ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | สรุปผลการตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง | วท | 08/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ณ จังหวัดลพบุรี อุทัยธานี ชัยนาท และพระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ ๕ - ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และเห็นชอบตามข้อเสนอแนะตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นควรให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมชลประทาน หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทบทวนการประสานงานในเรื่องการบริหารจัดการน้ำใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของการลดการปล่อยน้ำอย่างกะทันหัน ว่าจะต้องมีการแจ้งล่วงหน้านานเท่าใด และผลกระทบหรือจุดเสี่ยงจะเกิดขึ้นที่ไหน ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้คล้าย ๆ กับที่เกิดขึ้นเมื่อเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์เริ่มการปล่อยน้ำโดยไม่มีการประสานงานอย่างเหมาะสม ทำให้น้ำท่วมที่อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๑.๒ การขาดแคลนน้ำของชาวนาขณะนี้ เกิดขึ้นเพราะการประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ชาวนาเลื่อนฤดูการปลูกข้าวเร็วขึ้น ๑ เดือน ดังนั้น ความต้องการน้ำในระยะต้นจึงสูงมาก ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำอย่างฉับพลัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องปรับปฏิทินการส่งน้ำเสียใหม่ โดยมุ่งการส่งน้ำให้ถึงไร่นาในช่วงต้นของฤดูกาลเพาะปลูกให้ทันทุกพื้นที่ ๑.๓ การขุดลอกแม่น้ำเจ้าพระยาของกรมเจ้าท่า มุ่งเน้นในเรื่องของการเดินเรือตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น การขุดลอกดังกล่าวจึงมุ่งไปที่การสร้างร่องน้ำถาวรเท่านั้น ยังไม่ใช่เป็นการขุดลอกเต็มลำน้ำเพื่อสนองนโยบายการเร่งระบายน้ำ จึงเห็นควรให้กรมเจ้าท่าปรับแผนการขุดลอกลำน้ำเสียใหม่ หรืออาจต้องมีการทบทวนให้เอกชนเข้ามาขุดลอกโดยการจ่ายเงินค่าทรายให้กับทางราชการ ๑.๔ การประกาศเขตภัยพิบัติของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นการประกาศอย่างหลวม (เหวี่ยงแห) หวังผลเพียงให้สามารถเบิกงบประมาณไปช่วยประชาชนที่เดือดร้อนเท่านั้น โดยมองข้ามผลกระทบทางด้านจิตวิทยา ทำให้มองคล้าย ๆ ว่า ภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งไม่ควรจะขาดแคลนน้ำกลับเกิดภัยแล้งขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่าบางจังหวัดเมื่อประกาศแล้วใช้เงินช่วยเหลือเพียง ๔๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ที่ถึงกับต้องประกาศภัยแล้ง จึงเห็นควรให้มีการปรับปรุงระเบียบและข้อปฏิบัติเสียใหม่ เพื่อสามารถให้พื้นที่ ใช้หรือจ่ายงบประมาณช่วยเหลือเยียวยาประชาชนได้ โดยไม่ต้องพึ่งการประกาศเป็นเขตภัยแล้ง เพราะพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงนั้นมีขนาดเล็ก ๒. กรณีการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ซึ่งตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้อธิบดี/ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องประกาศกำหนดพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติก่อน จึงจะสามารถเบิกจ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติได้ ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับการเกิดภัยพิบัติจริง ดังนั้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ประกอบกับเพื่อให้การควบคุมการใช้จ่ายเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการปรับปรุงระเบียบ หลักเกณฑ์ และข้อปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของการใช้จ่ายงบกลางฯ ให้สำนักงบประมาณรายงานการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลางของแต่ละส่วนราชการและยอดเงินคงเหลือให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย
|
.....