ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1083 จากทั้งหมด 6216 หน้า แสดงรายการที่ 21641 - 21660 จากข้อมูลทั้งหมด 124301 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21641 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 6/2559 เรื่อง การคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2559 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวน | สลธ.คสช. | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖/๒๕๕๙ เรื่อง การคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ สั่ง ณ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๙ โดยให้บรรดาการคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จนถึงวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗/๒๕๕๙ เรื่อง การกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวน สั่ง ณ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๙ โดยปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนเสียใหม่ให้สอดคล้องกับโครงสร้างและระบบการบังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21642 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 พ.ศ. .... | นร07 | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๕๖,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๓๒,๖๖๑ ล้านบาท และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน ๘,๓๓๙ ล้านบาท ๑.๒ การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในขั้นตอนของฝ่ายนิติบัญญัติ ได้แก่ วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. .... ในวาระที่ ๑ ๒ และ ๓ และวันอังคารที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. .... ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบ โดยเพิ่มเติมถ้อยคำในส่วนของเหตุผล จาก “ตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง” เป็น “ตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ” เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ ที่บัญญัติให้ในกรณีจำเป็นจะต้องจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี คณะรัฐมนตรีอาจเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมต่อรัฐสภาได้ รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำและวรรคตอนในร่างพระราชบัญญัติให้มีความถูกต้องและเหมาะสม ๒. ให้นำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21643 | การดำเนินการสร้างอาคารเรือนรับรอง | นร04 | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการก่อสร้างอาคารเรือนรับรอง จำนวน ๑ หลัง ภายในวงเงิน ๑๓๗,๓๗๑,๗๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ แผนงานพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน ผลผลิตการบริหารจัดการของรัฐบาล งบรายจ่ายอื่น รายการโครงการพัฒนาศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) จำนวน ๓๗,๑๑๘,๑๒๒ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ แผนงานส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน โครงการพัฒนาเมือง งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการพัฒนาเมือง จำนวน ๑๐๐,๒๕๓,๕๗๘ บาท ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อเป็นค่าก่อสร้างอาคารดังกล่าว โดยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการใช้จ่ายงบประมาณต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ๒. ให้กรมยุทธโยธาทหารบกพิจารณาปรับรูปแบบอาคารเรือนรับรอง โดยให้พื้นที่ใช้สอยของห้องประชุมสามารถรองรับผู้เข้าประชุมได้มากกว่า ๑๐๐ คน ทั้งนี้ การออกแบบต้องไม่กระทบโครงสร้างอาคารเดิมและสภาพภูมิทัศน์ของทำเนียบรัฐบาลโดยรวม รวมทั้งให้คำนึงถึงการสัญจรและการบริหารจัดการในเรื่องพื้นที่จอดรถสำหรับผู้เข้าร่วมประชุมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21644 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (จำนวน 4 ราย 1. นางพนิดา ไพศาลยกิจ ฯลฯ) | นร07 | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. นางพนิดา ไพศาลยกิจ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ๒. นายภาณุ จันทร์เจียวใช้ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ๓. นางดวงตา ตันโช ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ๔. นางมนชิดา เจียรไพศาลเจริญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21645 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 (จำนวน 13 ราย 1. นางสมศรี เผ่าสวัสดิ์ ฯลฯ) | อื่นๆ | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน ๗ คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข จำนวน ๖ คน ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ๑.๑ นางสมศรี เผ่าสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันสุขภาพ ๑.๒ นายจรัล ตฤณวุฒิพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสาธารณสุข ๑.๓ นายณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทย ๑.๔ นายพินิจ หิรัญโชติ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางเลือก ๑.๕ นางชุมศรี พจนปรีชา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง ๑.๖ นายสมใจ โตศุกลวรรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ๑.๗. นายจิตติ มงคลชัยอรัญญา ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมศาสตร์ ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข จำนวน ๖ คน ๒.๒ นางสาวสายพิณ หัตถีรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ๒.๒ พันเอก พงศธร เนตราคม ผู้เชี่ยวชาญสาขาจิตเวช ๒.