ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ผลการติดตามการดำเนินงานฟื้นฟู เยียวยา และแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของนายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ระหว่างวันที่ 13 - 17 กุมภาพันธ์ 2555 | นร | 22/02/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการติดตามการดำเนินงานฟื้นฟู เยียวยา และแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินงานฟื้นฟู เยียวยา ได้แก่ เงินช่วยเหลือ ๕,๐๐๐ บาทต่อครัวเรือน จ่ายไปแล้ว ๑,๗๗๓,๐๒๓ ครัวเรือน จำนวนเงิน ๘,๘๖๕.๑๑๕ ล้านบาท เงินช่วยเหลือเกษตรกร จ่ายไปแล้ว ๕๐๔,๐๙๙ ราย จำนวนเงิน ๑๕,๐๐๓.๔๕๙ ล้านบาท และงบประมาณฟื้นฟูช่วยเหลือเยียวยาจังหวัด จังหวัดได้รับจากงบกลางแล้ว ๔๖,๑๙๒.๘๑ ล้านบาท ๑.๒ การดำเนินการป้องกันปัญหาอุทกภัยตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๑.๒.๑ พื้นที่ต้นน้ำ ๑๐ จังหวัด (จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย สุโขทัย อุตรดิตถ์ ตาก น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน และพะเยา) ได้ติดตามผลการดำเนินงานและให้ความสำคัญกับการดูดซับน้ำและลดการพังทลายของดิน โดยการปลูกหญ้าแฝกและสร้างฝายชะลอน้ำ ปรับเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำ (Rule Curves) โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ให้เกณฑ์ต่ำอยู่ในระดับร้อยละ ๔๕ ภายในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และจัดระบบการรายงานข้อมูล พยากรณ์ และการเตือนภัย เช่น กำหนดขั้นตอนเตือนภัย กำหนดมาตรการเตือนภัยในช่วงระบายน้ำ และกำหนดเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำและการเตือนภัย ได้แก่ ศูนย์ข้อมูลการจัดการน้ำแห่งชาติ และระบบศูนย์เตือนภัย ๑.๒.๒ พื้นที่กลางน้ำตอนบน ๖ จังหวัด (จังหวัดพิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี พิจิตร กำแพงเพชร และชัยนาท) ได้ให้ความสำคัญกับการหน่วงน้ำ เพื่อชะลอการไหลของน้ำ โดยการจัดหาพื้นที่แก้มลิง ทั้งที่เป็นบึงธรรมชาติและพื้นที่เกษตรกรรม การผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำ โดยใช้ประโยชน์บึงธรรมชาติให้เต็มศักยภาพด้วยการเชื่อมบึงด้วยคลอง เชื่อมคลองสู่คลอง เชื่อมคลองสู่แม่น้ำและข้ามลุ่มน้ำ และการบริหารจัดการน้ำบริเวณเขื่อนเจ้าพระยา และประตูน้ำต่าง ๆ เช่น ซ่อมแซมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี และประตูระบายน้ำพลเทพ เป็นต้น ๑.๒.๓ พื้นที่กลางน้ำตอนล่าง ๘ จังหวัด (จังหวัดสุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี และนครนายก) ได้ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงโครงข่ายน้ำ การกำหนดพื้นที่รับน้ำ และการป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจ โดยการจัดทำแก้มลิง ทั้งที่เป็นแหล่งเก็บกักน้ำตามธรรมชาติและพื้นที่เกษตรกรรม การเตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุและการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ การป้องกันอุทกภัยรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม การปรับปรุงและบูรณะถนนเป็นคันกั้นน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และนอกนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งการบูรณะโบราณสถานให้สู่สภาพเดิม ๑.๒.๔ พื้นที่ปลายน้ำ ๗ จังหวัด (จังหวัดนนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา นครปฐม ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร) ได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุดด้วยระบบคูคลอง ระบบสูบน้ำ และลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการคันกั้นน้ำพระราชดำริ การปรับปรุงและติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการเร่งระบายน้ำให้น้ำไหลลงทะเลได้เร็วที่สุดและป้องกันพื้นที่เฉพาะ โดยการเร่งระบายน้ำที่อยู่นอกพื้นที่ปิดล้อมทั้งตามแนวลำน้ำและการหลากน้ำให้จำกัดอยู่ในพื้นที่ที่มีผลกระทบน้อย รวมทั้งการปิดล้อมพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ สังคม และการบริหารประเทศ โดยใช้แนวคันกั้นน้ำเป็นชั้น ๆ และใช้ระบบคลองแนวขวางเพื่อระบายน้ำไปทางตะวันออกและตะวันตกของพื้นที่ปิดล้อม รวมทั้งซ่อมแซมปรับปรุงประตูระบายน้ำ ๑.๒.๕ สำหรับพื้นที่แก้มลิง เป้าหมาย ๒ ล้านไร่ เพื่อรองรับน้ำหลาก จากการลงพื้นที่สามารถจัดหาพื้นที่ได้ประมาณ ๑.๔ ล้านไร่ สำหรับพื้นที่แก้มลิงที่ต้องจัดหาเพิ่มอีก ๐.๖ ล้านไร่ มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาสำรวจเพิ่มเติมและตรวจสอบพื้นที่จริงตามที่จังหวัดเสนอ รวมทั้งพิจารณาหลักเกณฑ์ในการชดเชย ๒. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ได้ให้ความเห็นชอบโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วน จำนวน ๑๑๙ โครงการ กรอบวงเงิน ๕,๐๘๕.๐๔๙๔ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้จังหวัดจัดทำรายละเอียดประกอบคำขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดส่งให้สำนักงบประมาณ ภายในวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ หากพ้นกำหนดระยะเวลาให้ถือว่าโครงการไม่มีความพร้อม และให้สำนักงบประมาณรายงานผลการจัดสรรงบประมาณต่อนายกรัฐมนตรี ภายในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
|
.....