ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 2 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 20 จากข้อมูลทั้งหมด 21 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2569-2572) | กค. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สำนักงานศุลกากรมาบตาพุด) | กค. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สำนักงานศุลกากรมาบตาพุด)
มีสาระสำคัญเป็นแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน
(ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อแก้ไขที่ตั้งสำนักงานศุลกากรมาบตาพุด จาก “ตั้งอยู่ที่ตำบลมาบตาพุด
อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง” เป็น “ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง
จังหวัดระยอง” เนื่องจากด่านศุลกากร สำนักงานศุลกากรมาบตาพุดได้ย้ายสถานที่ปฏิบัติราชการจากอาคารที่ทำการแห่งเดิมไปอยู่ที่อาคารที่ทำการแห่งใหม่
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์) | วธ. | 12/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายสามารถ มะลูลีม) | นร.04 | 12/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายสามารถ มะลูลีม
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ) | นร.04 | 12/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์
สาลีรัฐวิภาค) ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 12/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้
และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา
๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นายนภินทร ศรีสรรพางค์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายธนิต วงศ์ปิยนันทกุล ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | คค. | 12/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายธนิต วงศ์ปิยนันทกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางอากาศ
(นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ ๒. นายศุภกร ภัทรวิเชียร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางน้ำ
(นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8 | ร่างกฎกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ พ.ศ. .... | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์
เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตและผู้มีไว้ในครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ต้องปฏิบัติ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | คค. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๕ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ๒. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ๓. นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม(นางมนพร
เจริญศรี) ๔. นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม(นายสุรพงษ์
ปิยะโชติ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10 | การประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 16 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 เรื่อง การขยายระยะเวลาแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) | กษ. | 01/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร
และโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร ออกไปเป็นระยะเวลา ๕ ปี
จากเดิมจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ เป็นสิ้นสุดโครงการในวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๗๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรกำหนดแผนการดำเนินงานและระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรลูกหนี้ในโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร
และโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรให้ชัดเจน
และอาจพิจารณากำหนดให้ผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น กำหนดให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการดำเนินการฟื้นฟู
พัฒนาและสร้างอาชีพเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอชำระหนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาแนวทางและสนับสนุนให้เกษตรกรพัฒนาอาชีพและรายได้ที่เหมาะสมกับศักยภาพทางการผลิตในพื้นที่และความต้องการของตลาด
เพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอสำหรับการดำเนินชีวิตและการชำระหนี้คืน ตลอดจนเร่งรัดการติดตามหนี้สินที่ค้างอยู่ให้เป็นไปตามกำหนด
รวมทั้งการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรรักษาวินัยทางการเงิน
เพื่อให้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้รับชำระหนี้คืนเพื่อนำไปสนับสนุนในโครงการอื่น
ๆ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ | พม. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน
และยานพาหนะ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการโรงงาน
และยานพาหนะ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรกำหนดมาตรการบังคับสำหรับสถานบริการหรือโรงแรมที่ไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว
และมีมาตรการสำหรับหน่วยงานที่กำกับดูแลปราบปรามสถานบริการหรือโรงแรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยงในการค้ามนุษย์ อย่างเข้มงวดและเด็ดขาด และหากกำหนดมาตรการบังคับนี้ให้ครอบคลุมถึงเรือประมงไทยด้วย
จะทำให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรพิจารณาแก้ไขให้สอดคล้องกับบทอาศัยอำนาจตามมาตรา
๑๖/๑ ทำนองเดียวกับที่เคยกำหนดไว้ตามข้อ ๒ แห่งประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ
ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้
การกำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของผู้ครอบครองหรือผู้ดำเนินกิจการฯ
ตามกฎหมายแม่บทนั้น ได้ก่อให้เกิดหน้าที่โดยปริยาย (Implied duty) แก่หน่วยงานของรัฐที่จะต้องตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมิให้มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว
แต่หากประสงค์จะกำหนดหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติก็สมควรแยกออกเป็นอีกข้อหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรมเจ้าท่ามีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานด้านความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ และตรวจสอบความถูกต้องของเรือประมงต่างประเทศที่เข้ามาในน่านน้ำไทยให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
พ.ศ. ๒๕๖๑ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
กรณีการจัดซื้อจัดจ้างจากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน
โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของหน่วยงานของรัฐในรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่เป็นนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน
จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ ของทุนทั้งหมด เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของทุนทั้งหมด
เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของรัฐวิสาหกิจมีความโปร่งใสมากขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เห็นควรนำนิยาม
“รัฐวิสาหกิจ” ในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
มาปรับใช้กับร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างความชัดเจน
และยากต่อการใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อเอื้อต่อการทุจริต และเห็นควรกำหนดรูปแบบ
หลักเกณฑ์ และกระบวนการต่าง ๆ
เพื่อรับรองสิทธิของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
และตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
และพระราชบัญญัติฯ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สามารถคุ้มครองสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
รวมทั้งยังเป็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐโดยประชาชนด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14 | ผลการประชุม Bridging The Gap : Thailand's Path to Inclusive Prosperity | นร.14 | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม Bridging The Gap : Thailand’s Path to Inclusive Prosperity เพื่อเผยแพร่รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย
ปี ๒๕๖๕ รายงานการลดช่องว่าง : ความเหลื่อมล้ำและการจ้างงานในประเทศไทย และมุมมองปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
จากตัวแทนสถาบันการศึกษา ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานเกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นว่า ควรผลักดันข้อเสนอแนะเชิงนโยบายฯ
ทั้ง ๓ ระยะ (ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว) ไปสู่การปฏิบัติ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ทั้งภาครัฐ (ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น) ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นองค์รวมได้อย่างตรงจุด
กลุ่มเป้าหมายสามารถหลุดพ้นจากความยากจนที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างแท้จริง
และควรมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลประชาชน และการให้บริการของภาครัฐ
จากทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการใช้บริการจากภาครัฐ
เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และคำนึงถึงการป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ | กค. | 04/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
(สำหรับนิติบุคคล) มีสาระสำคัญ เช่น กำหนดให้หักรายจ่ายได้ ๒
เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในจังหวัดท่องเที่ยวรองหรือในเขตพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นใดที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
และหักรายจ่ายได้ ๑.๕ เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริงสำหรับพื้นที่อื่น (เมืองหลัก)
โดยต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากรเท่านั้น และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ
(สำหรับบุคคลธรรมดา) มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บุคคลธรรมดาในการหักลดหย่อนค่าบริการหรือค่าที่พักในการท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวรองเท่านั้น
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวรองได้ตามที่จ่ายจริง
แต่ต้องไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท และต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice & e-Receipt
ของกรมสรรพากรเท่านั้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการท่องเที่ยวและการจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวรองและในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นภายในประเทศในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว
(Low Season) ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม
๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (รวมระยะเวลา ๗ เดือน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรดำเนินการ เช่น ขอความร่วมมือให้หน่วยงานภาครัฐเลือกพื้นที่ท่องเที่ยวรองเป็นพื้นที่ในการจัดประชุมและสัมมนา
ควรพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เชื่อมโยงจากเมืองท่องเที่ยวหลักไปสู่เมืองท่องเที่ยวรอง
และควรเตรียมความพร้อมด้านปริมาณบุคลากรและทักษะแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีเพียงพอ สำนักงบประมาณ
เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 19 (The nineteenth session of the United Nations Forum on Forests - UNFF19) | ทส. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมผู้บริหารระดับสูงในการประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๑๙ (The nineteenth session of
the United Nations Forum on Forests - UNFF 19) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำและตระหนักถึงสถานการณ์ด้านป่าไม้ในปัจจุบัน เช่น ตระหนักว่าป่าไม้มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้มีแนวโน้มลดลงและเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง
และประเทศภาคีจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า
และเพื่อฟื้นฟูป่าไม้และความเสื่อมโทรมของดิน โดยจะดำเนินการ เช่น
ดำเนินงานร่วมกันเพื่อป้องกัน อนุรักษ์ และฟื้นฟูป่าไม้และระบบนิเวศป่าไม้อย่างยั่งยืน
โดยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมเชิงนโยบาย ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
และลดความขัดแย้งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ในทุกระดับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17 | ข้อเสนอเชิงนโยบายวิกฤตประชากรและสังคมสูงวัย | พม. | 02/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบข้อเสนอเชิงนโยบายวิกฤตประชากรและสังคมผู้สูงวัย
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนเชิงนโยบาย เพื่อสื่อสารให้สังคมตระหนักถึงประเด็นท้าทายของประชากรที่ส่งผลสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของประชากรทุกช่วงวัยและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ
ตลอดจนการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ไปสู่การดำเนินงานแบบองค์รวมเพื่อให้ทุกคนในสังคมมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการพัฒนาความมั่นคงของครอบครัวไปสู่ความมั่นคงของมนุษย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
