ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 4 จากข้อมูลทั้งหมด 4 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 10/2564 | นร.11 | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
และโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชยและเสี่ยงภัย
สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน
และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน และมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ
ดำเนินการ
พร้อมทั้งอนุมัติให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพปรับปรุงรายละเอียดโครงการค่าตอบแทน
เยียวยา ชดเชยและเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน (ระยะที่ ๒)
และกรมการพัฒนาชุมชน ปรับปรุงรายละเอียดโครงการโอทอปไทย สู้ภัยโควิด-๑๙
อนุมัติให้จังหวัดอุดรธานียุติการดำเนินโครงการอบรมนวดไทยเพื่อสุขภาพ ๑๕๐ ชั่วโมง
เพื่อฟื้นฟูภายหลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เห็นชอบคู่มือการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากภายใต้กลุ่มแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น
: ระดับพื้นที่
รวมทั้งรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีศึกษาการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดการเงิน
เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ตลอดจนเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีศึกษาการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดการเงิน
เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ และคู่มือการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ภายใต้กลุ่มแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น
: ระดับพื้นที่
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือดังกล่าว
รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางราชการอย่างเคร่งครัด ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2 | การเลือกรับทรัพย์สินหรือสิ่งติดตั้งที่ผู้รับสัมปทานจะส่งมอบให้รัฐบาลไทยเมื่อสิ้นอายุสัมปทาน | พน. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานชี้แจงเพิ่มเติมว่า
เรื่องที่กระทรวงพลังงานเสนอในครั้งนี้ถือเป็นแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
วัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการสำรวจ ผลิต เก็บรักษา
หรือขนส่งปิโตรเลียมเมื่อสิ้นสุดสัมปทานปิโตรเลียมในอนาคตด้วย
โดยผู้รับสัมปทานได้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ครบถ้วน
และไม่มีข้อโต้แย้งที่อาจนำไปสู่การฟ้องร้องในอนาคตได้อีก
และรับทราบตามที่อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติชี้แจงว่า กระทรวงพลังงาน
(กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ) ได้พิจารณากลั่นกรองการเลือกรับรายการทรัพย์สินหรือสิ่งติดตั้งของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่
๑/๒๕๒๖/๒๓ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข NC
ที่ผู้รับสัมปทานต้องส่งมอบให้แก่รัฐบาลไทยเมื่อสัมปทานสิ้นอายุตามข้อกำหนดในสัญญาสัมปทานและกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยแล้ว
ทั้งนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้มีหนังสือแจ้งผู้รับสัมปทานเพื่อประสานงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนเมษายน
๒๕๖๒
โดยเรื่องดังกล่าวยังมีประเด็นเกี่ยวกับการตรวจสอบเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดินและการขอถือครองกรรมสิทธิ์ตามมาตรา
๖๕ แห่งพระราชบัญญัติการปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ ด้วย ดังนั้น
การดำเนินการของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติดังกล่าว จึงเป็นไปตามข้อ ๒๒
ของกฎกระทรวงกำหนดแผนงาน ประมาณการค่าใช้จ่าย
และหลักประกันในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๕๙
ที่กำหนดให้แจ้งผู้รับสัมปทานทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสองปีก่อนเริ่มกิจกรรมการรื้อถอน
หรือก่อนสิ้นสุดระยะเวลาผลิตปิโตรเลียม หรือระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมที่ได้รับการต่อ
แล้วแต่กรณีใดเกิดขึ้นก่อน ว่ามีสิ่งติดตั้งใดที่รัฐจะรับมอบ
และให้ผู้รับสัมปทานส่งมอบสิ่งติดตั้งดังกล่าวให้แก่รัฐ
โดยไม่คิดมูลค่าภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้ทำข้อตกลงระหว่างหน่วยงานของรัฐผู้รับมอบกับผู้รับสัมปทาน
แล้ว ๒.
รับทราบรายงานผลการทบทวนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสัมปทานก๊าซธรรมชาติ
และเห็นชอบรายการทรัพย์สินหรือสิ่งติดตั้งของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๖/๒๓
แปลงสำรวจบนบกหมายเลข NC
ที่ผู้รับสัมปทานต้องส่งมอบให้แก่รัฐบาลไทยเมื่อสัมปทานสิ้นอายุ
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะเป็นคู่สัญญาสัมปทานปิโตรเลียมเป็นผู้ให้ความเห็นชอบรายการทรัพย์สินหรือสิ่งติดตั้งแทนคณะรัฐมนตรีของสัมปทานปิโตรเลียมที่จะสิ้นสุดในอนาคตได้ตามที่สมควร
และให้สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการทรัพย์สินหรือสิ่งติดตั้งแทนคณะรัฐมนตรีสำหรับการดำเนินการตามสัมปทานปิโตรเลียมนี้
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ)
ดำเนินการตามกฎกระทรวงกำหนดแผนงาน ประมาณการค่าใช้จ่าย
และหลักประกันในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๕๙ และข้อตกลงการส่งมอบสิ่งติดตั้งของสัมปทานปิโตรเลียม
เลขที่ ๑/๒๕๒๖/๒๓ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข NC อย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรเร่งทบทวนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวกับสัมปทานก๊าซธรรมชาติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการด้านสัมปทานก๊าซธรรมชาติที่มีความชัดเจน โปร่งใส
และเป็นธรรม ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓
และเร่งหารือกับผู้รับสัมปทานรายเดิมในการรื้อถอนทรัพย์สินหรือสิ่งติดตั้งที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 2/2563 และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 2 ฉบับ | นร.11 | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี
(นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) เป็นประธาน มีผลการประชุมที่สำคัญ เช่น รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติการประชุม
กบส. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เกี่ยวกับการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ซึ่งเป็นไปตามข้อ ๕ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่กำหนดให้ กบส. กำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์และแผนแม่บท
และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ
กบส. และรายงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำเสนอ กบส.
ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่ กบส. เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า
การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบ
อำนาจและหน้าที่ของ กบส. ให้ครอบคลุมถึงการกำกับดูแลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ณ จุดเดียว และเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐมีอำนาจในการออกระเบียบ ประกาศ
หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาต/ใบรับรองในการนำเข้าส่งออกสินค้า รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อมูลรายการสินค้าที่เป็นเหตุให้ต้องมีการแก้ไขปรับปรุงระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายและกำกับดูแลระบบ National
Single Window (NSW) ตามที่ กบส. เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ร่างข้อ ๓ และร่างข้อ ๕ ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารฯ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะบทนิยาม “สำนักงาน”
และเพิ่มอำนาจหน้าที่ของ กบส. รูปแบบของการแก้ไขเพิ่มเติม
จึงอาจใช้วิธีการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะบทนิยามคำดังกล่าว และเพิ่มอำนาจหน้าที่ของ
กบส. โดยไม่จำเป็นต้องยกเลิกทั้งข้อ
และการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายและกำกับดูแลระบบ
National Single Window (NSW) ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลฯ อาจเป็นการเพิ่มขั้นตอน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้ กบส.
รายงานผลการดำเนินการตามมติ กบส. ในเรื่องนี้ต่อคณะรัฐมนตรีภายในหนึ่งเดือน
และรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
เพื่อให้การพัฒนาระบบการนำเข้า การส่งออก การนำผ่านและโลจิสติกส์ของประเทศไทยมีประสิทธิภาพ
เป็นไปตามมาตรฐาน มีความเป็นเอกภาพและสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ
และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑.
การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ปัจจุบัน อปท. ทุกแห่งได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ ครบเรียบร้อยแล้ว
และมีการบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Report)
ของกรมการปกครองแล้ว ๔๕๔,๘๓๒ คน และมีการฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ
ใน ๒๔ จังหวัด มีผู้ผ่านการอบรม ๒๒๕,๐๔๒ คน ๒.
การจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในโอกาสวันสำคัญของชาติไทยเพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี
และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เช่น กิจกรรม “ปณิธานความดี ทำดีเริ่มได้ที่ใจเรา”
กิจกรรมจิตอาสาพัฒนาโรงพยาบาล สถานพยาบาล ภายในจังหวัด และกิจกรรมพัฒนาภูมิทัศน์
ทำความสะอาดลำน้ำ คู คลอง และชุมชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ คู คลอง เป็นต้น ๓. การจัดนิทรรศการ “ความสุขที่พ่อให้”
และนิทรรศการ “ความดีที่แบ่งปัน” โดยรัฐบาลได้จัดกิจกรรม “วันพ่อแห่งชาติ” ระหว่างวันที่
๑-๖ ธันวาคม ๒๕๖๓
เพื่อเป็นการรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อสืบสานพระราชปณิธาณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ๔.
การฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา ๙๐๔ “หลักสูตรหลักประจำ” รุ่นที่ ๕/๖๓ “เป็นเป้า เป็น
แม่พิมพ์” ระหว่างวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน-๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้สำเร็จการฝึกอบรมสามารถเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนจิตอาสาในการสร้างอุดมการณ์
สร้างจิตสำนึกและระเบียบวินัย ๕. ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา
ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ มีจิตอาสาลงทะเบียน ๖,๗๓๙,๗๙๖ คน และจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา
๕๓,๖๙๕ ครั้ง และกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ ๗๐๓ ครั้ง
|