๓ นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ ผู้เชี่ยวชาญสาขาการแพทย์แผนไทย ๒.๔ นายชาตรี บานชื่น ผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่น ๒.๕ นายจิรวุสฐ์ สุขได้พึ่ง ผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่น ๒.๖ ร้อยตำรวจเอก จิรสวัสดิ์ สุรฤทธิ์ธำรง ผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21646 | ผลการเยือนประเทศกัมพูชาของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) | พณ | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการเยือนประเทศกัมพูชาของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๓-๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานต่อผลการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ และเพื่อดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมการค้าการลงทุนของไทยในอาเซียนเชิงรุก สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมคณะ ได้พบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (นายซุน จันทอล) ณ กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา โดยมีประเด็นหารือเกี่ยวกับสินค้าผ่านแดนจากกัมพูชาไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และความสมดุลทางการค้า ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาร่วมกันกล่าวปาฐกถา ซึ่งมีนักธุรกิจกัมพูชาให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังกว่า ๒๐๐ คน โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กล่าวถึงนโยบายของไทยที่ส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกัมพูชาเป็นประเทศที่ไทยให้ความสำคัญ สำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาได้กล่าวถึงมาตรการสนับสนุนนักลงทุนต่างชาติของกัมพูชา และข้อจำกัด เช่น ไฟฟ้า เส้นทางคมนาคม และอุตสาหกรรมที่ขาดแคลน และต้องการให้ไทยมาลงทุน ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมระดับกลาง ธุรกิจท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๓. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาร่วมเป็นประธานพิธีเปิดงาน Top Thai Brands 2016 ณ กรุงพนมเปญ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓-๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นงานที่ส่งเสริมการขยายตราสินค้าและบริการของไทยสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมสนับสนุน โดยมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมออกคูหาในงานฯ จำนวน ๒๓๘ บริษัท รวม ๓๒๘ คูหา ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการขายในงานและสั่งซื้อใน ๑ ปี จะอยู่ที่ ๕๐๐ ล้านบาท ๔. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับภาคเอกชนไทยหารือกับภาครัฐและภาคเอกชนกัมพูชาในเสียมราฐ โดยแสดงความตั้งใจที่จะขยายการค้าและการดำเนินธุรกิจของไทยในกัมพูชา ส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมระหว่างกัน ๕. สำหรับการเยือนกัมพูชาในครั้งนี้ ได้เห็นโอกาสของการขยายการค้าและการลงทุนของไทยในกัมพูชาอย่างมาก การปรับปรุงมาตรการและกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการค้า และปรับทัศนคติของฝ่ายไทยจะกระตุ้นให้การค้าไทย-กัมพูชามีโอกาสขายตัว ๓ เท่า ภายใน ๕ ปี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21647 | ทบทวนวิธีการดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมและสร้างมูลค่าเพิ่มมันสำปะหลัง ปี 2558/59 ตามแนวทางการบริหารจัดการตลาดมันสำปะหลัง ปี 2558/59 | กษ | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมและสร้างมูลค่าเพิ่มมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามแนวทางการบริหารจัดการตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ วัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้กับสหกรณ์ภาคการเกษตร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่มีการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับมันสำปะหลังนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมหรือรับซื้อหัวมันสำปะหลังสดจากเกษตรกร และ/หรือแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ตัน โดยกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ระยะเวลาชดเชย ๑๒ เดือน วงเงินสินเชื่อทั้งสิ้น ๒,๕๐๐ ล้านบาท วงเงินชดเชย ๗๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้เงินทุนจาก ธ.ก.ส. ๒,๕๐๐ ล้านบาท โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ FDR+1 ต่อปี ระยะเวลา ๑๒ เดือน และเมื่อสหกรณ์ภาคการเกษตร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ได้ส่งคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยในส่วนที่ผู้กู้รับผิดชอบแล้ว ให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เพื่อชดเชยดอกเบี้ยในปีงบประมาณถัดไป ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการรองรับและกลไกติดตามการดำเนินงานเพื่อให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือแก่สถาบันเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสถาบันเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน รวมถึงทักษะการบริหารจัดการด้านการตลาดหรือช่องทางการจำหน่ายมันสำปะหลัง ตลอดจนการกำกับดูแลและเข้มงวดในการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง โดยมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน เช่น ปรับวิธีการเพาะปลูกมันสำปะหลัง วิธีการให้น้ำ ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||