โดยมีมาตรการสำคัญเร่งด่วน ดังนี้ ข้อเสนอที่ ๑ เสริมพลังวัยทำงาน : ตั้งตัวได้
สร้างและดูแลครอบครัวได้ และพร้อมที่จะสูงอายุอย่างมีคุณภาพในอนาคต ข้อเสนอที่ ๒
เพิ่มคุณภาพและผลิตภาพของเด็กและเยาวชน : เด็กน้อย แต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ข้อเสนอที่
๓ สร้างพลังผู้สูงอายุ ผ่อนหนักให้เป็นเบา พลิกวิกฤตทางประชากรให้เป็นโอกาส
ข้อเสนอที่ ๔ เพิ่มโอกาสและสร้างเสริมคุณค่าของคนพิการ และข้อเสนอที่ ๕
สร้างระบบนิเวศ (Eco-System) ที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาความมั่นคงของครอบครัว
ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาให้มีการบูรณาการร่วมกับแผนระดับที่
๓ ที่เกี่ยวข้อง ของหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมด้วย อาทิ แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ
ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐) แผนปฏิบัติการด้านครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๖–๒๕๗๐ แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗o แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙
แผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ (ร่าง) แผนพัฒนางานสวัสดิการสังคมไทย ระยะ ๕ ปี (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) และควรมีการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน เพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวมีความสอดคล้องกับบริบทปัจจุบันและลักษณะงานของภาคราชการที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
รวมทั้งเกิดความสมดุลระหว่างการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้ผู้สูงอายุ
ประสิทธิภาพภาครัฐ และความยั่งยืนทางการคลังต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18 | การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 67 และการขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีและการประกาศคำมั่นในนามประเทศไทยตามเอกสารแนวคิดข้อริเริ่ม "Pledge4Action" ของประธานคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 67 ในห้วงการประชุมระดับสูงของการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 67 | ยธ. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับสูง
(High-Level
Segment) ในห้วงการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ ๖๗ [67th
session of the Commission on Narcotic Drugs (CND)] ซึ่งกำหนดจัดขึ้น ณ ออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๒
มีนาคม ๒๕๖๗ และเห็นชอบให้ประเทศไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ดังกล่าว
ในห้วงพิธีเปิดการประชุมระดับสูงของการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ ๖๗
โดยไม่มีการลงนาม ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๗ รวมทั้งเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีและการประกาศคำมั่นในนามประเทศไทย
โดยเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมกล่าวถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรี
และร่วมประกาศคำมั่นในนามประเทศไทย และอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน
ป.ป.ส. แก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรี และการประกาศคำมั่นในนามประเทศไทยดังกล่าว
โดยการรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ มีสาระสำคัญเป็นการทบทวนแผนงานต่อเนื่องในห้วงครึ่งแผน
ปี ค.ศ. ๒๐๒๔ ในการดำเนินการตามพันธกรณีด้านนโยบายยาเสพติดระหว่างประเทศ
ซึ่งประกอบด้วย ๓ ส่วน ได้แก่ ๑) การให้คำมั่นร่วมกัน ๒)
การประมวลติดตามผลการดำเนินการ และ ๓) ข้อเรียกร้องในการดำเนินการ รวมทั้งการกล่าวถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรี
และการประกาศคำมั่นในนามไทยตามเอกสารแนวคิดข้อริเริ่ม “Pledge4Action” ของประธาน CND สมัยที่
๖๗ และการประกาศคำมั่นในนามไทยที่จะลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดภายในประเทศให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมภายใน
๑ ปี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับสูงในห้วงการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด
สมัยที่ ๖๗ ร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรี และการประกาศคำมั่นในนามประเทศไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์) | พน. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เนื่องจากนายบุญญนิตย์
วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเดิม
ได้ดำรงตำแหน่งครบวาระตามสัญญาจ้าง โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๖๙๐,๐๐๐ บาท [ตามมติคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ (วาระพิเศษ) (วาระลับ) เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๖
และครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ (วาระลับ) เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗]
ซึ่งกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นว่าหากมีกรณีที่กำหนดระยะเวลาวันเริ่มปฏิบัติงานและข้อสัญญาอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง กำหนดสาระสำคัญแตกต่างจากร่างสัญญาจ้างที่กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว
คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
จะต้องนำเสนอเรื่องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในร่างสัญญาจ้างเพื่อให้กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบตามที่กำหนดในมาตรา
๘ จัตวา แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมก่อนลงนามในสัญญาจ้างต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มิใช่สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. .... | สธ. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕
ที่มิใช่สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย
หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕
ที่มิใช่สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง กำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต
การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการในใบอนุญาต การดำเนินการของผู้รับอนุญาตเพื่อประโยชน์ในการควบคุมกำกับดูแล
การจัดให้มีเภสัชกรอยู่ประจำควบคุมกิจการตลอดเวลาทำการ
และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าควรเพิ่มกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์จากสิบห้าวันเป็นสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ผู้ขออนุญาตได้รับหรือถือว่าได้รับหนังสือแจ้งมติไม่ให้ความเห็นชอบหรือคำสั่งไม่อนุญาต
ซึ่งจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมมากกว่า ไปประกอบการตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|