ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 23 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 443 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการจัดตั้งสถาบันมวยไทยแห่งชาติ ของคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา | สว. | 20/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | ขอความเห็นชอบในการรับรองร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรี Regional Cooperative Agreement (RCA) | อว. | 20/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรี Regional Cooperative Agreement (RCA) มีกำหนดจัดขึ้น ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๕ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย
และมอบหมายให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรี RCA ร่วมลงนามรับรองร่างปฏิญญาดังกล่าว โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑)
การตระหนักถึงบทบาทของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่จะช่วยแก้ปัญหาและจัดการกับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ช่วยส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนการรับมือกับภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(๒)
การตระหนักถึงบทบาทของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม
และเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (๓)
การตระหนักถึงความสำเร็จภายใต้กรอบความร่วมมือ RCA ในการสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในด้านต่าง
ๆ อันส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (๔)
การตระหนักถึงบทบาทและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใต้กรอบความร่วมมือฯ
ทั้งในระดับบุคคล คณะทำงาน และองค์กร (๕) การเน้นย้ำถึงบทบาทของ IAEA ในการสนับสนุนด้านเทคนิคและงบประมาณสำหรับการดำเนินกิจกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือฯ
และ (๖)
การส่งเสริมความร่วมมือและการรมีส่วนร่วมของรัฐสมาชิกเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ตอบโจทย์ความต้องการของภูมิภาคและสร้างความยั่งยืนให้กับกรอบความร่วมมือฯ
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรี
RCA ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับจัดทำโครงการจัดเก็บข้อมูลดีเอ็นเอของบุคคลพ้นโทษ พักโทษจากเรือนจำและทัณฑสถาน | ตช. | 20/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน
๑๓๗,๙๔๑,๘๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับจัดทำโครงการจัดเก็บข้อมูลดีเอ็นเอของบุคคลพ้นโทษ
พักโทษจากเรือนจำและทัณฑสถาน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | กรอบการวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2566-2569 | ยธ. | 20/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบการวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรม
พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙
ซึ่งถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทสังคมและแนวทางการจัดทำข้อเสนอวิจัยตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) กรอบการวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางอาญา
เพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรมและการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมอย่างสงบสุข (๒)
กรอบการวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง ปกครอง
เพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรมและการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมอย่างสงบสุข (๓)
กรอบการวิจัยเพื่อพัฒนากฎหมายให้กฎหมายมีความทันสมัยสอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและภาวะวิกฤติ
(๔) กรอบการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในกระบวนการยุติธรรม
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรม ทันสมัยสอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
และภาวะวิกฤติ และ (๕) กรอบการวิจัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม
ให้มีระบบการบริหารจัดการที่ทันสมัยสอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
และภาวะวิกฤติ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ
และให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานศาลปกครอง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2565 | นร.11 สศช | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง
ปี ๒๕๖๕ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสสอง ปี ๒๕๖๕
เช่น สถานการณ์แรงงานมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและอัตราการว่างงานลดลงต่ำสุดตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) หนี้สินครัวเรือนในไตรมาสหนึ่ง ปี ๒๕๖๕ มีมูลค่า ๑๔.๖๕
ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๓.๖ ซึ่งลดลงจากไตรมาสก่อน ส่วนด้านความสามารถในการชำระหนี้ทรงตัว
และการเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นจากโรคที่มาจากฤดูฝน
นอกจากนี้ควรติดตามและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงอย่างใกล้ชิดและกำชับประชาชนให้เห็นถึงความสำคัญของการดูแลป้องกันตนเองจากโควิด-๑๙
(๒) สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ ๑) รู้จักรู้ทันผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
๒) พฤติกรรมการลงทุนของคนรุ่นใหม่ในตลาด Cryptocurrency
และ ๓) การทำงานของผู้สูงอายุตอนต้น กลุ่มที่ต้องการให้ความสำคัญ
และประเด็นที่ต้องการคำนึงถึง และ (๓) บทความเรื่อง “วิกฤติความมั่นคงทางด้านอาหาร
: มาตรการและแนวทางยกระดับให้ไทยมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน”
มีประเด็นที่ไทยต้องให้ความสำคัญ เช่น การมีอาหารเพียงพอ การเข้าถึงอาหาร
การใช้ประโยชน์จากอาหาร ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | ขออนุมัติเปลี่ยนวิธีดำเนินการ โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับวังยาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากงานจ้างเหมา เป็น งานดำเนินการเอง ของกรมทางหลวง | คค. | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนวิธีดำเนินการโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับวังยาว
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากงานจ้างเหมา เป็น งานดำเนินการเอง ของกรมทางหลวง
ในวงเงิน ๔๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
จำนวน ๖๙,๔๔๔,๔๐๐ บาท
ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบประมาณได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน
๒๕๖๕ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่กรมทางหลวงได้จัดสรรไว้แล้ว
จำนวน ๑๔๑,๖๖๖,๗๐๐ บาท โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณพ.ศ.
๒๕๖๒ ประกอบกับหลักเกณฑ์ว่าด้วยการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย
การโอนเงินจัดสรรหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร พ.ศ. ๒๕๖๒
สำหรับงบประมาณในส่วนที่เหลืออีก ๑๙๘,๘๘๘,๙๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยให้กรมทางหลวงเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
หากไม่สามารถดำเนินการได้งบประมาณนั้นย่อมถูกพับไป โดยผลของกฎหมายตามนัยมาตรา ๔๓
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และหากการดำเนินโครงการดังกล่าว
เข้าข่ายเป็นทางหลวงหรือถนน
ซึ่งมีความหมายตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงทุกขนาดที่ตัดผ่านพื้นที่ที่กำหนด
ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ เอกสารท้ายประกาศ ๔ ลำดับที่ ๒๐
จะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าวด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 28 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลยเซีย - ไทย (IMT - GT) | นร.11 สศช | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และการก่อหนี้ผูกพัน ข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2567 เพื่อดำเนินโครงการการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สำหรับแผนแม่บทการพัฒนา เชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี | นร.11 สศช | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕-๒๕๖๗ จำนวน ๒๘,๒๒๗,๘๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๔,๑๑๓,๙๐๐ บาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๗
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะได้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมารรายจ่ายประจำปี
เพื่อดำเนินโครงการการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี
ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณทุนประเดิมตามมาตรา 9 และมาตรา 48 ของสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) โดยใช้รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ของสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) | คค. | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๖๓,๐๐๓,๙๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง
(องค์การมหาชน) ตามที่กะทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม [สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล
การใช้จ่ายเงินงบประมาณของสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน)
ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้งบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
และเร่งจัดทำแผนที่นำทาง (Roadmap) ของการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบรางที่จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาระบบรางของประเทศให้เป็นโครงข่ายหลักในการเดินทางและขนส่งสินค้า
พร้อมทั้งกำหนดกลไกการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศเป็นลำดับแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | ขอความเห็นชอบร่างตารางข้อผูกพันด้านบริการ ภายใต้องค์การการค้าโลกของไทย ที่จะผูกพันวินัยในการใช้กฎระเบียบภายใน | พณ. | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างตารางข้อผูกพันด้านบริการ
ภายใต้องค์การการค้าโลกของไทย ที่จะผูกพันวินัยในการใช้กฎระเบียบภายใน
โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์นำร่างตารางข้อผูกพันของไทย
เข้าสู่กระบวนการภายใต้องค์การการค้าโลกเพื่อให้การปรับปรุงร่างตารางข้อผูกพันดังกล่าวมีผลผูกพันทางกฎหมาย
ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ขอให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ
โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีตามร่างตารางข้อผูกพันที่ผูกพันการใช้กฎระเบียบภายในต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างตารางข้อผูกพันด้านบริการ
ภายใต้องค์การการค้าโลกของไทย ที่จะผูกพันวินัยในการใช้กฎระเบียบภายใน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปทบทวนกระบวนการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้สอดคล้องกับวินัยในการใช้กฎระเบียบภายในดังกล่าว
โดยมีกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ประสานงานและติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 40 วรรคสาม และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กก. | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๘ เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่ารถยนต์ รวมทั้งสิ้น ๘
รายการ วงเงินงบประมาณ ๘๕,๑๑๐,๖๐๐ หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลท้องถิ่น สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนได้
โดยให้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายก่อนได้รับการจัดสรรงบประมาณ
เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามนัยมาตรา ๔๐ วรรคสาม และมาตรา ๔๒
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
สำนักงบประมาณได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับไว้แล้ว
สำหรับรายการค่าเช่าอาคารสำนักงาน ๕ แห่ง และรายการค่าเช่ารถยนต์ ๓ คัน
ดังกล่าวข้างต้น ให้ใช้จ่ายตามรายการและวงเงินงบประมาณรายจ่ายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศใช้บังคับ
ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับค่าเช่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรวางแผนการใช้จ่ายเงินให้มีความสอดคล้องกับปฏิทินงบประมาณ
และควรมีการกำกับ ดูแล ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงานสาขาต่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อประโยชน์ในการติดตามสถานการณ์ด้านตลาดการท่องเที่ยว
และประกอบการดำเนินนโยบายด้านการท่องเที่ยวของประเทศในระยะต่อไป
ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลเขาดิน อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... | มท. | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลเขาดิน
อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. ....