21648 | รายงานสถานะการใช้จ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร07 | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานที่จะขอรับการจัดสรรงบกลางฯ ต้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงาน หรือใช้จากแหล่งเงินอื่นของหน่วยงานมาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอจึงเสนอขอรับการสนับสนุนงบกลางฯ เพิ่มเติมตามความจำเป็นและเหมาะสมของการใช้จ่ายอย่างแท้จริง ๑.๒ การเสนอขอรับการจัดสรรงบกลางฯ หน่วยงานต้องมีการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ/รายการ มีแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางที่ชัดเจน และมีความพร้อมในเรื่อง ที่ดิน คุณลักษณะเฉพาะ แบบรูปรายการ ประมาณราคาค่าใช้จ่าย และการดำเนินงานตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่จะดำเนินการได้ทันที พร้อมที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้ตามขั้นตอนเมื่อได้รับการอนุมัติจัดสรร รวมทั้งสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายใน ๒-๓ เดือนหลังจากได้รับอนุมัติจัดสรร หากเป็นการดำเนินการเองให้เร่งรัดดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ ๑.๓ กรณีหน่วยงานได้รับการจัดสรรงบกลางฯ และดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิต โครงการหรือรายการ และ/หรือจากการจัดซื้อ/จัดจ้างแล้วและมีเงินเหลือจ่าย ให้รีบนำส่งคืนสำนักงบประมาณทั้งจำนวนในโอกาสแรก หากมีความจำเป็นต้องนำไปใช้จ่ายในรายการอื่น ก็ให้หน่วยงานเสนอขอรับการจัดสรรงบกลางฯ ตามขั้นตอนปกติต่อไป ๒. นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเพิ่มเติมว่า หากหน่วยงานใดมีความจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จะต้องเป็นการดำเนินแผนงาน/โครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลเท่านั้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21649 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายพรชัย ด่านวิวัฒน์) | กต | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพรชัย ด่านวิวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21650 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายทศพร นุชอนงค์ และนายธัญญา เนติธรรมกุล) | ทส | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายทศพร นุชอนงค์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ๒. นายธัญญา เนติธรรมกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21651 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อให้การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดกลุ่มกิจกรรมเพื่อรองรับการดำเนินงานของอาเซียน จำแนกตาม ๖ กลุ่มงาน (Cluster) ที่รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบ โดยให้เริ่มจากกิจกรรมที่สามารถดำเนินการได้ก่อน เช่น ความร่วมมือด้านความมั่นคง การต่อต้านการก่อการร้าย การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และให้ทุกกระทรวงที่มีความพร้อมเริ่มดำเนินการ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ทั้งนี้ การดำเนินกิจกรรมจะต้องสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเขตทางรถไฟและย่านสถานีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้พิจารณาทั้งรูปแบบการพัฒนา (การพัฒนาพื้นที่แนวราบและแนวสูง) และรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทยและลดภาระงบประมาณการลงทุนของภาครัฐ ๓.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งหาข้อยุติเกี่ยวกับแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงรูปแบบการบริหารงานและการลงทุนที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชน ความคล่องตัวในการบริหารงาน และสามารถลดภาระงบประมาณการลงทุนของภาครัฐได้ ๓.๓ ให้กระทรวงคมนาคมสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับการพัฒนาระบบรางที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและที่จะดำเนินการในอนาคต โดยให้ระบุช่วงเวลาในการดำเนินการ ระบบราง และความเร็วที่จะนำมาใช้แต่ละเส้นทาง [รางขนาด ๑ เมตร (Meter Gauge) หรือรางขนาด ๑.๔๓๕ เมตร (Standard Gauge)] รวมทั้งผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับพื้นที่ และความเชื่อมโยงกับกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปีด้วย ๓.๔ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อให้มีการแยกหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) และหน่วยงานให้บริการ (Operator) ออกจากกัน ตามแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้อนุมัติไว้ ๓.๕ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยผ่านสื่อโฆษณา โดยร้อยเรียงเป็นเรื่องราว (Story) รายกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวในภูมิภาค การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รวมทั้งพิจารณาจัดทำรูปแบบการท่องเที่ยวเพื่อสร้างความเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวภายในกลุ่มประชาคมอาเซียนในลักษณะเป็นแพคเกจ (Package) โดยให้เร่งดำเนินการร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านที่ได้หารือไว้แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม (CLMV) และจัดทำเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ด้วย ๓.๖ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ในการพิจารณาให้มีพื้นที่จอดรถสาธารณะในแหล่งชุมชนในกรุงเทพมหานครเพื่อเป็นการลดปัญหาการจราจร โดยอาจจะพิจารณาดำเนินการตามแนวทาง “จอดแล้วเดิน” และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) กระทรวงการคลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุนก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินโดยเฉพาะในบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ท่องเที่ยว ๓.๗ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ในการปรับปรุง “ชุดความรู้ประชารัฐ” ให้เกิดความสมบูรณ์ และเหมาะสม เช่น เพิ่มเติมกลไกสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย โดย ๑๒ คณะภาคธุรกิจ เพื่อให้ส่วนราชการนำไปใช้ในการแปลงนโยบายการขับเคลื่อนกลไกประชารัฐไปสู่การปฏิบัติโดยเฉพาะในระดับพื้นที่ รวมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชนโดยทั่วไปด้วย ๓.๘ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สำนักโฆษก) ปรับปรุงรูปแบบของวารสารไทยคู่ฟ้า โดยให้จัดแบ่งพื้นที่สำหรับการนำเสนอผลงานของรัฐบาล โดยจำแนกเป็น ๖ กลุ่มงาน (Cluster) ที่รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบเพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชน โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ฉบับเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21652 | การแถลงข่าวโครงการ "Thailand Moving Around the Globe on NBT World" | นร | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) รายงานว่า ได้เป็นประธานในการแถลงข่าวความร่วมมือระหว่างสถานีโทรทัศน์ภาคภาษาอังกฤษ ๒๔ ชั่วโมง NBT World กรมประชาสัมพันธ์ สถานีโทรทัศน์ Thai TV Global Network (TGN) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ เพื่อเผยแพร่ข่าวและรายการภาคภาษาอังกฤษของสถานีโทรทัศน์ NBT World โดยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ TGN ใน ๑๗๗ ประเทศทั่วโลก รวมทั้งส่งสัญญาณผ่านจอรับภาพที่ติดตั้ง ณ บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ทั้งนี้ เพื่อเป็นช่องทางในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยที่ถูกต้อง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ และเผยแพร่นโยบาย ตลอดจนการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ สู่ประชาคมโลกอีกทางหนึ่งด้วย ๒. ให้กรมประชาสัมพันธ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลการดำเนินการของรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ เช่น การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร การบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่น การทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม (IUU) การแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบินตามการตรวจสอบของ ICAO โดยจัดทำในรูปแบบแผ่นบันทึกข้อมูล (CD) เป็นภาษาอังกฤษ แล้วเผยแพร่ผ่านสถานทูตของประเทศต่าง ๆ ในประเทศไทย และสถานทูตไทยในต่างประเทศเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21653 | สรุปผลการจัดหางาน "พม. ตลาดน้ำใจ วิถีไทยผดุง โอกาส เกียรติ กำลังใจ คนไทยรักและเกื้อกูลกัน" | พม | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานสรุปผลการจัดงาน “พม. ตลาดน้ำใจ วิถีไทยผดุง โอกาส เกียรติ กำลังใจ คนไทยรักและเกื้อกูลกัน” ระหว่างวันที่ ๖-๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ ณ บริเวณคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาลว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานดังกล่าวในวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๙ กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงจากวงดนตรีคนพิการ (From Street to Stars) การแสดงจากกลุ่มเด็กและเยาวชน การแสดงจากผู้สูงอายุ นิทรรศการเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ นิทรรศการที่อยู่อาศัยและการพัฒนาชุมชน นิทรรศการงานนิคมสร้างตนเอง และศูนย์พัฒนาชาวเขา รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าและบริการจากทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เช่น สถานสงเคราะห์ ศูนย์พัฒนาสตรีฯ นิคมสร้างตนเอง ศูนย์พัฒนาชาวเขา จำนวน ๑๕๔ บูธ ผู้เข้าชมงาน จำนวน ๘๘,๙๖๔ คน และมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น ๖๓,๑๐๘,๔๕๐ บาท ๒. ในการจัดการแสดงและจำหน่ายสินค้าในครั้งต่อไปให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการโดยแบ่งเป็น ๖ กลุ่มงานตามรองนายกรัฐมนตรี โดยให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลจัดการแสดงและจำหน่ายสินค้าให้เกิดความหลากหลายตามภารกิจที่รับผิดชอบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21654 | แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ | นร | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เสนอแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติที่ส่วนราชการได้รายงานต่อคณะรัฐมนตรี และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้
๑. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำรายงานผลการพิจารณาดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป ๒. เมื่อคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย พิจารณาแล้วเห็นว่า ๒.๑ ผลการพิจารณาของส่วนราชการสอดคล้องกับข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนส่งให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานกระทรวงและขับเคลื่อนการปฏิรูปทั้ง ๖ ด้านที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล (กขร.) ประสานการขับเคลื่อนกับรองนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการ ๒.