ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 4 ทั้งปี 2554 และแนวโน้มปี 2555 | นร | 22/02/2555 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ ๔ ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ ๔ หดตัวร้อยละ ๙.๐ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ หรือหดตัวร้อยละ ๑๐.๗ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว เป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบปีเทียบกับ ๓ ไตรมาสแรกที่ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ ๓.๒ ๒.๗ และ ๓.๗ ตามลำดับ สาเหตุสำคัญมาจากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ทำให้ภาคการผลิตสาขาอุตสาหกรรม การบริโภค การลงทุน การท่องเที่ยว และการส่งออกหดตัว ยกเว้นภาคเกษตรกรรมที่ยังขยายตัวเล็กน้อย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ ภาคการผลิตสาขาอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ ๒๑.๘ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๓.๑ ในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมและระบบโลจิสติกส์ในพื้นที่ประสบอุทกภัยได้รับความเสียหายและกระทบต่อห่วงโซ่การผลิต อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ระดับร้อยละ ๔๖.๔ ลดลงจากร้อยละ ๖๔.๕ และ ๖๔.๒ ในไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามลำดับ รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ สาขาอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ ๔.๓ ๑.๒ การใช้จ่ายภาคครัวเรือน หดตัวร้อยละ ๓.๐ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๒.๔ ในไตรมาสก่อน เนื่องจากผลกระทบของอุทกภัย โดยยอดจำหน่ายสินค้าคงทนลดลงมากถึงร้อยละ ๒๑.๘ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอยู่ที่ระดับ ๖๒.๓ เทียบกับ ๗๓.๕ ในไตรมาสที่แล้ว รวมทั้งผู้บริโภคมีความกังวลต่อสถานการณ์ค่าครองชีพที่อาจปรับตัวสูงขึ้นหลังน้ำท่วม ประกอบกับรายได้เกษตรกรลดลงเนื่องจากราคาสินค้าเกษตรหลัก ๆ ลดลง เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง เป็นต้น รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ การใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ ๑.๓ ๑.๓ การลงทุนภาคเอกชน หดตัวร้อยละ ๑.๓ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๙.๑ ในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลมาจากเหตุการณ์อุทกภัยและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ส่งผลให้การลงทุนในหมวดเครื่องจักรเครื่องมือหดตัวลงร้อยละ ๒.๔ ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ (Business Sentiment Index : BSI) เฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ ๔๑.๔ ลดลงจากระดับ ๕๐.๖ ในไตรมาสที่ผ่านมา รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๗.๒ โดยการลงทุนรวมทั้งปีขยายตัวร้อยละ ๓.๓ ๑.๔ ภาคการส่งออก ในรูปดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่า ๔๙,๑๖๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๕.๒ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๒๗.๓ ในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลมาจากภาคการผลิต โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย ประกอบกับปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ การส่งออกมีมูลค่า ๒๒๕,๓๖๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ ๑๖.๔ โดยตลาดสำคัญที่ยังคงขยายตัวได้ดีคือ จีน เกาหลีใต้ และอาเซียน ๑.๕ ภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเมืองไทยในไตรมาสสุดท้าย มีจำนวน ๔.๔ ล้านคน ลดลงร้อยละ ๔.๔ เนื่องจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา โดยมีรายได้จากการท่องเที่ยว ๑๘๘,๐๗๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๘ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตราการเข้าพักอยู่ที่ระดับร้อยละ ๕๕.๗ ปรับตัวสูงขึ้นจากร้อยละ ๕๔.๓ ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในสาขาโรงแรมและภัตตาคารหดตัวร้อยละ ๕.๓ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๑๐.๒ ในไตรมาสที่แล้ว รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเมืองไทย ๑๙.๑ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๙.๘ ๑.๖ ภาคเกษตรกรรม ขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ ๐.๗ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ในขณะที่พื้นที่ปลูกข้าวบางส่วนได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ทำให้มีผลผลิตลดลง เกษตรกรมีรายได้ลดลงร้อยละ ๐.๗ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๗.๘ ในไตรมาสก่อน รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ภาคเกษตรกรรมขยายตัวร้อยละ ๓.๘ ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๒ ส่งผลให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น ๑๗.๙ โดยรวมเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ขยายตัวเพียงร้อยละ ๐.๑ โดยมีสาเหตุหลักมาจากปัญหาอุทกภัยที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อ GDP ในราคาประจำปี คิดเป็นมูลค่าถึง ๓๒๘,๑๕๔ ล้านบาท โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับปานกลางที่ร้อยละ ๓.๘ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๑๑,๘๖๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือร้อยละ ๓.๔ ของ GDP ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่สอง และทั้งปีขยายตัวได้ในช่วงร้อยละ ๕.๕ - ๖.๕ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการลงทุนเพื่อการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ ทั้งในส่วนของการลงทุนเพื่อปรับปรุงฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และการก่อสร้างเพิ่มเติม รวมถึงการดำเนินมาตรการสนับสนุนด้านสินเชื่อและมาตรการภาษีที่มีส่วนสำคัญต่อการฟื้นฟูทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ประกอบกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ของประชาชนจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ภาคการผลิตมีแนวโน้มที่คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศโดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนอุปสงค์ต่างประเทศน่าจะยังขยายตัวได้ดีเนื่องจากคู่ค้าสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เช่น อาเซียน จีน และอินเดีย ยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๓.๕ ถึง ๔.๐ การบริโภคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ ๔.๔ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๑๔.๒ มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ ๑๗.๒ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณร้อยละ ๑.๒ ของ GDP ๓. ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ควรให้ความสำคัญในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๓.๑ การเร่งป้องกันผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในชุมชนและฐานการผลิตที่สำคัญ รวมทั้งเร่งรัดการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยซ้ำซ้อนและป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำ ๓.๒ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะรายจ่ายด้านการลงทุน ๓.๓ การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับความเสี่ยงด้านความผันผวนของระบบการเงินโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ๓.๔ การดูแลราคาสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นให้เป็นธรรมทั้งต่อผู้บริโภคและผู้ผลิต ๓.๕ การดำเนินนโยบายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างอนาคตของประเทศ เช่น การสร้างรายได้ให้ผู้มีรายได้น้อย นโยบายพลังงาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น
|
.....