ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2553 ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 | พม | 31/01/2555 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้รายงานต่อรัฐสภาทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. ข้อมูลการรายงานตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบด้วย ๑.๑ ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวนการกระทำความรุนแรงในครอบครัวในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่เข้าสู่กระบวนการของตำรวจ มีทั้งสิ้น ๓๑๕ คดี เป็นการร้องทุกข์ ๒๒๙ คดี ไม่ร้องทุกข์ ๑๖ คดี มีการใช้คำสั่งกำหนดมาตรการ/วิธีการเพื่อการบรรเทาทุกข์ ๒๔ คำสั่ง โดยใน ๒๔ คำสั่ง มีการละเมิดคำสั่ง ๑๓ คำสั่ง และมีการยอมความ ๖๖ คดี ในส่วนของผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป (๑๘๘ คดี) เพศชาย (๔๑ คดี) โดยผู้ถูกกระทำที่เป็นเพศหญิงอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นคดีการกระทำทางกาย ๑๓๔ คดี ทางเพศ ๕๐ คดี และทางจิตใจ ๔ คดี ในส่วนของผู้ถูกกระทำอายุระหว่าง ๐ - ๑๘ ปี ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (๑๒๗ คดี) เพศชาย (๑๔ คดี) โดยเพศหญิงอายุระหว่าง ๐ - ๑๘ ปี ส่วนใหญ่เป็นคดีทางเพศ ๑๑๘ คดี รองลงมาเป็นคดีทางกาย ๗ คดี ทางจิตใจและสังคมประเภทละ ๑ คดี ๑.๒ ข้อมูลจากสำนักงานอัยการสูงสุด จำนวนคดีการกระทำความรุนแรงในครอบครัวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่เข้าสู่กระบวนการของอัยการ มีทั้งสิ้น ๓๙๐ คดี สั่งฟ้อง ๓๓๓ คดี โดยในจำนวนที่สั่งฟ้อง ๓๓๓ คดี ได้ขอให้ศาลใช้มาตรการทางกฎหมาย ๓๕ เรื่อง และศาลได้กำหนดมาตรการหรือวิธีการบรรเทาทุกข์ ๕ เรื่อง จากจำนวน ๓๕ เรื่อง สั่งไม่ฟ้อง ๑๒ คดี สั่งยุติคดี (ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์) ๓๙ คดี และจากจำนวนคดีที่อัยการสั่งฟ้องได้เข้าสู่กระบวนการศาลชั้นต้น ๒๓๘ คดี โดยศาลสั่งยกฟ้อง ๙ คดี สั่งจำหน่ายคดี (ยอมความ) ๑๔ เรื่อง และเป็นคดีที่ศาลสั่งลงโทษ ๒๑๕ คดี ๑.๓ ข้อมูลจากสำนักงานศาลยุติธรรม จำนวนคดีการกระทำความรุนแรงในครอบครัวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่เข้าสู่กระบวนการของศาล มีทั้งสิ้น ๒๔๐ คดี เป็นคดีที่ขึ้นสู่ศาลชั้นต้นและเป็นคดีที่ผู้เสียหาย (ผู้ถูกกระทำความรุนแรง) ดำเนินการฟ้องศาลโดยตรงไม่ผ่านการร้องทุกข์ต่อตำรวจ ๒๔๐ คดี มีการออกคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ ๓๐ คำสั่ง แยกเป็นคำสั่งที่ออกโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ (ชั้นผู้ใหญ่) ซึ่งศาลเห็นชอบ ๓ คำสั่ง และคำสั่งที่ออกโดยศาล ๒๗ คำสั่ง โดยไม่มีจำนวนการละเมิดคำสั่ง และมีการยอมความชั้นพิจารณาคดี ๑๑ คดี ๑.๔ ข้อมูลจากระบบข้อมูลความรุนแรงในครอบครัวภายใต้เว็บไซต์ www.violence.in.th ของศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัวทั่วประเทศ ประกอบด้วย เหตุการณ์การกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวทั่วไป ทั้งที่เป็นคดีและไม่เป็นคดีในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๙๑๖ เหตุการณ์ มีจำนวนผู้กระทำความรุนแรงเป็นเพศชาย ๖๔๕ ราย เพศหญิง ๘๖ ราย ไม่ระบุเพศกระทำ ๑๗ ราย ส่วนจำนวนผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว เป็นเพศหญิง ๖๕๓ ราย เพศชาย ๗๗ ราย ไม่ระบุเพศผู้ถูกกระทำ ๑๙ ราย ภาคที่มีจำนวนเหตุการณ์ความรุนแรงมากที่สุด ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒๘๕ ราย รองลงมาคือ ภาคใต้ ๒๔๖ ราย ภาคกลาง ๒๑๒ ราย และภาคเหนือ ๑๗๓ ราย ตามลำดับ ในส่วนของประเภทความรุนแรง เป็นความรุนแรงทางร่างกายมากที่สุด รองลงมาคือ ความรุนแรงทางจิตใจ สาเหตุความรุนแรง ได้แก่ เมาสุรา ยาเสพติด สุขภาพกายและจิตใจ นอกใจ หึงหวง เศรษฐกิจ ตกงาน และสื่อลามก ด้านความสัมพันธ์ของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยามากที่สุด ๔๗๙ ราย ๒. แผนการดำเนินงานและแนวโน้มในอนาคต ได้แก่ การพัฒนาระบบข้อมูลด้านความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวให้ครอบคลุมประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนเข้าถึงข้อมูลเชิงคุณภาพได้มากขึ้น รวมทั้งเป็นแหล่งข้อมูลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจัดทำแนวทางการปฏิบัติงานของกลไกสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถเชื่อมโยงการทำงานเข้าด้วยกันในแต่ละขั้นตอนการปฏิบัติ การจัดทำนิยามศัพท์ของ “ความรุนแรงในครอบครัว” เพื่อให้สามารถจัดเก็บข้อมูลความรุนแรงในครอบครัวตามความหมายของพระราชบัญญัติฯ มีความชัดเจนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การสร้างต้นแบบที่ดีของศูนย์ปฏิบัติการฯ เพื่อนำไปสู่การขยายผลในจังหวัดอื่น ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนผู้รับบริการ การเสริมสร้างกลไกการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ และการทบทวนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขพระราชบัญญัติฯ และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
.....