ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 46 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 20 จากข้อมูลทั้งหมด 902 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | การออกพันธบัตรเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) | กค. | 01/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2 | รายงานการประเมินความคุ้มค่าของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 | นร.12 | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3 | การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer Management Guideline) | นร.10 | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เรื่อง
แนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ [Government
Chief Information Officer (GCIO) Management
Guideline] ของสำนักงาน ก.พ. และเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (๒๖
พฤศจิกายน ๒๕๖๒) รวมทั้งเห็นชอบการเพิ่มเติมบทบาทของ GCIO ระดับกระทรวง
กรม และจังหวัด
ในการเป็นผู้นำการปรับเปลี่ยนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการบริการของหน่วยงานในรูปแบบ
Digital Transformation เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัลอย่างเร่งด่วน
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป
ให้พิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เช่น
การให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในการฝึกอบรมหลักสูตร GCIO
การจัดเตรียมงบประมาณการอบรมให้แก่บุคลากรภาครัฐที่ต้องเข้าร่วมการอบรม
เนื่องจากบางปีงบประมาณหลายหน่วยงานไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณด้านการอบรม
การเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ GCIO ในการผลักดันระบบการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ
และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน | นร.12 | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5 | รายงานผลการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร.12 | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สำหรับโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้า ในเมืองย่างกุ้ง (เขต North Okkalapa และเขต North Dagon) | กค | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าในเมืองย่างกุ้ง (เขต North Okkalapa และเขต North Dagon) ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน (Concessional Loan) ทั้งจำนวน วงเงินกู้ จำนวน ๑,๔๕๘,๒๔๘,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ รวมระยะเวลา ๓ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๗๒๙,๑๒๔,๐๐๐ บาท ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ดำเนินการกู้เงิน จำนวน ๗๒๙,๑๒๔,๐๐๐ ล้านบาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ๑.๔ กรณีเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ ขอให้รัฐบาลจัดสรรเงินงบประมาณให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ตามจำนวนที่ชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย เพื่อชำระคืนแหล่งเงินกู้ไปก่อน และเมื่อสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) สามารถเรียกเก็บหนี้ได้จะนำเงินดังกล่าวส่งคืนคลังต่อไป ๒. ในส่วนของภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) พิจารณานำเงินสะสมเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการอื่นมาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้รวมถึงกรณีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7 | การพิจารณาแต่งตั้งผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ | พม | 08/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ เป็นผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่เดือนละ ๓๓๐,๐๐๐ บาท ค่าตอบแทนผันแปรไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของผลตอบแทนรวมในแต่ละปี และร่างสัญญาจ้างผู้บริหารพร้อมสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติจะได้รับ ตามมติคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้ นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารขององค์การมหาชนก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8 | ข้อเสนอในการปรับปรุงการออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล และแนวปฏิบัติในการรับ-ส่งหนังสือราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคล | นร12 | 02/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงเพื่อการพัฒนาระบบการออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล และแนวปฏิบัติในการรับ-ส่งหนังสือราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคล ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น (๑) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการ MailGoThai ควรบริหารจัดการให้เนื้อที่ในการจัดเก็บข้อมูล ความเร็วของระบบ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลให้เกิดความเหมาะสมรองรับการปฏิบัติงานได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ และ (๒) หน่วยงานหลักควรพิจารณาถึงการใช้งบประมาณและทรัพยากรในการดำเนินการ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และทำความเข้าใจในการขับเคลื่อนให้เกิดเอกภาพ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งควรพิจารณาถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และข้อมูลสำคัญของภาครัฐเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ [เรื่อง มาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน (การไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้จากประชาชน)] เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒ (เรื่อง การออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล) และเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การพัฒนาระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพื่อการสื่อสารในภาครัฐ) ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายและระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเป็นรูปธรรม ๓. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๓.๑ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) กำหนดแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ส่วนราชการต่าง ๆ ติดต่อราชการระหว่างกันด้วยการรับ-ส่งหนังสือราชการทางระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๓.๒ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักพิจารณาร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางในการออกใบอนุมัติ ใบอนุญาตผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ประชาชนในการติดต่อขอใบอนุมัติใบอนุญาตประเภทต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ในภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด [การลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)] | อื่นๆ | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ในภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ เกี่ยวกับการจดทะเบียนโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ในการบริหารจัดการธนาคารที่ดินของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) จากอัตราร้อยละ ๒ และร้อยละ ๑ ตามลำดับ เหลืออัตราร้อยละ ๐.๐๑ ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามที่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) สำหรับโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศของ สปป.ลาว เพื่อเชื่อมโยงกับระบบ ASEAN Single Window | กค | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) สำหรับโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศของ สปป.ลาว เพื่อเชื่อมโยงกับระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window : ASW) ในรูปแบบเงินให้เปล่าทั้งจำนวน วงเงินรวม ๑๘,๘๒๐,๘๐๕.๑๒ บาท โดยใช้เงินสะสมของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง [กรมศุลกากรและสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)] รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว ในกรณีโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบฯ ในครั้งนี้ ฝ่ายไทยอาจพิจารณาใช้โอกาสที่เหมาะสมเร่งรัดและผลักดันประเด็นคงค้างสำคัญอื่น ๆ กับ สปป.ลาว เช่น การผลักดันให้ สปป.ลาว เปิดใช้พื้นที่ควบคุมร่วม (Common Control Area) บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๒ (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ภายในปี ๒๕๖๓ และในการดำเนินโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบฯ ควรมีการจัดทำแผนงานที่มีกลไกการติดตามให้เป็นไปตามกรอบ รวมถึงมีการประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ควรหารือร่วมกับ สปป.ลาว ในการพัฒนาและดูแลระบบ รวมทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลและเอกสารอื่น ๆ ในทุกด่านพรมแดนถาวรด้วยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11 | ร่างแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) | สศส03 | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบร่างแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เสนอ โดยสาระสำคัญของร่างแผนปฏิบัติการฯ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ วิสัยทัศน์ : ประเทศไทยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และนวัตกรรมของโลก ๑.๒ เป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย : แบ่งออกเป็น ๔ ช่วง ช่วงแรก มีระยะ ๓ ปี ส่วนช่วงที่ ๒-๔ มีระยะช่วงละ ๕ ปี โดยในช่วงระยะ ๓ ปีแรก มีเป้าหมายเพิ่มอัตราการขยายตัวของสินค้าและบริการสร้างสรรค์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๕ และประเทศไทยมีเมืองที่ได้รับการคัดเลือกและประกาศให้เป็นเมืองสร้างสรรค์จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) ๑ เมือง ๑.๓ ยุทธศาสตร์ : ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) สร้างและส่งเสริมการจัดองค์ความรู้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (๒) ยกระดับทักษะและความสามารถบุคลากรในธุรกิจสร้างสรรค์และการกระตุ้นกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์แก่คนไทย (๓) ยกระดับความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และ (๔) พัฒนาเมืองและระบบนิเวศสร้างสรรค์ และส่งเสริมให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ ๑.๔ กลไกในการขับเคลื่อน : สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในภาพรวม และการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ฯ โดยอาศัยการดำเนินงานและการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) รับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น ควรให้ความสำคัญในการวางระเบียบเชื่อมโยงบูรณาการจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันดำเนินการส่งเสริมเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกัน ควรพิจารณาทบทวนโครงการภายใต้แผนยุทธศาสตร์ที่ ๓ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์โลกและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และควรติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของร่างแผนปฏิบัติการฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12 | ผลการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของนายกรัฐมนตรีเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 และการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี | กต | 07/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ ๓ โดยนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนนครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เพื่อเข้าร่วมการประชุมฯ และกิจกรรมคู่ขนานต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในโอกาสครบรอบ ๓๐ ปี ของความสัมพันธ์อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ตลอดจนการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี โดยนายกรัฐมนตรีได้แสดงบทบาทนำอย่างมีวิสัยทัศน์และสร้างสรรค์ในฐานะประธานอาเซียนและประธานร่วมกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ส่งผลให้การประชุมฯ ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยในบรรยากาศที่เป็นมิตร และประสบความสำเร็จในการผลักดันผลลัพธ์ของการประชุมฯ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และช่วยส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองต่ออาเซียนและภูมิภาคโดยรวม ตลอดจนสามารถผลักดันประเด็นสำคัญภายใต้แนวคิดหลักของการเป็นประธานอาเซียนของไทย ทั้งในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยง การเสริมสร้างสถาปัตยกรรมของภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง และความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ เช่น การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และการส่งเสริมธุรกิจผู้ประกอบการรายใหม่ (สตาร์ทอัพ) ส่วนในด้านการหารือทวิภาคี ไทยสามารถผลักดันความร่วมมือกับสาธารณรัฐเกาหลีในสาขาที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การค้าการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำ ความร่วมมือในสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม การสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การลงทุนในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) และการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานไทยผิดกฎหมายในสาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ ไปปฏิบัติและติดตามผลการประชุมฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควร (๑) พิจารณาเพิ่มเติมการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ (Technology Localization) เพื่อเป็นการสนับสนุนการลงทุน หากผู้ประกอบการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการวิจัย ได้รับการสนับสนุนเพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี/การถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ (๒) ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-เกาหลี เพื่อดำเนินการบริหารจัดการน้ำ โดยมีหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ และ (๓) เพิ่มกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในประเด็นความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13 | หลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 พร้อมปฏิทินการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 07/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ชะลอการดำเนินการโอนงบประมาณบูรณาการข้ามหน่วยรับงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ ๑.๒ การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย หลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และปฏิทินการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับไปประสานงานกับองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐที่ได้รับงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนและทุนหมุนเวียนตามแต่กรณี เพื่อถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ด้วย ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14 | รายงานประจำปี 2561 ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) | พณ | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) (สคพ.) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีผลการดำเนินงานสรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดการฝึกอบรม ประชุม สัมมนาให้แก่ประชาชนและบุคลากรทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมด้านการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ด้านการค้า/การลงทุน/การพัฒนาระหว่างประเทศ ด้านมาตรการการค้า/การลงทุนระหว่างประเทศ และด้านกฎหมายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ๒. การดำเนินโครงการวิจัย เช่น โครงการการศึกษาโอกาสและการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitation) ในกลุ่มประเทศ CLMVT โครงการการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศสมาชิกอาเซียนสู่ความเชื่อมโยงกับห่วงโซ่คุณค่าโลก (Global Value Chain) รายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในประเทศสมาชิกอาเซียน และรายงานวิจัยเชิงนโยบายด้านการพัฒนาการค้าชายแดนไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นต้น ๓. การดำเนินการด้านวิชาการ ได้สนับสนุนการจัดทำผลงานทางวิชาการที่เป็นบทความและเผยแพร่ข้อมูลวิชาการของสถาบันผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ โทรทัศน์ และเว็บไซต์ สคพ. รวมทั้งขยายเครือข่ายการสร้างองค์ความรู้และการให้บริการวิชาการเพื่อการค้าและการพัฒนาทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ๔. การดำเนินงานของศูนย์ศึกษาวิเคราะห์แนวโน้มด้านการค้าและการพัฒนา ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเพื่อวิเคราะห์ประเด็นต่าง ๆ เช่น การค้าภาคบริการ การค้าชายแดน การพัฒนาที่ยั่งยืน จัดทำเอกสารรายงานผลการวิเคราะห์ด้านการค้าและการพัฒนา และจัดงานแถลงข่าวเพื่อเผยแพร่สรุปเล่มผลการศึกษาวิเคราะห์แนวโน้มด้านการค้าและการพัฒนา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15 | การปรับแนวทางประเมินส่วนราชการและองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) | นร12 | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับแนวทางประเมินส่วนราชการและองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ (COVID-19) และให้สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนดวิธีปฏิบัติเพื่อแจ้งให้ส่วนราชการและองค์การมหาชนปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการปรับแนวทางประเมินดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงการดำเนินการตามมาตรการด้านงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ รวมถึงระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขเป้าหมายหรือตัวชี้วัดที่กำหนดอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ หรือประกอบในการจัดทำและบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบแนวทางการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของสำนักงาน ก.พ. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การปฏิบัติราชการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในบทบาทต่าง ๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ส่วนราชการเกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน และเพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเกิดความยืดหยุ่น สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยการสนับสนุนของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการปฏิบัติงานที่เหมาะสมตามความพร้อมของแต่ละส่วนราชการ และให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณากำหนดแนวทางการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหรือกำหนดวิธีปฏิบัติราชการแบบยืดหยุ่นกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้ตามความเหมาะสมในแต่ละกรณีต่อไป โดยให้คำนึงถึงคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบหรือเกิดผลเสียหายต่อประสิทธิภาพประสิทธิผลในการบริหารราชการและการบริการประชาชน ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16 | แนวทางการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร10 | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับแนวทางประเมินส่วนราชการและองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ (COVID-19) และให้สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนดวิธีปฏิบัติเพื่อแจ้งให้ส่วนราชการและองค์การมหาชนปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการปรับแนวทางประเมินดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงการดำเนินการตามมาตรการด้านงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ รวมถึงระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขเป้าหมายหรือตัวชี้วัดที่กำหนดอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ หรือประกอบในการจัดทำและบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบแนวทางการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของสำนักงาน ก.พ. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การปฏิบัติราชการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในบทบาทต่าง ๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ส่วนราชการเกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน และเพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเกิดความยืดหยุ่น สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยการสนับสนุนของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการปฏิบัติงานที่เหมาะสมตามความพร้อมของแต่ละส่วนราชการ และให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณากำหนดแนวทางการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหรือกำหนดวิธีปฏิบัติราชการแบบยืดหยุ่นกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้ตามความเหมาะสมในแต่ละกรณีต่อไป โดยให้คำนึงถึงคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบหรือเกิดผลเสียหายต่อประสิทธิภาพประสิทธิผลในการบริหารราชการและการบริการประชาชน ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 10/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ขององค์กร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ) | กค | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่เกิดจากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตในประเทศตามโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจที่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | ทส | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและหน้าที่และอำนาจขององค์การสวนสัตว์ที่ได้มีการพัฒนาขยายขอบเขตงานเพิ่มขึ้น โดยให้ถ่ายโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ 1/2562 | สพร. | 24/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เสนอมติการประชุมคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้รับทราบและพิจารณาในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ประกอบด้วย (๑) เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ และมาตรการต่าง ๆ ในโครงการนำร่องศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จของภาครัฐ (One-Stop Service) และ (๒) เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ หลักการและสาระสำคัญของพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ และรายงานการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมา และสั่งการหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ โดยระยะแรกมุ่งเน้นให้หน่วยงานระดับกระทรวง และการดำเนินการจัดทำธรรมาภิบาลข้อมูลภายในหน่วยงานให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ ภายใต้เป้าหมายการขับเคลื่อนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ๑.๒ ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการระยะสั้นและระยะยาวของโครงการนำร่องศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จของภาครัฐ (One-Stop Service) ตามมติที่ประชุมฯ ๒. ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น กำหนดระยะเวลาและตัวชี้วัดของการดำเนินการต่าง ๆ ให้ชัดเจน และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปฏิบัติการธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐทั้งระบบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|