คณะรัฐมนตรีมีมตืรับทราบสถานการณ์ทางการค้า และการลงทุนในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก
ซึ่งขณะนี้ประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันออกได้มีการเปลี่ยนแปลงในระบบการเมือง และการบริหารอย่างรวด
เร็ว  นายกรัฐมนตรีได้เสนอว่า ไทยควรฉวยโอกาสนี้ในการขยายการค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยให้กระทรวง
พาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศจัดส่งคณะเจ้าหน้าที่เพื่อไปศึกษาข้อเท็จจริง และให้เสนอข้อคิดเห็นให้
คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติกรณีเงินบริจาคเหตุการณ์ วันที่ 14 ตุลาคม 2516 นั้น ให้สำนักงบประมาณ
จัดสรรงบประมาณปี 2533  งบกลางฯ  ในวงเงิน 4,023,106.60 บาท  ให้แก่ทบวงมหาวิทยาลัย  เพื่อ
ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขปัญหาสารพิษที่ท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงคมนาคมได้เสนอว่ากระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการกำจัดสารพิษดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง
ตามที่ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2532 โดยมีการมอบหมายให้ดำเนินการแก้ไขปัญหา
ดังกล่าว แต่เมื่อกระทรวงคมนาคมดำเนินการเรียบร้อยแล้วจึงไม่ต้องดำเนินการในเรื่องนี้อีก

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
          1. นายอภินันท์  ปวนะฤทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบ 
          2. นายอภินันท์  ณ ระยอง  ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง (เจ้าหน้าที่การทูต 10)
สำนักงานปลัดกระทรวง 
          3. นายนิคม  ตันเต็มทรัพย์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียงจันทน์  
          ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้ได้รับเงินเดือนเท่าเดิม
     

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ว่ามีสารปรอทรั่วในท่อส่งก๊าซและโรงงาน
แยกก๊าซที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง จนส่งผลให้พนักงานและเจ้าหน้าที่ของการปิโครเลียม
แห่งประเทศไทยล้มป่วยลงบางส่วน  ซึ่งเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง 
เมื่อโรงงานฯ ตรวจพบว่าท่อส่งก๊าซชำรุด ก็ได้ทำการหยุดซ่อมแล้ว และจากการตรวจร่างกายของพนักงานและ
เจ้าหน้าที่ก็ปรากฎว่าค่าเฉลี่ยของสารปรอทในเลือดอยู่ในระดับปกติ ต่ำกว่าระดับอันตราย

           คณะรัฐมนตรีมีมติ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการถอนเรื่อง กองทุนสวัสดิการ
ศิลปินไปได้

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ สรุปสถานการณ์พิพาทแรงงานในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด 
ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2532 ดังนี้ กิจการรัฐวิสาหกิจ (กรุงเทพฯ) ได้มีการแจ้งข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงาน 
พนักงานองค์การทอผ้า สหภาพแรงงานองค์การโทรศัพท์ฯ ส่วนกิจการเอกชนได้มีการยื่นข้อเรียกร้องของ
สหภาพแรงงานธนาคารแห่งอเมริกากับมีข้อพิพาทแรงงานในเขตจังหวัดสมุทรปราการ โดยบริษัทเนชั่นแนล
ไทย จำกัด ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อสหภาพแรงงานเนชั่นแนลไทย

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ การจัดซื้อที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของราษฎรที่ประสบอุทกภัยภาคใต้
โดยตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2532 ได้มีการขอซื้อที่ดินของ นายจรัญ กาญจนะ ในวงเงิน 
650,000 บาท ซึ่งทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ทำการปรับพื้นที่แปลงนี้แล้ว

           คณะรัฐมนตรีมีมติ อนุมัติแต่งตั้งนายจิตริก เศรษฐบุตร รองอธิบดี (เจ้าหน้าที่การทูต 9)
กรมพิธีการทูตให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต  (เจ้าหน้าที่การทูต 10)   สถานเอกอัครราชทูต 
ณ กรุงมาดริด โดยให้ได้รับเงินเดือนขั้น 17,550 บาท เท่าเดิม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ

           คณะรัฐมนตรีมีมตืรับทราบ การเดินทางไปดูงานที่ประเทศจีนของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 
(นายอนุวรรตน์ วัฒนพงศ์ศิริ) ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและไฟฟ้าของจีน 
ซึ่งการดูงานครั้งนี้ได้เน้นหนักเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่เมืองซีเฮงเยี่ยมชมอู่ซึ่งต่อเรือไทย 4 ลำ ที่เชียงไฮ้ ฯ  และ
นายกรัฐมนตรีได้ขอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเร่งดำเนินการติดตั้งเครื่องดักฝุ่น (FILTER) สำหรับโรงไฟฟ้าแม่เมาะให้
เสร็จโดยเร็ว

