ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | สรุปรายงานภาวะสังคมไตรมาสสามปี 2554 | นร | 13/12/2554 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานภาวะสังคมไตรมาสสาม ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจ้างงาน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ร้อยละ ๑.๖ โดยการจ้างงานในสาขาการก่อสร้างเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ ๔.๔ อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ ๐.๗ เป็นผู้ว่างงาน ๒๖๒,๔๔๐ คน ผลตอบแทนค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนที่ยังไม่รวมผลประโยชน์ตอบแทนอื่นเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๒ แต่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นร้อยละ ๔.๑ ส่งผลให้ค่าจ้างที่แท้จริงเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ ๓.๐ ชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ๒. ตลาดแรงงานไทย ยังอยู่ในสภาพตึงตัว แต่เริ่มผ่อนคลายลงบ้างเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ภาคเศรษฐกิจที่ใช้กำลังแรงงานเข้มข้นในปัจจุบันจำเป็นต้องปรับตัวไปสู่การพึ่งพาเทคโนโลยีที่เข้มข้นมากขึ้นควบคู่ไปกับการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนให้การศึกษาระดับอาชีวศึกษาที่มีทักษะวิชาชีพที่ตรงกับความต้องการของตลาดและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชนในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานควบคู่ไปกับการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาที่จะนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมด้านกระบวนการผลิต ๓. ภาวะอุทกภัย ส่งผลกระทบสำคัญต่อตลาดแรงงานและคุณภาพชีวิตแรงงาน โดยระยะสั้น การว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็นภาวะชั่วคราว คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ อัตราการว่างงานจะเท่ากับร้อยละ ๑.๘ - ๒.๓ หรือมีผู้ว่างงานประมาณ ๗.๓ - ๙.๒ แสนคน รายได้ของแรงงานลดลงประมาณ ๑๕๗ ล้านบาท/วัน แต่รายจ่ายค่าครองชีพสูงขึ้น สำหรับระยะยาว ตลาดแรงงานมีแนวโน้มกลับมาดึงตัวตามโครงสร้างเดิม ภาคธุรกิจเอกชนมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์และเครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรมและมีแนวโน้มปรับลดความเข้มข้นของการใช้แรงงานลง ๔. หนี้สินครัวเรือน มีแนวโน้มสูงขึ้นโดยเฉพาะในช่วงปลายปี ในช่วงครึ่งแรกปี พ.ศ. ๒๕๕๔ หนี้สินครัวเรือนเฉลี่ยสูงขึ้นเป็น ๑๓๖,๕๖๒ บาทต่อครัวเรือน จาก ๑๓๔,๖๙๙ บาทในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ แต่สัดส่วนจำนวนครัวเรือนที่มีหนี้สินลดลงเป็นร้อยละ ๕๖.๙ จากร้อยละ ๖๐.๙ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ และปี พ.ศ. ๒๕๕๓ และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีหนี้สินครัวเรือนจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่การออมลดลง เนื่องจากรายได้ลดลงจากผลกระทบน้ำท่วม แต่ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นทั้งในช่วงน้ำท่วมและในระยะการฟื้นฟูหลังน้ำลด ๕. สุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้ประสบภัยน้ำท่วมยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง พบว่าเป็นโรคน้ำกัดเท้าร้อยละ ๗๐ มีปัญหาสุขภาพจิตซึ่งมีสะสมสูงถึง ๑๒๑,๗๘๘ ราย ในช่วง ๒๕ กรกฎาคม - ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ขณะที่ดัชนีความสุขมวลรวมของคนไทยลดลงอยู่ที่ ๕.๙๘ ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นช่วงน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ประชาชนเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมลดลง โรคที่ยังเป็นปัญหาสำคัญคือ โรคปอดอักเสบ และโรคมือเท้าปาก ๖. ในช่วงประเทศไทยกำลังประสบภาวะอุทกภัยและการฟื้นฟูหลังน้ำลด มีประเด็นที่ผู้บริโภคควรรู้สิทธิและสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองต่าง ๆ ได้แก่ สิทธิในการระงับการใช้บริการโทรคมนาคม เช่น อินเทอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์พื้นฐาน ฯลฯ โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการ สิทธิและความคุ้มครองของการประกันภัยทรัพย์สินของตน เช่น ในกรณีการประกันภัยรถยนต์บางประเภทให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติ การเข้าถึงสินค้าและบริการที่จำเป็นซึ่งได้รับผลกระทบจากการกักตุนสินค้าและการขาดแคลนสินค้าในช่วงอุทกภัย ๗. คดีอาญา โดยรวมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าของปีเดียวกันร้อยละ ๒๑.๕ และคาดว่าคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์จะเพิ่มขึ้นในไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดอุทกภัย ประชาชนส่วนใหญ่ต้องละทิ้งบ้านเรือน/ทรัพย์สิน ส่วนคดียาเสพติดมีสัดส่วนมากที่สุดถึงร้อยละ ๘๑.๔ ของคดีอาญา ส่วนอุบัติเหตุจราจรทางบกลดลงร้อยละ ๒๐.๘ แต่มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นจากลักษณะการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงมากขึ้น ในด้านการคุ้มครองสุขภาพในช่วงวิกฤตการณ์น้ำท่วมมีความพร้อมของระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขรองรับผู้ประสบภัย ๘. ความผันแปรของภูมิอากาศจากสภาวะโลกร้อน ทำให้ประเทศไทยประสบกับอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ ๕๐ ปี เป็นสัญญาณเตือนที่ต้องเร่งวางระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติที่เป็นรูปธรรม ตั้งแต่การวางแผนป้องกันระบบการเตือนภัย การเยียวยา/บรรเทาทุกข์ และการฟื้นฟู/การพัฒนาหลังเหตุการณ์ รวมทั้งมีการสร้างความตระหนักในการเตรียมรับมือกับภัยธรรมชาติในลักษณะเชิงรุกมากขึ้น
|
.....