ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | การประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐเฉพาะกิจเพื่อจัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมว่าด้วยการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม | กต. | 23/01/2567 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบการเจรจาร่างอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมว่าด้วยการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม
และให้คณะผู้แทนไทยร่วมเจรจาร่างอนุสัญญาฯ
โดยใช้กรอบการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ ในการกำหนดท่าทีในการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ โดยหากมีความจำเป็นและมีการปรับแก้ร่างอนุสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ขอให้คณะผู้แทนไทยใช้ดุลยพินิจในการร่วมการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ ได้
โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีก ทั้งนี้ โดยคำนึงว่าไทยสามารถเลือกเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาที่กำลังมีการจัดทำดังกล่าวได้เมื่อมีความพร้อม
ซึ่งการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๙ มกราคม-๙กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ณ
นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยกรอบการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ มีสาระสำคัญ เช่น (๑) การกำหนดแนวทางการเจรจาโดยคำนึงถึงหลักการและบทบัญญัติตามกฎหมายของไทยที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนความตกลงระหว่างประเทศและพันธกรณีที่มีผลผูกพันไทย
ซึ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์หรือการใช้เทคโนโลยีสารสนทศ
และการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม และ (๒)
การกำหนดท่าทีของไทยสำหรับการประชุมดังกล่าว โดยมีการกำหนดขอบเขตของอนุสัญญาฯ อาทิ
มีขอบเขตครอบคลุมอาชญากรรมที่ต้องพึ่งพาระบบไซเบอร์และระบบคอมพิวเตอร์ (cyber-dependent crimes) เป็นหลัก รวมถึงอาชญากรรมดั้งเดิมที่กระทำผ่านระบบไซเบอร์
หรือระบบคอมพิวเตอร์ (cyber-enabled crimes) ในบางกรณี
และสนับสนุนการเรียกและติดตามคืนทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ขอบเขตของการให้ความร่วมมือระหว่างประเทศไม่ควรรวมถึงการแลกเปลี่ยนพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ของอาชญากรรมทุกประเภท
แต่ควรระบุไว้เป็นการเฉพาะเพื่อให้เกิดความชัดเจนภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศฯ
เนื่องจากบางกรณีเป็นเรื่องที่มีกฎหมายภายในประเทศบังคับใช้ไว้แล้ว เช่น
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน
พ.ศ. ๒๕๕๑ และควรระบุเหตุผลความจำเป็นในการขอสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศให้กว้างและยืดหยุ่นเพื่อให้เกิดการบูรณาการเชิงป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
กรณีไม่มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตาม ม.๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และเป็นเรื่องในทางนโยบาย ซึ่งเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาได้ตามความเหมาะสม
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |