ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | (ร่าง) นโยบายแห่งชาติด้านยาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. 2563 - 2565 | สธ. | 23/02/2564 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบ (ร่าง) นโยบายแห่งชาติด้านยาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕
ที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติได้ดำเนินการจัดทำขึ้น เป็นไปตามวิสัยทัศน์ “ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็นที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง
ใช้ยาสมเหตุผล ประเทศมีความมั่นคงด้านยา อย่างยั่งยืนภายใน ๒๐ ปี”
โดยมีเป้าประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ระบบควบคุมยามีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล
มุ่งเน้นให้ประเทศมีความมั่นคงด้านยา
รวมทั้งเพิ่มความสามารถของอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศในการแข่งขันสู่ระดับสากล
ซึ่งได้มีการวางกรอบการดำเนินการผ่านยุทธศาสตร์ พันธกิจ
และเป้าหมายตัวชี้วัดที่ครอบคลุมการส่งเสริมและพัฒนาทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งได้กำหนดกลไกการติดตามความก้าวหน้าผ่านการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ
๓-๔ ครั้ง/ปี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงศึกษาธิการ
เช่น (๑) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุนและผลประโยชน์
เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ (๒)
ควรพิจารณาเพิ่มแผนงานการส่งเสริมการผลิตยาสามัญ (Generic drug) รวมถึงยาที่หมดการครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและสร้างฐานการผลิตยาสามัญในประเทศ
(๓) ควรพิจารณาแนวทางการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้แผนการเสริมสร้างความสามารถด้านการผลิตวัตถุดิบทางยา
(๔) ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในสัตว์ที่ป่วย
รวมถึงการพัฒนาระบบการควบคุมการกระจายยาให้ครอบคลุมทั้งในคนและสัตว์ (๕) ควรพัฒนาการศึกษาและการให้ความรู้ต่อเนื่องแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและประชาชนผ่านการให้ความรู้ในช่องทางที่หลากหลาย
และไม่ควรผ่านหลักสูตรขั้นพื้นฐานเพียงอย่างเดียว และ (๖) ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานและนำ
(ร่าง) นโยบายแห่งชาติด้านยาฯ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕
ไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้
๒.๑ เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการกรอบแนวทางการดำเนินงานและการจัดลำดับความสำคัญของแผนงานและโครงการต่าง
ๆ ภายใต้ (ร่าง) นโยบายแห่งชาติด้านยาฯ พ.ศ.
๒๕๖๓-๒๕๖๕ กับ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG
Model) พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙ ให้มีความสอดคล้อง เชื่อมโยง
และไม่ซ้ำซ้อนกัน ทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติการ
รวมทั้งกำหนดตัวชี้วัดที่มีเป้าหมายร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว
๒.๒ ประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการส่งเสริมการเพาะปลูกและใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรที่มีศักยภาพในการผลิตยาอย่างเป็นระบบ
โดยให้ความสำคัญกับการขยายพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพร พัฒนาทักษะของเกษตรกร
เพิ่มช่องทางการตลาด และส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าพืชสมุนไพร
รวมทั้งเป็นทางเลือกที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย
๒.๓ ศึกษาพฤติกรรมการจ่ายยาของสถานพยาบาลและการใช้ยาของประชาชนแต่ละกลุ่มในระบบบริการปฐมภูมิเพื่อนำข้อมูลไปประกอบการกำหนดแนวทางการพัฒนาระบบและกลไกการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
การเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชน และการควบคุมการกระจายยาภายใต้ (ร่าง)
นโยบายแห่งชาติด้านยาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕
ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงอย่างรอบด้าน |