๒ กรณีผลการพิจารณาของส่วนราชการมีประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งที่เป็นนัยสำคัญ ให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย ประสานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21655 | ร่างพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | ศธ | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21656 | ศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ (Govermment Application Center : GAC) และระบบแจ้งข้อมูลข่าวสารภาครัฐ (G - News) | นร | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่ผู้แทนสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานว่า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้จัดทำ “โครงการ GovChannel ศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน” ซึ่งเป็นบริการในรูปแบบใหม่ของภาครัฐที่อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลและบริการภาครัฐ สามารถใช้งานแบบออนไลน์ได้ ๓ ช่องทาง คือ ช่องทางที่ ๑ ผ่านคอมพิวเตอร์ทางเว็บไซต์ ช่องทางที่ ๒ ผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และช่องทางที่ ๓ ผ่านอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ตู้ Government Kiosk, Government Smart Box โดยภายใต้การดำเนินการในช่องทางที่ ๒ จะมีศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ (Government Application Center : GAC) ที่รวบรวมแอปพลิเคชันต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐไว้ด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนสามารถค้นหาแอปพลิเคชันและดาวน์โหลดลงบนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และได้เปิดตัวบริการ G-News ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันกลางที่หน่วยงานภาครัฐสามารถใช้เป็นช่องทางในการให้ข้อมูลข่าวสารและบริการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์รองรับการแจ้งเตือนข้อมูลเฉพาะรายบุคคล เช่น การแจ้งเตือนการชำระภาษี การชำระค่าสาธารณูปโภค โดยประชาชนสามารถเลือกรับข้อมูลข่าวสารภาครัฐที่สนใจหรือเฉพาะพื้นที่ที่ต้องการได้ ปัจจุบันได้เปิดให้บริการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน G-News สำหรับอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ในระบบ Android แล้ว ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ดำเนินการ ๒.๑ พิจารณาดำเนินโครงการ GovChannel ศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน โดยเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์ข้อมูลภาครัฐ (Data Center) และให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒.๒ ให้จัดหมวดหมู่ของข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านทางแอปพลิเคชัน GAC และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกระดับได้รับทราบวิธีการติดตั้งและการใช้งานอย่างง่ายผ่านผู้นำชุมชนและสื่อต่าง ๆ เช่น สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) สถานีวิทยุ หรือจัดทำเป็นแผ่นพับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษแจกจ่ายในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ศูนย์การค้า ทั้งนี้ ให้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวนผู้ใช้งาน และประเมินผลการใช้งานอย่างต่อเนื่องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21657 | การดำเนินการให้ไทยเป็นศูนย์กลางของประชาคมอาเซียน (รายงานผลการเยือนรัฐสุลต่านโอมานและสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ และผลการเยือนไทยของรองประธานาธิบดีอินเดีย) | กต | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการกำหนดยุทธศาสตร์ในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียนในเชิงรุกเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางของประชาคมอาเซียน ซึ่งอาจดำเนินการในลักษณะความร่วมมือระดับทวิภาคี และการรวมกลุ่มประเทศ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21658 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐมอลตา (รายงานผลการประชุม SeaWeb Seafood Summit) | นร | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานรายงานผลการเข้าร่วมการประชุม SeaWeb Seafood Summit ระหว่างวันที่ ๑-๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ สาธารณรัฐมอลตา โดยการประชุมมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสำคัญของการผลิตอาหารเพื่อบริโภคในอนาคต ห่วงโซ่อุปทานและความยั่งยืนของอาหารทะเล การดำเนินงานในเรื่องกิจการประมงทะเล รวมถึงการบริหารจัดการและแนวทางแก้ไขปัญหาด้านแรงงานในภาคประมง และการค้ามนุษย์ โดยคณะผู้แทนประเทศไทยได้ชี้แจงว่า ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยมีการใช้บังคับพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งได้แถลงคำยืนยันของประเทศไทยในการทำงานเพื่อสร้างจิตสำนึกทางจริยธรรมของห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเลจากประเทศไทย ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นได้มีแถลงข่าวผลการประชุมโดยกล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในการทำประมงของประเทศไทยที่มีทิศทางที่ดีขึ้นซึ่งต้องการให้การสนับสนุนและติดตามผลในระยะยาวต่อไป ๒. ให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการแรงงานรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ๒.๒ เร่งรัดการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ๒.๓ จัดเตรียมระบบสวัสดิการสำหรับดูแลแรงงานต่างด้าว ๒.๔ จัดเตรียมแรงงานให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ ๒.๕ สร้างความร่วมมือกับประเทศเวียดนามในการนำเข้าแรงงานประมงสัญชาติเวียดนามอย่างถูกกฎหมาย ๒.๖ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อประสานความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ในการทำการประมงร่วมกัน รวมทั้งการหาแหล่งในการทำประมงเพิ่มเติมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21659 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานว่า ๑.