เป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลเขาดิน
อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี
เพื่อมอบหมายให้เทศบาลตำบลเขาดินใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานเทศบาลตำบลเขาดิน
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเพื่อใช้ประโยชน์ในราชการอื่น ๆ ของเทศบาลตำบลเขาดิน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายลัทธจิตร มีรักษ์) | นร.04 | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายลัทธจิตร มีรักษ์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี
(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | ขออนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | พม. | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
จำนวน ๙๓๓,๕๕๗,๑๐๐ บาท
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาเห็นชอบให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กรมกิจการเด็กและเยาวชน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่ควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล และดำเนินโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุด และควรตรวจสอบข้อมูลผู้มาลงทะเบียนให้ถูกต้อง
และกำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้เป็นไปตามระเบียบ
หลักเกณฑ์ วิธีการ และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ ตลอดจนกำหนดให้มีกลไกการติดตาม
ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินอุดหนุนดังกล่าวที่ชัดเจน ดำเนินการด้วยความสุจริต โปร่งใส
มีประสิทธิ ภาพ และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
รวมถึงภาระการเงินการคลังที่อาจเกิดขึ้นแก่รัฐในอนาคต
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปปท. | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
(คณะกรรมการ ป.ป.ท.) การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้มูลของคณะกรรมการ ป.ป.ท.
ในคดีทุจริตต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและหน้าที่และอำนาจในคดีประพฤติมิชอบซึ่งเป็นหน้าที่และอำนาจโดยตรงของคณะกรรมการ
ป.ป.ท. ทั้งนี้
เพื่อให้เป็นไปตามการดำเนินการเกี่ยวกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญ ของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ
เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้แจ้งความนำจับและเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานยาเสพติดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่
และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๑
ให้สอดคล้องกับประมวลกฎหมายยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสุงสุด
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ที่เห็นควรเพิ่มกรณีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินชั่วคราวตามที่คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีคำสั่งตามมาตรา
๗๓ แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดด้วย
รวมถึงการเพิ่มคำสั่งยึดหรืออายัดของคระกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินในร่างข้อ ๕ [แก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๑๘ (๑)
ที่กำหนดให้การจ่ายค่าตอบแทนในคดีที่ยึดได้แต่ยาเสพติดของกลางมีศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิดและเลขาธิการ
ป.ป.ส.
