ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 23 และการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 19 | พณ | 04/01/2555 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ (The 23rd APEC Ministerial Meeting) และการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ (The 19th APEC Economic Leaders Meeting) ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ เมืองโฮโนลูลู มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ และการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ ๑.๑ การส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและการขยายการค้า ๑.๑.๑ ผู้นำเศรษฐกิจเอเปคเห็นชอบต่อแนวทางการสนับสนุน SMEs ให้เข้าร่วมในห่วงโซ่การผลิตของโลก (global supply chain network) โดยส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความสามารถในการผลิตของ SMEs ในฐานะอุตสาหกรรมสนับสนุน รวมทั้งการส่งเสริมนโยบายนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ ไม่เลือกปฏิบัติ และขับเคลื่อนโดยกลไกตลาด ๑.๑.๒ ผู้นำเศรษฐกิจเอเปคเห็นชอบให้ทุกเขตเศรษฐกิจกำหนดมูลค่าสินค้านำเข้าขั้นต่ำ (De minimis values) ที่จะยกเว้นการจัดเก็บภาษีศุลกากรและพิธีการทางศุลกากรสำหรับสินค้าที่ส่งทางไปรษณีย์และส่งแบบเร่งด่วน และการดำเนินโครงการนำร่อง (Pathfinder) ซึ่งเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมต้องกำหนดมูลค่าขั้นต่ำที่มากกว่าหรือเท่ากับ ๑๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งเห็นชอบ “APEC Guidelines for Customs Border Enforcement of Counterfeiting and Piracy” เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ศุลกากรของเขตเศรษฐกิจเอเปค ในการบังคับใช้มาตรการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับสินค้าปลอมแปลงและละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านพรมแดน ๑.๑.๓ ผู้นำเศรษฐกิจเอเปคเห็นชอบให้เอเปคแสดงบทบาทนำในการผลักดันให้มีการเปิดเจรจาภายใต้กรอบ WTO เพื่อขยายขอบเขตของสินค้าในความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITA) เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าและการลงทุนและผลักดันการสร้างนวัตกรรมในภูมิภาคเอเปค ๑.๑.๔ ผู้นำเศรษฐกิจเอเปคเห็นชอบให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าของ SMEs เพื่อช่วยเหลือ SMEs ในการทำธุรกิจและการส่งออกได้สะดวกขึ้น ๑.๒ การสร้างความเติบโตโดยรักษาสิ่งแวดล้อม (Green Growth) ๑.๒.๑ ผู้นำเศรษฐกิจเอเปคมีข้อสรุปเกี่ยวกับการเปิดเสรีการค้าและการลงทุนด้านสินค้าและบริการที่รักษาสิ่งแวดล้อม โดยในปี ๒๕๕๕ เขตเศรษฐกิจจะกำหนดรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมในกรอบเอเปคที่ส่งผลโดยตรงและในทางบวกต่อการเติบโตสีเขียวและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อนำมาซึ่งการลดภาษีนำเข้าลงเหลือไม่เกินร้อยละ ๕ หรือน้อยกว่า ภายในสิ้นปี ๒๕๕๘ โดยคำนึงถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจ และไม่กระทบท่าทีการเจรจาของเขตเศรษฐกิจภายใต้ WTO และให้เขตเศรษฐกิจยกเลิกการกำหนดการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศที่บิดเบือนการค้าสินค้าและบริการสิ่งแวดล้อมในภูมิภาค ให้สอดคล้องกับข้อผูกพันใน WTO ภายในสิ้นปี ๒๕๕๕ ๑.๒.๒ รัฐมนตรีเอเปคเห็นชอบแนวทางการสร้างความโปร่งใสเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการค้าสินค้าใช้แล้วที่นำมาผลิตใหม่ (remanufactured goods) โดยให้เขตเศรษฐกิจเผยแพร่ข้อมูลมาตรการด้านภาษีและที่มิใช่ภาษีที่เกี่ยวข้องกับสินค้าประเภทนี้ เปิดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแสดงข้อคิดเห็นต่อร่างกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และนำความเห็นมาพิจารณาในการออกกฎหมายและกฎระเบียบ รวมทั้งเห็นชอบโครงการนำร่อง (Pathfinder) ซึ่งเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมจะต้องไม่นำมาตรการใด ๆ ที่ใช้กับสินค้าใช้แล้ว (used goods) มาปฏิบัติกับสินค้าใช้แล้วที่นำมาผลิตใหม่ ๑.๓ การปฏิรูปกฎระเบียบ (Regulatory reform) ผู้นำเศรษฐกิจเอเปคเห็นชอบมาตรการที่จะดำเนินการภายในปี ๒๕๕๖ อาทิ แผนความร่วมมือด้านกฎระเบียบของเอเปค โดยส่งเสริมการปฏิบัติตาม Good Regulatory Practices (GRPs) และตาม APEC - OECD Integrated Checkliston Regulatory Reform รวมทั้งการพัฒนาและการส่งเสริมความร่วมมือด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และไวน์ ๒. ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ได้พบปะหารือทวิภาคีกับผู้แทนสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน เปรู และ World Bank เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ได้หารือคือสถานการณ์น้ำท่วมในไทย ซึ่งการหารือทวิภาคีเป็นโอกาสดีที่ฝ่ายไทยได้แสดงความขอบคุณต่อความสนับสนุนช่วยเหลือ และได้สร้างเสริมความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการของรัฐบาลไทย
|
.....