ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 8 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 146 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21 | ข้อเสนอการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในภาคเกษตรกรรมและภาคป่าไม้ ในพื้นที่ปฏิบัติการนวัตกรรมภาครัฐ จังหวัดเชียงใหม่ | นร.12 | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
22 | การปรับอัตราค่าตอบแทนแรกบรรจุและการปรับค่าตอบแทนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบของพนักงานราชการ (ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566) | นร.10 | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอการปรับอัตราค่าตอบแทนแรกบรรจุและการปรับค่าตอบแทนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ
รวมทั้งการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของพนักงานราชการ ทั้งนี้
คาดว่าจะใช้งบประมาณ รวมทั้งสิ้น ๒,๖๗๐ ล้านบาท โดยปีที่ ๑ (๕ เดือน) จำนวน ๘๓๐ ล้านบาท และปีที่ ๒ (๑๒
เดือน) จำนวน ๑,๘๔๐ ล้านบาท
โดยให้ส่วนราชการใช้จ่ายจากงบประมาณของแต่ละส่วนราชการเป็นลำดับแรก
หากไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเสนอ
และให้คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ สำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่า เพื่อให้อัตราค่าตอบแทนของพนักงานราชการมีความเหมาะสมสอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน
โดยส่วนราชการต่าง ๆ ควรกำหนดมาตรการในการพัฒนาความสามารถของพนักงานราชการอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้พนักงานราชการสามารถสนับสนุนการทำงานของส่วนราชการต่าง ๆ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
23 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาศ) | นร.12 | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส
เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารและการจัดการ การวางแผน) ในคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ)
ประธานกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24 | โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2567/68 | พณ. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
ปีการผลิต ๒๕๖๗/๖๘ และอนุมัติกรอบวงเงิน จำนวน ๕๘๕ ล้านบาท
โดยให้ใช้จ่ายจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในโอกาสแรกก่อน
หากไม่เพียงพอให้กรมการค้าภายในเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าการใช้จ่ายเงินเพื่อดำเนินโครงการฯ
ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
ภายใต้กรอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรกำหนด
หากไม่เพียงพอให้กรมการค้าภายในเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ในระยะยาวกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ควรมุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรในด้านการตลาด เช่น
การสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์จากข้าว การบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกและปริมาณผลผลิตข้าวให้สมดุลกับอุปสงค์ของตลาด
การพัฒนาสายพันธุ์ข้าว ให้มีความหลากหลายเพื่อสร้างความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25 | ข้อเสนอโครงการของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | นร.11 สศช | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการเร่งด่วนของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
ที่เห็นควรสนับสนุน จำนวน ๓๙ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๖๔๑,๑๒๗,๓๐๐ บาท โดยให้จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้สำนักงบประมาณตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการและงบประมาณต่อไป และรับทราบข้อเสนอโครงการพัฒนาในระยะยาวเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนราชการของจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย
จำนวน ๓๘๑ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๑๙,๒๘๒,๕๔๖,๙๗๖ บาท
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงาน
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่ากรณีโครงการ
หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุง ซ่อมแซม ฟื้นฟูถนน หากไม่มีลักษณะเป็นการก่อสร้าง
และ/หรือขยายเขตทางหรือช่องจราจร และไม่มีลักษณะเป็นโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการตามประกาศฯ
และมติคณะรัฐมนตรีฯ ข้างต้น
จะไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ เห็นควรให้เตรียมความพร้อมในการขออนุญาตจากกรมธนารักษ์
และเตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพิ่มเติม
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
โดยขอให้จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายจัดทำรายละเอียดโครงการและประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน ครั้งที่ 13 และร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน+3 ครั้งที่ 9 | พม. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
27 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 18 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 11 | กห. | 19/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
ครั้งที่ ๑๘ (ADMM ครั้งที่
๑๘) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ ๑๑
(ADMM - Plus ครั้งที่ ๑๑) จำนวน ๕ ฉบับ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่
๒๐ - ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับรองและให้ความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
ได้แก่ ร่างเอกสารที่จะต้องรับรอง จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ร่างปฏิญญาร่วมเวียงจันทน์ของการประชุม ADMM ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อให้อาเซียนเกิดสันติสุข
ความมั่นคง และความเข้มแข็งของภูมิภาค (๒) ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม ADMM
- Plus ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น
ๆ (๓) ร่างระเบียบการปฏิบัติสำหรับประเทศผู้สังเกตการณ์ในกิจกรรมของคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในกรอบการประชุม
ADMM-Plus และร่างเอกสารที่จะต้องอนุมัติ จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่
(๑) ร่างเอกสารยุทธศาสตร์เพื่อการเตรียมความพร้อมในอนาคตของการประชุม ADMM และการประชุม ADMM - Plus (๒) ร่างเอกสารการจัดการฝึกผสมทางทะเลระหว่างอาเซียน
- สหรัฐฯ ครั้งที่ ๒ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
เป็นการแสดงเจตนารมณ์เชิงนโยบายด้านความมั่นคงในการกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนและระหว่างกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาให้ครอบคลุมในทุกมิติในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ
รวมทั้งเป็นการพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมให้อาเซียนสามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านความมั่นคงของภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานความเป็นแกนกลางของอาเซียน
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรวิเคราะห์ พิจารณา และติดตามการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องตามแนวทางดังกล่าว
รวมทั้งสื่อสารเพื่อเผยแพร่ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วน
มีความเข้าใจและทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
โดยพิจารณาใช้ช่องทางการสื่อสารอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 30 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค. | 19/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
29 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการย้าย การโอน หรือการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารในหรือต่างกระทรวงหรือกรม พ.ศ. .... | นร.10 | 19/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการย้าย การโอน
หรือการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารในหรือต่างกระทรวงหรือกรม
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการย้าย
การโอน และการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญในหรือต่างกระทรวงหรือกรมสำหรับตำแหน่งประเภทบริหาร
ตามที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการเพื่อการย้าย การโอน
หรือการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญให้เป็นไปตามหลักการและครอบคลุมในทุกตำแหน่งประเภทบริหารโดยเร็ว
รวมทั้งเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญและผู้ที่เกี่ยวข้องโดยนำประเด็นข้อสังเกตจากการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎ
ก.พ. มาประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
30 | ร่างกฎกระทรวงการปฏิบัติงานเป็นผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียและผู้รับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. .... | ทส. | 19/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการปฏิบัติงานเป็นผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียและผู้รับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสีย
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอและการออกใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียและผู้รับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสีย
คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม การควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ได้รับใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต
การสั่งพักและการเพิกถอนการอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรมีแผนเตรียมการรองรับการขับเคลื่อนและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
31 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ พ.ศ. .... | ทส. | 12/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์
กำหนดอายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต
และการออกหนังสือรับรอง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าวิธีปฏิบัติในการรับชำระเงินของส่วนราชการจะต้องถือปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
ซึ่งกระทรวงการคลังได้กำหนดช่องทางการรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติซึ่งสอดคล้องตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
32 | โครงการกองทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา (ระยะที่ 2) | อว. | 12/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดำเนินโครงการกองทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา (ระยะที่
๒) ภายในกรอบวงเงิน ๕๕,๐๘๗,๘๐๐ บาท ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๘๐ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการกองทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา
(ระยะที่ ๒) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ นั้น
เห็นควรให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดำเนินการตามวิธีการงบประมาณและขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน รวมถึงการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
33 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. 2566-2570 | อว. | 12/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นกรอบทิศทางและแนวทางดำเนินงาน
รวมทั้งใช้เป็นกรอบแนวทางจัดทำและเสนอคำของบประมาณของหน่วยงานตามห้วงระยะเวลาการบังคับใช้ของแผนปฏิบัติการฯ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.)
ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ (กภช.) ประสาน
รวบรวม และกลั่นกรองโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐที่เกี่ยวกับระบบภูมิสารสนเทศเสนอ กภช.
และนำเสนอต่อสำนักงบประมาณ เพื่อประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีต่อไป
รวมทั้งให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณสนับสนุนโครงการ/กิจกรรมที่สอดคล้องและสนับสนุนเป้าหมายของ
(ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ และใช้เป็นแนวทางการจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามห้วงระยะเวลาการบังคับใช้ของแผนปฏิบัติการฯ
โดย (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ มีสาระสำคัญ เช่น วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศกลางที่เอื้อต่อการนำไปใช้ประโยชน์และสร้างสรรค์นวัตกรรม
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน”
เป้าหมายภาพรวม “ไทยมีความพร้อมด้านระบบภูมิสารสนเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ”
และตัวชี้วัดภาพรวม “ความพร้อมทางด้านระบบภูมิสารสนเทศของประเทศเพิ่มขึ้นเป็นลำดับที่
๓๕ ภายในระยะเวลา ๕ ปี” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตามที่คณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นว่าในมาตรา
๕ วรรค ๓ แห่งพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ของตนให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติดังกล่าว
ซึ่งเป็นแผนระดับ ๓ ควรเสนอให้ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๖๖ - ๒๕๗๐
มีการพิจารณาความสอดคล้องเชื่อมโยงกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
พ.ศ.ศ.๒๕๖๑ - ๒๕๘๐ ในแผนระดับ ๓ ที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด พ.ศ. .... | ศย. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด
โดยยกฐานะแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ขึ้น
เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในชั้นอุทธรณ์ในเขตตลอดท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ๓. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรพิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังไปปฏิบัติงานในแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์เพิ่มเติมก่อนเป็นลำดับแรก
เพื่อรองรับปริมาณงานคดียาเสพติดที่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงแรก
และควรพิจารณาเชื่อมโยงระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service) เข้ากับแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการให้บริการประชาชนยิ่งขึ้นต่อไป
พร้อมทั้งสื่อสารและประชาสัมพันธ์ช่องทางในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา สมัยพิเศษ และการประชุมครอบครัวแห่งเอเชีย (Special AFC-AMMSWD Meeting) | พม. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36 | กรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.12 | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37 | ตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน (Joint KPIs) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.12 | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
38 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดตำแหน่งพนักงานอื่นเพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถานพินิจหรือผู้ดูแล หรือผู้ปกครองสถานที่ที่กำหนดในหมวด 4 พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตดำเนินการหรือจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกและอบรม หรือสถานแนะนำทางจิต พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ยธ. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดตำแหน่งพนักงานอื่นเพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถานพินิจหรือผู้ดูแล
หรือผู้ปกครองสถานที่ที่กำหนดในหมวด ๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดตำแหน่งพนักงานอื่น
เช่น พยาบาล นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพ เจ้าพนักงานอบรมและฝึกวิชาชีพ บรรณารักษ์
พนักงานพินิจ พนักงานพิทักษ์ ฯลฯ (นอกเหนือจากแพทย์ จิตแพทย์ นักจิตวิทยา
พนักงานคุมประพฤติ นักสังคมสงเคราะห์ ครู) เพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถานพินิจตามสมควร
หรือผู้ปกครองสถานที่ในหมวด ๔ เช่น การช่วยเหลือเมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉิน
การก่อเหตุจลาจล กรณีเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน
ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าจากเดิมกำหนดตำแหน่งแพทย์
จิตแพทย์ เห็นควรปรับเป็นแพทย์ เนื่องจากจิตแพทย์ถือเป็นแพทย์สาขาหนึ่ง สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรทบทวนการกำหนดตำแหน่งเจ้าพนักงานให้มีเฉพาะเท่าที่สำคัญ
จำเป็น และเหมาะสมต่อการปฏิบัติงานในสถานการณ์ฉุกเฉินได้
โดยควรพิจารณาจากหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือลักษณะงานของแต่ละตำแหน่งงานเป็นสำคัญ ๒.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตดำเนินการหรือจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกและอบรม หรือสถานแนะนำทางจิต
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการออกใบอนุญาต
และการเพิกถอนใบอนุญาตให้ส่วนราชการดำเนินการ หรือให้เอกชนจัดตั้งสถานศึกษา
สถานฝึกและอบรม หรือสถานแนะนำทางจิตเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชน
ซึ่งเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดเป็นจำเลย หรือเป็นผู้ต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ลงโทษหรือใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชน
ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปไปได้ ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงกลาโหม เห็นควรมีการจัดทำแผนเผชิญเหตุ
รวมถึงแจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบว่าหน่วยอาจถูกขอให้สนับสนุนทางด้านบุคลากรเป็นผู้ช่วยเหลือในการปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจต่าง
ๆ ในกรณีที่มีเหตุวิกฤติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้หน่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
39 | การรับรองร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ของการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 10 | กต. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ของการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง ครั้งที่ ๑๐
(Vientiane Declaration of the
10th Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong
Economic Cooperation Strategy : ACMECS) และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ฯ
ตามที่ประเทศสมาชิกมีฉันทามติ ในการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่
๑๐ โดยร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ฯ มีสาระสำคัญเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในระดับผู้นำของ
ACMECS ต่อพัฒนาการของกลไกภายใต้ ACMECS และเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่
๑๐
โดยไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
รวมทั้งไม่มีการลงนามในร่างเอกสารดังกล่าว จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
40 | การขอรับจัดสรรงบเงินอุดหนุนแก่ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (ASEAN Centre for Sustainable Development Studies and Dialogue) | กต. | 29/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศตั้งคำของบประมาณ
เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบเงินอุดหนุน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและการดำเนินโครงการ/กิจกรรมต่าง
ๆ ของศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา
๕ ปี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๒ ไม่เกินปีละ ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยเห็นสมควรให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน
ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของศูนย์อาเซียนฯ
ในช่วงเวลาดังกล่าวให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม
เพื่อประกอบการพิจารณาขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายในระยะถัดไป
สำหรับการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณให้เป็นตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงาน ก.พ.
เห็นควรให้มีการจัดทำรายละเอียดการใช้จ่ายและกำหนดผลผลิต
และผลลัพธ์ในการดำเนินการที่ชัดเจน และการขอรับจัดสรรงบเงินอุดหนุนแก่ศูนย์อาเซียนฯ
ควรมีความยึดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามบริบท
ความจำเป็นและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี
เพื่อให้การดำเนินการของศูนย์อาเซียนฯ เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสอดรับกับวิสัยทัศน์ของประชาคมอาเซียนอย่างยั่งยื่น ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เห็นว่า
แม้การจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนขึ้นเป็นมูลนิธิจะทำให้ศูนย์อาเซียนฯ
มีสถานะเป็นนิติบุคคลและมีอิสระในการบริหารจัดการตนเองมากยิ่งขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศอาจมีข้อจำกัดในการกำกับดูแลศูนย์อาเซียนฯ
รวมถึงการนำเงินงบประมาณไปสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์อาเซียนฯ ที่เปลี่ยนสถานะไปแล้ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปให้เหมาะสม ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |