คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เรื่อง แผนงาน/โครงการและงบประมาณในการช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านสังคม) ประกอบด้วย การดำเนินการให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการ และลูกจ้างทั้งที่ถูกเลิกจ้างและไม่ถูกเลิกจ้าง รวมทั้งแรงงานต่างด้าว สรุปได้ ดังนี้
               ๑. การให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการ ได้แก่
                   ๑.๑ โครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้าง เป็นการช่วยเหลือลูกจ้างของสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย โดยทำข้อตกลงกับนายจ้างว่าจะไม่เลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากสาเหตุการประสบอุทกภัย ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างในอัตราเดือนละ ๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน เป็นเวลา ๓ เดือน และนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มให้แก่ลูกจ้างเมื่อรวมกันแล้วลูกจ้างต้องได้รับเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ ของค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับก่อนเกิดอุทกภัย มีสถานประกอบการร่วมโครงการ จำนวน ๙๗๗ แห่ง ลูกจ้าง จำนวน ๒๕๒,๖๗๑ คน ปัจจุบันได้พิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณให้สถานประกอบการ จำนวน ๒๓๔ แห่ง ลูกจ้าง จำนวน ๘๘,๗๐๖ คน
                   ๑.๒ โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน โดยการยืมตัวลูกจ้างจากสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัยไปทำงานที่สถานประกอบการใกล้เคียงที่ไม่ประสบอุทกภัย มีสถานประกอบการร่วมโครงการ จำนวน ๖๔๕ แห่ง ตำแหน่งงานรองรับ จำนวน ๗๘,๒๖๐ อัตรา มีลูกจ้างเข้าทำงานตามโครงการ ๑๐๙ แห่ง จำนวน ๑๓,๒๔๑ คน
                   ๑.๓ โครงการประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย สำนักงานประกันสังคมนำเงินไปฝากกับสถาบันการเงิน จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้สถานประกอบการกู้เงินไปซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหายจากอุทกภัยรายละไม่เกิน ๑ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ต่อปี (คงที่ ๓ ปี) มีธนาคารเข้าร่วมโครงการ ๔ ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารนครหลวงไทย มีการอนุมัติสินเชื่อให้สถานประกอบการแล้ว จำนวน ๑๐ ราย เป็นเงิน ๑๐ ล้านบาท (ธนาคารกรุงไทย)
                   ๑.๔ โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน สำนักงานประกันสังคมนำเงินไปฝากกับสถาบันการเงิน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้สถานประกอบการกู้เงินเพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องและเพิ่มผลิตภาพแรงงาน เพื่อรักษาและส่งเสริมการจ้างงาน โดยให้สถานประกอบการยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ ๓ ต่อปี คงที่ ๓ ปี  (กรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือบุคคลค้ำประกัน) มีธนาคารพาณิชย์เสนอเข้าร่วมโครงการ ๓ แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์
                   ๑.๕ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการพัฒนาฝีมือแรงงานจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ให้เหลือร้อยละ ๐.๑ ระยะเวลา ๑ ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับแก้ไขประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน
                   ๑.๖ ขยายหรือเลื่อนระยะเวลาการส่งเงินสมทบตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมอยู่ระหว่างการดำเนินการหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเนื่องจากมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยที่จะต้องคิดเงินเพิ่มตามกฎหมาย
                   ๑.๗ การลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม โดยคณะกรรมการประกันสังคมมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ให้ลดอัตราเงินสมทบแก่นายจ้างและลูกจ้างเป็นระยะเวลา ๑ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ลดจากอัตราเงินสมทบที่จ่ายในปัจจุบันฝ่ายละ ร้อยละ ๕ ของค่าจ้างผู้ประกันตน โดยแบ่งเป็น ๒ ช่วง คือ ครึ่งปีแรก (๑ มกราคม - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕) จ่ายในอัตราฝ่ายละ ร้อยละ ๓ และครึ่งปีหลัง (๑ กรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕) จ่ายในอัตราฝ่ายละ ร้อยละ ๔
               ๒. การให้ความช่วยเหลือลูกจ้างทั้งที่ถูกเลิกจ้างและไม่ถูกเลิกจ้าง รวมทั้งแรงงานต่างด้าว ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามโครงการต่าง ๆ อาทิ การช่วยเหลือลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างให้ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน การช่วยเหลือลูกจ้างผู้ประกันตนที่ว่างงานให้ได้รับเงินช่วยเหลือตามกฎหมายประกันสังคม การจัดหาตำแหน่งว่าง การจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพ การยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบการ การให้เงินกู้ยืมแก่ลูกจ้างที่บ้านเรือนเสียหายจากอุทกภัยกู้ไปซ่อมแซมบ้าน รายละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท การอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการญี่ปุ่นในพื้นที่ประสบอุทกภัยจัดส่งลูกจ้างไปฝึกงานในต่างประเทศซึ่งเป็นบริษัทแม่ เป็นต้น สำหรับลูกจ้างที่เป็นแรงงานต่างด้าวผู้ประสบภัย ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้ลูกจ้างที่เป็นแรงงานต่างด้าวเข้าพักอาศัย