงถึงผลกระทบจากทุกมาตรการในยุทธศาสตร์ต่อความยั่งยืนทางการเงินการคลังของสถานพยาบาล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๔.๑ ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษาภาพรวมอัตรากำลังทั้งระบบและการจัดทำข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาอัตรากำลังคนและการบริหารจัดการภารกิจด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ (เรื่อง การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นงบประมาณสำหรับอัตรากำลังใหม่ที่ได้รับอนุมัติในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔) ๔.๒ ให้กระทรวงสาธารณสุขวางยุทธศาสตร์การพัฒนาการให้บริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานด้วยการเร่งพัฒนาศูนย์กลางบริการรักษาพยาบาลเฉพาะทางให้คลอบคลุมทุกภูมิภาคซึ่งประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์โดยตรงจากการได้รับบริการที่ทั่วถึงและมีมาตรฐานสูงในระดับสากลและเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้เกิดธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งจะเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป |
.....