มีคำสั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดชั่วคราว] และข้อ ๑๐ ของร่างระเบียบฯ ควรปรับแก้ไขถ้อยคำ “สั่งยุติคดี” เป็น
“สั่งยุติการดำเนินคดี” เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด
ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๔๘ และข้อ ๔๙ ร่างข้อ ๑๔
ของร่างระเบียบฯ ซึ่งใช้ถ้อยคำว่า “เด็กหรือเยาวชน” นั้น
มีข้อสังเกตว่าประมวลกฎหมายยาเสพติดหลายมาตราใช้คำว่า “บุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปี”
รวมทั้งในข้อ ๔ (๒) ของร่างระเบียบฯ เป็น “คดีความร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดที่เลขาธิการ
ป.ป.ส. หรือพนักงานอัยการมีคำสั่งอนุมัติแจ้งข้อหาสมคบ หรือสนับสนุน ช่วยเหลือ
หรือศาลออกหมายจับในข้อหาสมคบหรือสนับสนุนช่วยเหลือตามประมวลกฎหมายยาเสพติด”
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิตาลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย (นายเปาโล ดีโอนีซี) | กต. | 13/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายเปาโล ดีโอนีซี (Mr. Paolo Dionisi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายโลเรนโซ กาลันตี (Mr. Lorenzo
Galanti) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการสร้างรายได้ด้วยการรับงานไปทำที่บ้านเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา | สว. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการสร้างรายได้ด้วยการรับงานไปทำที่บ้านเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานผลการศึกษาดังกล่าว
สรุปได้ว่า กระทรวงแรงงานได้มีกลขับเคลื่อนขับเคลื่อนแรงงานนอกระบบไปสู่การปฏิบัติผ่านศูนย์ประสานและสนับสนุนเครือข่ายแรงงานนอกระบบ
๗๖ จังหวัด ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบจังหวัดภาคประชาชน ๗๖ แห่ง หน่วยบริการชุมชนจังหวัดภาคประชาชน
๒๖๑ แห่ง
และมีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ
พ.ศ. ....
ให้มีผลใช้บังคับในการรขับเคลื่อนภารกิจของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน
รวมถึงได้กำหนดค่าตอบแทนในการรับงานไปทำที่บ้านอย่างเป็นธรรมตามพระราชบัญญัติผู้รับงานไปทำที่บ้าน
พ.ศ. ๒๕๕๓ และได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... โดยปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้เป็นปัจจุบัน สอดคล้องกับสภาพการจ้างงานที่รับงานไปทำที่บ้าน
และสอดคล้องกับหลักการมาตรฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ
ตลอดจนได้มีการดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน
เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้สถานประกอบกิจการมีส่วนร่วมในการพัฒนาฝีมือแรงงาน
โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมให้กับพนักงานไปยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
และสิทธิอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูประบบด้านทันตสาธารณสุขไทยตามแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านสาธารณสุข ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา | สว. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การพิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะ
และเร่งรัดการปฏิรูประบบด้านทันตสาธารณสุขไทยตามแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านสาธารณสุข
ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานผลการศึกษาดังกล่าว
สรุปได้ว่า การจัดตั้งกรมทันตสุขภาพเพื่อให้เกิดความสำเร็จตามแผนยุทธศาสตร์ด้านทันตสาธารณสุขของประเทศอาจกระทบกับงบประมาณและรายจ่ายบุคลากรภาครัฐในระยะยาว
ประกอบกับการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒
มกราคม๒๕๖๒ ในการณีที่มีความจำเป็นต้องจัดตั้งหน่วยงานใหม่ ควรระบุข้อเสนอให้ยุบเลิกหรือยุบรวมหน่วยงานที่มีอยู่เดิม
เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนทั้งในด้านภารกิจและงบประมาณ ทั้งนี้
กระทรวงสาธารณสุขจะรับไปพิจารณาเพื่อให้มีกลไกในการขับเคลื่อน จัดแผน
หรือแนวทางการพัฒนาระบบทันตสาธารณสุขที่มีความชัดเจนและมีส่วนร่วมตลอดจนการดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาศึกษานี้
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสระแก้ว และตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... | คค. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลสระแก้ว และตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสระแก้ว และตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว
จังหวัดสระแก้ว เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท ถนนสาย ก
ตามโครงการผังเมืองรวมสระแก้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าก่อนการก่อสร้างทางหลวงชนบททุกเส้นทาง
ควรให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงชนบทกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทันและอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรืออุทกภัยต่อไปในอนาคต
หากโครงการก่อสร้างและขยายทางหลวงชนบทถนนสาย ก ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองสระแก้ว
เป็นถนนผังเมืองรวมตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองรวม จะไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒
ควรตระหนักและให้ความสำคัญต่อระยะเวลาในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในครั้งต่อไปด้วย
รวมทั้งควรเร่งรัดการดำเนินการสำรวจพื้นที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งทางบกอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|