ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | สรุปรายงานภาวะสังคมไตรมาสสี่ และภาพรวมปี 2554 | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานภาวะสังคมไตรมาสสี่ และภาพรวมปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจ้างงาน และรายได้ ๑.๑ ในไตรมาส ๔/๒๕๕๔ การจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๙ และการว่างงานต่ำร้อยละ ๐.๖ หรือมีผู้ว่างงาน ๒๔๕,๘๙๐ คน ในขณะเศรษฐกิจหดตัวมากถึงร้อยละ ๙.๐ การว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำเนื่องจาก (๑) สาขาก่อสร้าง ค้าปลีกและค้าส่งยังจ้างงานเพิ่มขึ้น (๒) ผู้ประกอบการบางส่วนอยู่ในช่วงที่ขาดฐานข้อมูลแรงงานที่จะใช้ดำเนินการเจรจายุติการจ้างงานและผู้ประกอบการอีกส่วนหนึ่งรักษาการจ้างงานไว้แม้ว่ากิจกรรมการผลิตชะงักลงเนื่องจากขาดแคลนแรงงานทักษะอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีโครงการชะลอการเลิกจ้าง (๓) การลดการจ้างงานส่วนหนึ่งเป็นการลดชั่วโมงการทำงาน แรงงานที่ทำงานเพียงน้อยชั่วโมงจึงมีจำนวนมากขึ้น ชี้ถึงการว่างงานแฝงที่ไม่ก่อให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจและไม่สร้างรายได้ และ (๔) แรงงานรอฤดูกาลภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากซึ่งไม่ถูกนับเป็นผู้ว่างงาน ๑.๒ การจ้างงานรวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๑ และอัตราการว่างงานเฉลี่ยร้อยละ ๐.๗ รายได้แท้จริงแรงงานเฉลี่ยทั้งปีเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๘ ชะลอลงจากปีก่อนหน้า แม้ว่าตลาดแรงงานในภาพรวมตึงตัว แต่พบว่ายังมีการทำงานที่ไม่เต็มศักยภาพอยู่อีกมากซึ่งนับว่าเป็นการว่างงานแฝงอยู่ในรูปของการทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ (Economically inactive) ส่วนใหญ่เป็นการทำงานต่ำระดับเนื่องจากคุณสมบัติของแรงงานไม่ตรงกับความต้องการของตลาด รวมทั้งแรงงานไร้ทักษะในภาคเกษตร อันเป็นผลจากการจัดการศึกษาที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและคุณภาพแรงงานต่ำ ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีประเด็นที่ต้องติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตแรงงาน คือ (๑) ความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างในช่วงครึ่งแรกของปี ทั้งเนื่องจากการสิ้นสุดระยะเวลา ๓ เดือนของโครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้าง และการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยร้อยละ ๓๙.๕ ในเดือนเมษายน (๒) การติดตามการฟื้นฟูและเยียวยาแรงงานในช่วงหลังภัยพิบัติให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยเฉพาะแรงงานรายวันและแรงงานจ้างเหมาซึ่งมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้กลับไปทำงาน (๓) การเร่งพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและการเร่งเตรียมความพร้อมแรงงานในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และ (๔) การทบทวนลักษณะการใช้ข้อมูลการจ้างงาน การว่างงาน และแรงงานรอฤดูกาลในการจัดทำนโยบายแรงงาน ให้มีรายละเอียดที่สะท้อนเชื่อมโยงถึงผลผลิตทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น รายได้และคุณภาพชีวิตได้ดีขึ้น ๒. ด้านสุขภาพ การเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น ๑,๗๙๐,๒๗๕ ราย ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๙.๒ โดยพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตมากที่สุด ด้านสุขภาพจิตต้องเฝ้าระวังและมีมาตรการป้องกันด้านจิตเวชมากขึ้นเนื่องจากมีผู้ป่วยด้วยโรคจิตเวชที่เข้ารับบริการรักษามีจำนวนเพิ่มขึ้น และผลการสำรวจแสดงว่าความสุขมวลรวมของคนไทยลดลงในเดือนมกราคม ๒๕๕๕ ๓. ด้านพฤติกรรมและความเป็นอยู่ของคนในสังคมไทย มีประเด็นเฝ้าระวังหลายด้าน ได้แก่ ๓.๑ คนไทยอายุ ๑๕ ปีขึ้นไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก ๙ เท่าตัว และต้องเฝ้าระวังในกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ ๑๕ - ๒๔ ปี จากการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากรอายุ ๑๕ ปีขึ้นไป พบว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนวัย ๑๕ - ๒๔ ปี ยังคงมีอัตราการดื่มสุราที่สูงเมื่อเทียบกับกลุ่มอายุอื่นโดยมีสัดส่วนร้อยละ ๒๓.๗ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ลดลงเพียงเล็กน้อยจากร้อยละ ๒๔.๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวที่ล่อแหลมทั้งการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อยู่ใกล้สถานศึกษา การโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ รวมถึงการหาซื้อได้ง่ายและสะดวก เป็นต้น ๓.๒ การเผยแพร่ภาพไม่เหมาะสมในสังคมออนไลน์มีจำนวนเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ส่วนใหญ่เป็นเว็บเผยแพร่คลิปหลุด คลิปแอบถ่าย โป๊ เปลือย หรือเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมต่อเด็กและเยาวชน การจัดการกับปัญหาการเผยแพร่ที่ไม่เหมาะสมต้องป้องกันควบคู่กับการปราบปรามด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน และเปิดโอกาสให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในการรายงานเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งการร่วมสร้างพื้นที่สื่อสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นและเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับเด็กและเยาวชนให้มากขึ้น ๓.๓ คุณแม่วัยใสยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและมีสถิติสูงสุดในเอเชีย โดยอัตราการคลอดบุตรของหญิงไทยอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี เพิ่มจาก ๑๓.๕๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็น ๑๓.๗๖ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ประเทศไทยมีผู้หญิงอายุต่ำกว่า ๒๐ ปีที่ตั้งครรภ์มี ๗๐ คน ต่อผู้หญิงวัย ๑๕ - ๑๙ ปี ๑,๐๐๐ คน และปัจจุบันการตั้งครรภ์ของผู้หญิงไทยที่อายุต่ำกว่า ๒๐ ปี เพิ่มขึ้นเป็น ๙๐ - ๑๐๐ คน ๔. คดีอาญา โดยรวมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะยาเสพติดยังเป็นปัญหาสำคัญที่รุนแรงขึ้นทั้งปริมาณและลักษณะการต่อสู้การจับกุม ช่องทางเครือข่ายการจำหน่ายยาเสพติดในทัณฑสถานยังเป็นปัญหาต่อเนื่อง ในรอบปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีคดียาเสพติดเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ร้อยละ ๓๐ สะท้อนทั้งสภาพปัญหาที่มีมากขึ้นและการปราบปรามที่เป็นเชิงรุก รวมทั้งมีปัญหายาไอซ์บุกเข้าสู่ตลาดวัยรุ่นแทนยาบ้า และเริ่มแพร่ระบาดในระดับชุมชน สถานศึกษา สถานประกอบการ กลุ่มเสี่ยงที่เป็นนักเสพหน้าใหม่ยังคงเป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุ ๑๕ - ๑๙ ปี
|
.....