           คณะรัฐมนตรีมีมติ รับทราบการเดินทางไปราชการที่ประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 
ซึ่งได้ไปดูงานเกี่ยวกับระบบสื่อสารเกี่ยวกับระบบโทรศัพท์ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อจะนำมาปรับปรุงงานของ
องค์การโทรศัพท์ฯ ต่อไป และนอกจากนี้ก็ได้ไปดูระบบไปรษณีย์ การใช้พื้นที่ใต้ทางรถไฟยกระดับ เนื่องจากจะมีการ
ลงทุนรับสัมปทานยกระดับในประเทศไทย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภิญญา ช่วยปลอด)
รายงานการเดินทางไปเยือนประเทศเดนมาร์ก สหภาพโซเวียต และกรีซ

          คณะรัฐมนตรีมีมตื อนุมัติให้กรมตำรวจก่อหนี้ผูกพันงบประมาณข้ามปีค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการ
กองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 1 หลัง พร้อมส่วนประกอบอื่น ๆ  ในวงเงิน 165,315,215 บาท โดย
เบิกจ่ายจากงบประมาณปี 2522 และผูกพันงบประมาณปี 2533-2534 ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ

          รับทราบ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่ อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย 
และอำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. ....  ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้
ตรวจพิจารณาแล้ว

           คณะรัฐมนตรีมีมติ ไม่อนุมัติเงินจ่ายขาดจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้องค์การตลาด
เพื่อเกษตรกรเพาะจำหน่ายปุ๋ย ขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกรนั้นได้ดำเนินการไป  โดยไม่ได้ขอ
อนุมัติคณะรัฐมนตรีในเรื่องค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายและเงินค่าบริการก่อน และไม่อนุมัติให้องค์การ
ตลาดเพื่อเกษตรกรได้รับการชดเชยผลขาดทุน เป็นเงิน 6,286,890 บาท เพราะมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2530 ได้อนุมัติชดเชยผลการขาดทุนทุกโครงการแล้ว

           คณะรัฐมนตรีมีมติ อนุมัติให้ถอนเรื่องการเรียกเงินค่าปรับคืนได้ ตามที่กระทรวงกลาโหม เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติ อนุมัติ แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรง
ตำแหน่งต่างๆ  จำนวน 2 รายคือ นายสารสิน วีระผล เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง  
(เจ้าหน้าที่การทูต 10) สำนักงานปลัดกระทรวงให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตสถาน
เอกอัครราชทูต ณ กรุงมนิลา และ นางลักษณาจันทร เลาหพันธุ์ รองอธิบดี(เจ้าหน้าที่
การทูต 9) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง(เจ้าหน้าที่การทูต 10) 
สำนักงาน ปลัดกระทรวง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ

         คณะรัฐมนตรีมีมติ  อนุมัติให้กรมชลประทานก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และผูกพันข้ามปี
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2533 ค่าก่อสร้างระบบส่งน้ำในเขตโครงการชลประทานขนาด
กลางที่ 22 อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์  และทำนบดินหัวงาน และอาคารประกอบของโครงการจัด
หาน้ำเพื่อสนับสนุนหมู่บ้านป่าไม้ซับลังกา ตำบลกุดตาเพชร อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี  ตามที่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เสนอ

          คณะรัฐมนตรีมีมติ  อนุมัติให้จัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กระทรวงพาณิชย์ใช้เป็นทุน
หมุนเวียนในการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวสาร ในวงเงิน 500 ล้านบาท และให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร
เร่งประชุมพิจารณา การจัดสรรเงินดังกล่าว โดยเร็วแล้วให้รายงานผลการพิจารณาให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน
เดือนตุลาคม 2532  ตามที่กระทรวงการคลัง  เสนอ  และให้ดำเนินการต่อไปได้

คณะรัฐมนตรีมีมติ อนุมัติ ให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีงบประมาณ 2533 เป็นกรณีพิเศษ 
(2ขั้น) แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการประชุมคณะรัฐมนตรี ส่วนภูมิภาคจำนวน 28 คน แยกตาม
หน่วยงาน คือ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน 4 คน สำนักข่าวกรองแห่งชาติ จำนวน 2 คน  
และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  จำนวน 22 คน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักข่าว 
กองแห่งชาติและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอ