นายกรัฐมนตรี แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าได้ไปเยี่ยมราษฎรที่ประสบภาวะ
แห้งแล้งที่ อำเภอลานสัก และ อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พบว่ามีปัญหา   
เฉพาะการขาดน้ำอุปโภคบริโภค และ น้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงสำหรับหมู่บ้านใน 
2 อำเภอดังกล่าว ยังไม่มีระบบน้ำประปา  ในขั้นนี้การแก้ไขปัญหาจะต้องมีโอ่ง ตุ่ม 
หรือภาชนะเก็บน้ำฝนให้เพียงพอขอให้กระทรวง ทบวง ที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณา
เรื่องน้ำอุปโภคบริโภคในหมู่บ้านห่างไกลให้ทั่วถึงด้วย ควรจัดตั้งคณะทำงาน 
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายเสนาะ อูนากุล) เป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวง-
อุตสาหกรรม และ ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นคณะทำงานและมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ- 
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้าของเรื่อง เพื่อพิจารณาจัดทำแผนงานและโครงการ
ทั้งระบบเสนอต่อ คณะรัฐมนตรี พิจารณาโดยด่วน คณะรัฐมนตรี รับทราบและเห็นชอบ
ตามที่นายกรัฐมนตรี เสนอ

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอแนวทางปฏิบัติราชการเกี่ยวกับการมอบ
อำนาจของคณะรัฐมนตรีให้นายกรัฐมนตรี หารือกับ รองนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรี
หรือคณะกรรมการฯ     กับแนวทางปฏิบัติในการประชุมคณะรัฐมนตรี รวม 6  เรื่อง
มอบให้ รองนายกรัฐมนตรี (มีชัย ฤชุพันธุ์) รับเรื่องแนงทางปฏิบัติและการมอบอำนาจของ
คณะรัฐมนตรีไปทบทวนเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงวิธีการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ของ 
คณะรัฐมนตรี ตามมติ วันที่ 11มีนาคม 2534 แล้วเสนอ คณะรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่ง

กระทรวงมหาดไทย ขออนุมัติให้กรมตำรวจก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ 
จัดซื้อรถหอน้ำดับเพลิง 4 คัน เป็นเงิน 99,920,000 บาท เริ่มปี 2533  จำนวน   
26,000,000 บาท ปี 2534 จำนวน 52,000,000 บาท ปี 2535 จำนวน 
21,920,000 บาท
คณะรัฐมนตรี อนุมัติตามที่ กระทรวงมหาดไทย เสนอ 

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ฝ่ายเศรษฐกิจที่มีมติอนุมัติให้
กระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ส่งออกปูนซีเมนต์ จำนวน  15,000  ตัน  ไปสาธารณรัฐประชาธิปไตย
ประชาชนลาว ในปี 2534  และอนุญาตให้ส่งออกปูนซีเมนต์ไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน
ลาวได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ สำหรับปีต่อ ๆ ไป

ขออนุมัติเงินงบกลาง จำนวน427.5 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย 
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการเงินให้ทำความตกลงกับ สำนักงบประมาณ 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยของบกลางจำนวน 76.2ล้านบาท เพื่อดำเนินการพื้นพู    
สถานการณ์การท่องเที่ยวจากต่างประเทศภายหลังสงครามตะวันออกกลาง  (พ.ศ.2534)
เพื่อดำเนินการตามแผน 4 แผน ได้แก่ประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ แผนส่งเสริมการขาย แผนโฆษณา
ในตลาดต่างประเทศ และแผนโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในประเทศไทยซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรอง
ซึ่ง คกก.เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วอนุมัติในหลักการโดยมีข้อสังเกต 4 ข้อ  
คณะรัฐมนตรี อนุมัติตามมติ วันที่ 11 มีนาคม 2534 

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่สำนักราชเลขาธิการเสนอกำหนดตำแหน่งเพิ่มใหม่ปี
2534 เพิ่มเติม จำนวน 9 อัตรา  และบรรจุข้าราชการในตำแหน่งที่กำหนดไว้ในแผน 3 ปี  รวม 11 อัตรา
โดยขออนุมัติเงินงบกลางเป็นอัตราเงินเดือนของตำแหน่งดังกล่าว กับบรรจุข้าราชการ ในกองงานในพระ
องค์สมเด็จพระเทพ ฯ 7 อัตรา  ใช้งบกลาง 148,400 บาท  เป็นอัตราเงินเดือน  เป็นกรณีพิเศษ  สำหรับ
อัตรากำลังและงบประมาณ ให้สำนักราชเลขาธิการทำความตกลงกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการ
พลเรือน และสำนักงบประมาณต่อไป

