ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ 7/2555 | นร11 | 25/09/2555 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๗/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กยอ. เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อรองรับการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงของประเทศ ได้แก่ การจัดตั้งรัฐวิสาหกิจใหม่เพื่อบริหารกิจการรถไฟความเร็วสูง [รวมโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ARL)] ภายใต้กระทรวงคมนาคม โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นหลัก และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมลงทุนในกิจการ โดยบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่กำกับดูแลสัญญาสัมปทาน และการโอนกรรมสิทธิ์การใช้พื้นที่เขตทางสำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงให้แก่รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยมีการชำระค่าใช้ประโยชน์พื้นที่ให้แก่ รฟท. บนหลักการเดียวกับการขอใช้พื้นที่ในเขตทางของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำรายได้ไปแก้ไขปัญหาหนี้ของ รฟท. ต่อไป ตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอ โดยให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังรับข้อเสนอแนวทางดังกล่าวไปประกอบการพิจารณารายละเอียดก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยื่นหนังสือต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอขยายระยะเวลาการจัดทำคำชี้แจงการดำเนินงานของ กยอ. ต่อศาลปกครองกลาง กรณีสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนกับพวก รวม ๓๙ คน ฟ้องร้องต่อศาลปกครองให้ดำเนินคดีกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) และ กยอ. ในการสนับสนุนและอนุญาตให้ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือสวนอุตสาหกรรม ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำถาวรเพื่อล้อมรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมหรือเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือสวนอุตสาหกรรม ออกไปอย่างน้อย ๓๐ วัน นับจากวันที่ครบกำหนด พร้อมทั้งยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อทำคำให้การแก้ต่างทางคดีดังกล่าวแทน กยอ. และให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายปรเมธี วิมลศิริ) เป็นผู้แทน กยอ. ในการนำส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการนำพยานบุคคลที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริง และให้ถ้อยคำต่าง ๆ ต่อพนักงานอัยการ และประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดจนกว่าการดำเนินการทางคดีจะแล้วเสร็จ ๓. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) โดยกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กับหน่วยงานไปดำเนินการ รวมเป็นเงิน ๔๗,๙๖๓ ล้านบาท และอนุมัติการเบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น ๒๘,๙๑๘ ล้านบาท ซึ่งแผนงานที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว ได้แก่ แผนการดำเนินการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ แผนการป้องกันปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วนในพื้นที่ตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา แผนการฟื้นฟู การอนุรักษ์ป่าและดิน การทำฝาย แผนการพัฒนาประสิทธิภาพการเก็บและการระบายน้ำในพื้นที่รับน้ำนอง และแผนการก่อสร้างระบบป้องกันอุทกภัยสำหรับนิคม/สวน/เขตอุตสาหกรรม สำหรับวงเงินที่เหลือ จำนวน ๓๐๒,๐๓๖ ล้านบาท ได้ประกาศเชิญชวนผู้สนใจร่วมเสนอกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและระบบการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยในอนาคต ๔. รับทราบความคืบหน้าการฟื้นฟูพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ มีผู้ประกอบการในนิคม/เขต/สวนอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการเต็มกำลังการผลิต จำนวน ๔๐๒ ราย เปิดดำเนินการบางส่วน จำนวน ๒๗๙ ราย และยังไม่ได้เปิดดำเนินการ จำนวน ๑๕๘ ราย ส่วนการดำเนินการก่อสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำคาดว่าจะสามารถสร้างเสร็จได้ทันภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ ยกเว้นนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครที่คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ๕. รับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ โดยผลการรับประกันภัยตั้งแต่ ๒๘ มีนาคม - ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ กลุ่มผู้เอาประกันภัย ได้แก่ บ้านอยู่อาศัย SME และอุตสาหกรรม ได้ออกกรมธรรม์ไปแล้วรวม ๔๗,๐๑๕ ฉบับ ทุนประกันภัยพิบัติรวม ๖,๓๔๑.๙๑ ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรวม ๔๕.๑๙ ล้านบาท ส่วนประมาณการประกันภัยทรัพย์สิน (กันยายน - ธันวาคม ๒๕๕๕) กลุ่มผู้เอาประกันภัย ได้แก่ บ้านอยู่อาศัย SME และอุตสาหกรรม จะมีการออกกรมธรรม์ ๓๖๔,๓๗๒ ฉบับ ทุนประกันภัย ๓,๖๕๕,๖๐๗ ล้านบาท และประมาณการทุนประกันภัย ๔๗๕,๕๕๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินการต่อไป อาทิ การสรรหาที่ปรึกษาด้านการประกันภัยต่อเพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะแก่กองทุนฯ ในการจัดแผนการประกันภัยต่อที่เหมาะสม การเดินทางไปเจรจากับบริษัทประกันภัยต่อในต่างประเทศเพื่อให้สามารถเจรจาต่อรองเงื่อนไขความคุ้มครองรวมทั้งเบี้ยประกันภัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด การดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ และการคัดเลือกบริษัทที่จะได้จ้างดำเนินการวางแผนการประชาสัมพันธ์และการใช้สื่อในรูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น
|
.....