๑.๑ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดชาวต่างชาติรายสำคัญ รวม ๖ คน ที่ลักลอบเข้าประเทศไทยและทำการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง (Passport) ของประเทศต่าง ๆ จำหน่ายให้แก่ผู้ที่ต้องการเดินทางไปประเทศที่สามมาเป็นเวลานาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขยายผลการจับกุมต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่หลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถดำเนินการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ๑.๑.๒ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖/๒๕๕๙ เรื่อง การคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เพื่อให้การคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ประกาศ และคำสั่งหลายฉบับที่มีกระบวนการและขั้นตอนการปฏิบัติที่แตกต่างกัน สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗/๒๕๕๙ เรื่อง การกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวน ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งให้สอดคล้องกับโครงสร้าง และระบบการบังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะส่งผลในการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในงานสอบสวนต่อไป ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานว่า ปัจจุบันมีหลายประเทศที่กำหนดมาตรการจูงใจเพื่อให้ผู้ประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้กำหนดมาตรการที่จะดึงดูดให้ผู้ประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทำให้สูญเสียโอกาสในการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ที่มีเงินลงทุนสูงหลายเรื่อง จึงควรมีการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ๑.๓.๑ เนื่องจากวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น "วันนักประดิษฐ์" ซึ่งเป็นการระลึกถึงวันที่จดทะเบียนและทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรการประดิษฐ์ "เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย" หรือ "กังหันชัยพัฒนา" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จึงได้มีการจัดงาน “วันนักประดิษฐ์” ประจำปี ๒๕๕๙ ระหว่างวันที่ ๒-๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยในงานดังกล่าวได้มีการมอบรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติและจัดนิทรรศการผลงานสิ่งประดิษฐ์ของไทย เช่น นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งการประดิษฐ์ไทย” นิทรรศการรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ การแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผลงานประดิษฐ์คิดค้นที่ได้รับรางวัลจากนานาชาติ และผลงานสิ่งประดิษฐ์ระดับภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ จะได้สรุปผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเพื่อส่งให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาใช้ประโยชน์ต่อไป ๑.๓.๒ ผลการตรวจการปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญและยโสธรพบว่า ประชาชนในพื้นที่มีความพอใจในมาตรการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ดำเนินการในพื้นที่ เช่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่ส่วนราชการต่าง ๆ จะขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อไป โดยเฉพาะการขยายตลาดประชารัฐซึ่งประชาชนเห็นว่าเป็นการสร้างอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ประชาชนยังมีความต้องการให้ส่วนราชการสนับสนุนการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกอบอาชีพเสริมและการเพิ่มมูลค่าผลผลิตต่าง ๆ ด้วย ๑.๔ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานว่า ๑.๔.๑ การสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศจำเป็นที่จะต้องปรับยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศไทยให้เน้นการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเป็น Gateway สู่ภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแท้จริง ๑.๔.๒ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้อนุมัติไปแล้วโดยเฉพาะโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงครึ่งแรกของปี ส่วนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี รัฐบาลจำเป็นต้องร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการนำเงินงบประมาณที่ได้รับมาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนาพื้นที่และเพิ่มศักยภาของชุมชน รวมทั้งเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่โดยเฉพาะโครงการภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคมให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ภายในไตรมาสที่ ๓ และ ๔ ๑.๔.๓ การหารือร่วมกับกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินของรัฐ ประกอบด้วยธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐ โดยสถาบันการเงินของรัฐทั้ง ๓ แห่งจะให้การสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในประเทศในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำจะช่วยให้โครงการมีความน่าสนใจมากขึ้น ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ มาตรการ ผลตอบแทนและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยในรูปแบบมาตรการคืนเงินให้เกิดความรอบคอบ รัดกุม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21660 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
.....