กระทรวงการต่างประเทศแต่งตั้งนายวิทยา  เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต
(เจ้าหน้าที่การทูต 10) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน  ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง
(นักบริหาร 11) กระทรวงการต่างประเทศ  ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ เสนอเรื่องการค้าและแรงงานไทย
ในตะวันออกกลางโดยเห็นควรมอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์-  
-เกษมสโมสร เกษมศรี) เป็นผู้ประสานงาน ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ , กระทรวงพาณิชย์,
กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงมหาดไทย  และ ส่วนราชการ และ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
แล้วเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองงานฯ พิจารณอีกครั้ง โดยมีประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการฯ 
3 ข้อ  คือ 
1. เห็นควรให้ขยายเวลาการยกเว้นภาษีปูนซิเมนต์นำเข้าต่อไปถึงวันที่ 31 มีนาคม 2535
  2. เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ ต่ออายุการลดหย่อนอากรขาเข้าเหล็กเส้นและเหล็กแท่งต่อไป
อีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2534-30 เมษายน 2535 
3. เห็นชอบในหลักการให้มีการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างมีระบบ ถึงมือเกษตรกรและ
ให้ สำนักงบประมาณ ตั้งงบประมาณ เพื่อชดเชยค่าดอกเบี้ยแก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์-
การเกษตร  แทนเกษตรกรผู้ได้รับความเสียหาย จากการระบาดทำลายของเพลี้ยกระโดด ตั้งปี 
งบประมาณ 2535 และ ให้จัดตั้งกรรมการเพื่อวางระบบการช่วยเหลือเกษตรกร
มอบให้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (หม่อมราชวงศ์เกษมสโมสร เกษมศรี) 
เป็นผู้ประสานงานและรับเงื่อนไขนี้ไปพิจารณาร่วมกับ กระทรวงการต่างประเทศ , กระทรวงพาณิชย์ ,
กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงมหาดไทย  และ ส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอ
คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณา ทั้งนี้ให้รับข้อสังเกตในประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ-
กลั่นกรองฯ ทั้ง 3 ข้อ ไปพิจารณา

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เสนอขอให้เลขาธิการคณะรักษา-
ความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ผู้ใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรี  พิจารณาแนวทาง
-การดำเนินการ เกี่ยวกับร่างกฎหมายที่ค้างดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ  
เพื่อถือเป็นมติคณะรัฐมนตรี แจ้งให้ กระทรวง ทบวง ถือปฏิบัติต่อไป
คณะรัฐมนตรี ลงมติ 
1.ร่างกฎหมายที่ค้างการพิจารณาที่รัฐสภา และคณะกรรมการ
ประสานงานสภาผู้แทนฯ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่งคืนกระทรวงแล้ว
 ให้รองนายกรัฐมนตรี รับไปพิจารณาดำเนินการ
2.ร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และคณะกรรมการต่าง ๆ ให้ดำเนินการต่อไป หากกระทรวงเจ้าของเรื่องไม่ประสงค์ดำเนินการ   
ให้แจ้งขอถอนไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภายใน15วัน
3.ร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้เสนอ
คณะกรรมการกลั่นกรองฯฝ่ายสังคมและกฎหมายพิจารณา

กระทรวงการต่างประเทศ ขออนุมัติแต่งตั้ง นายวิทยา เวชชาชีวะ 
เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศ  
แทน หม่อมราชวงส์ เกษมสโมสร เกษมศรี ซึ่งได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ 
แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 
คณะรัฐมนตรี อนุมัติ

กระทรวง ทบวงได้ส่งร่างนโยบายการบริหาร ฯ โดยฝ่ายเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ให้รองนายกรัฐมนตรี ทั้ง 3 จึงเห็นควรนำร่าง ฯ เสนอ  คณะรัฐมนตรี พิจารณาก่อนเสนอที่ 
ประชุมร่วม สำนักงานสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ  ซึ่งนายกรัฐมนตรี เสนอว่า 
รองนายกรัฐมนตรี ได้จัดทำร่างนโยบายเสร็จแล้ว และจะกำหนดเป็นประเด็น ๆ โดยไม่แบ่ง  
เป็นกระทรวง ทบวง จะสามารถเสนอ คณะรัฐมนตรี วันที่ 26 มีนาคม 2534
คณะรัฐมนตรี รับทราบผลการดำเนินการยกร่างนโยบายบริหารราชการแผ่นดิน

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้จัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ในโอกาสงานพระราชพิธี 
งานรัฐพิธีหรือการต้อนรับราชอาคันตุกะ รวม4ผลัด เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ

ในวันอังคารที่ 2 เมษายน 2534 เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นายกรัฐมนตรี ขอเรียนเชิญ
คณะรัฐมนตรีและภริยา เข้าเฝ้าฯ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายชัยมงคล ในวันจันทร์ที่ 
1 เมษายน 2534 เวลา 09.00 น. ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
คณะรัฐมนตรี รับทราบ

กระทรวงการคลัง มีคำสั่งแต่งตั้ง นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ดำรงตำแหน่ง  
เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายกำพล แกล้วทนงค์    ดำรง  
ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 
2534 เป็นต้นไป   จึงขอให้นำเสนอ คณะรัฐมนตรี เพื่อทราบ
คณะรัฐมนตรี ทราบ

อนุมัติตามความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ฝ่ายสังคมและกฎหมาย ที่อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา 
รวม 3 ฉบับ ตามที่ ทม. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤฎีกกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนแล้วดำเนินการต่อไปได้

สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รายงานว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง  
นางลดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  
ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2534 เป็นต้นไป
คณะรัฐมนตรี มีมติทราบ

คณะรัฐมนตรี ลงมติว่า
      1. ให้รัฐมนตรีทุกคนแสดงสินทรัพย์และหนี้สินตามแบบแสดงรายการสินทรัพย์
และหนี้สินของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ในวงราชการ ต่อเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งมติ เว้นแต่
ผู้เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดก่อน  ซึ่งมีวาระติดต่อกัน และเคยแสดง  
สินทรัพย์ และ หนี้สินไว้แล้ว ไม่ต้องแสดงสินทรัพย์ และ หนี้สินอีก
     2. ให้รัฐมนตรีทุกคนแสดงสินทรัพย์และหนี้สินตามแบบแสดงรายการสินทรัพย์
และหนี้สินของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ-
ในวงราชการ   ต่อเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ภายใน 15 วัน นับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง
     3. สำหรับการแจ้งรายการอสังหาริมทรัพย์ (ที่ดิน) นั้น ให้แจ้งแต่เลขที่โฉนด
ที่ดิน อำเภอ จังหวัด ตำแหน่งที่ดิน ระวาง เลขที่ดิน หน้าสำรวจ ตำบล และวันที่   
ได้มา เท่านั้น โดยไม่ต้องถ่ายสำเนาโฉนดแนบมาด้วย

นายกรัฐมนตรี(นายอานันท์ ปันยารชุน) กล่าวแสดงความยินดีและขอขอบคุณ
รัฐมนตรีร่วมรัฐบาล และได้เสนอหลักการในการทำงานของคณะรัฐมนตรี รวม 2 ข้อ   คือ
ให้ทำงานเป็นคณะรับผิดชอบร่วมกันและให้ยึดมั่นคำสัตย์ปฏิญาณทำงานด้วยความซื่อสัตย์   
สุจริต  เพื่อประโยชน์ส่วนรวมกับขอให้ครม.ดูแลทุกข์สุขของประชาชน การพิจารณาปัญหาต่าง ๆ
ทำงาน  โดยไม่มีอคติ ให้มีความยุติธรรมการรักษาความลับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และการ
ให้ข่าวแก่หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนขอให้ใช้ความระมัดระวังสาระสำคัญของมติรับทราบ
คณะรัฐมนตรี เห็นชอบตามที่ นายกรัฐมนตรี เสนอ

           คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ
พระเทพรัตนราชสุดาฯ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ และให้กระทรวง
ทบวง จัดส่งแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมที่จะร่วมถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตน
ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และร่วมฉลองในวโรกาสดังกล่าวให้คณะกรรมการ
ทราบโดยด่วนเพื่อรวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรี ทราบต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิ
การคณะรัฐมนตรี เสนอ