คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการงบดุล งบกำไรขาดทุน และผลการดำเนินงานประจำปี 
2542 (1 มกราคม 2542 - 31 ธันวาคม 2542) ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.)  สรุปได้ 
ว่า  ในช่วงปี 2542 ที่ผ่านมาการขยายสินเชื่อของสถาบันการเงินไม่เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ทำให้สถาบัน 
การเงินต่าง ๆ  ชะลอการขายสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพดี และเป็นสินเชื่อที่ก่อให้เกิดรายได้ให้แก่  บตท. 
ประกอบกับสถาบันการเงินยังต้องการรายได้จากการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย   ซึ่งส่งผลให้การดำเนินการ  
จัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ของ บตท. เป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยสามารถจัด  
ซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยเดิมที่สถาบันการเงินได้ปล่อยไปแล้ว จำนวน 2 ราย  นอกจากนี้ บตท. ได้ปรับเปลี่ยน 
กลยุทธ์การจัดซื้อสินเชื่อจากการซื้อสินเชื่อเก่าที่สถาบันการเงินได้ปล่อยไปนานแล้ว  และมีอายุเกิน  2  ปี 
ขึ้นไป มาเป็นจัดซื้อสินเชื่อใหม่ที่สถาบันการเงินเพิ่งจะทำการปล่อยกู้ใหม่    และได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์  
เงื่อนไขในการจัดซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ รวมถึงพิจารณาจัดหาแหล่งสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่จะซื้อเพิ่มเติม พร้อมทั้ง  
ได้สอบทุนคุณภาพของสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่จะจัดซื้อเรียบร้อยแล้ว     คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อ  
ขายและผู้ขายทำการส่งมอบสินเชื่อให้แก่  บตท.  โดยจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี  2543   ส่วนในเดือน  
สิงหาคม 2542 บตท.  ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อเคหะร่วมใจกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อจัด  
ซื้อที่อยู่อาศัยโดยออกพันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันในวงเงิน 4,000 ล้านบาท  เพื่อจัดหาแหล่ง    
เงินทุนระยะยาวต้นทุนต่ำให้แก่สถาบันการเงิน เพื่อใช้ในการปล่อยกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านใหม่ของประชาชน   
ซึ่งได้รับความสนใจจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกของสมาคมสถาบันการเงิน  โดยมีการลงนาม  
ในบันทึกข้อตกลงการซื้อขายสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ต่าง ๆ   ที่ได้เข้าร่วมโครงการใน   
เดือนกันยายน 2542  สำหรับผลประกบการของ บตท. ในรอบปี 2542  สิ้นสุด  ณ  วันที่  31  ธันวาคม   
2542   บตท.  มีรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเท่ากับ  64.13  ล้านบาท   มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ  
32.46 ล้านบาท มีสินทรัพย์ร่วมเท่ากับ 1,235.30 ล้านบาท  และมีหนี้สินรวมเท่ากับ 126.09 ล้านบาท 
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และเสนอให้รัฐสภาทราบต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ นายสิริวัฒน์ พรหมบุรี พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคาร 
สงเคราะห์  เพื่อไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาองค์กรเทียบเท่ากรรมการผู้จัดการ  ตามมติคณะกรรมการ  
ธนาคารอาคารสงเคราะห์  โดยให้มีอัตราเงินเดือนขั้นต่ำ-ขั้นสูงเท่าเดิม  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  โดยให้มี 
ผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติให้  นายกิตติ  พัฒนพงศ์พิบูล  พ้นจากตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการธนาคาร 
อาคารสงเคราะห์ และอนุมัติให้แต่งตั้ง นายสมใจนึก เองตระกูล เป็นประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ 
และผู้ช่วยศาสตราจารย์อัศวิน พิชญโยธิน  และนายชัยเกษม นิติสิริ  เป็นกรรมการ  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์  และการ
ไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจตามโครงการรัฐวิสาหกิจที่ดีได้รับการประเมินผลโดยคณะ 
กรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ  ตามขั้นตอนของระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ     โดยให้คณะกรรมการ  
ประเมินผล ฯ  เป็นผู้พิจารณาเกณฑ์การประเมินผล  และกำหนดผลตอบแทนให้สอดคล้องกับผลงาน    ทั้งนี้
ตั้งแต่ปี 2543  เป็นต้นไป  และเห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลและการจัดสรรโบนัสของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฯ 
ประจำปี 2542 และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
   

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 632 ร. เรื่อง ขอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ลดอัตรา 
ดอกเบี้ยเงินกู้ลงเหลือร้อยละ  5  ต่อปี  ของนายนิยม วรปัญญา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี  ตามที่  
กระทรวงการคลังเสนอ  และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  (โดยมีสาระสำคัญของคำถาม   สรุปได้ดังนี้ 
รัฐบาลมีนโยบายที่จะตั้งสาขาของธนาคารอาคารสงเคราะห์ขึ้นที่อำเภอชัยบาดาล อำเภอวิเชียรบุรี  อำเภอโคก  
สำโรง  รวมทั้งขอให้ธนาคาร ฯ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับชาวชนบทกรณีกู้เงินเพื่อซื้อบ้านและไถ่ถอนหนี้โดย  
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 5 ต่อปี  จะได้หรือไม่  ถ้าไม่ได้เพราะเหตุใด  และปัจจุบันธนาคาร ฯ ให้กู้ยืมเงินไป   
ทั้งสิ้นเป็นจำนวนเท่าใด   แบ่งเป็นประเภทบุคคลและประเภทนิติบุคคลเท่าใด   รวมถึงหนี้ที่คาดว่าจะเก็บไม่ได้มี
จำนวนเท่าใด คิดเป็นร้อยละเท่าใด และคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือชาวชนบทอีกเท่าใด)

                 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้กระทรวงการคลังเพิ่มทุนแก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ 
การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,000 ล้านบาท  โดยใช้เงินที่ได้จากการขายหุ้นสามัญธนาคารรัตนสิน (1998) จำกัด  
(มหาชน)  จากบัญชีเงินฝากเพื่อการซื้อหุ้น    รวมทั้งการแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2542  ในเรื่อง 
มาตรการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จากเดิม "ให้กระทรวงการคลังจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้าง  
ทางเศรษฐกิจ  (SAL)  ในวงเงิน  4,000  ล้านบาท   เพื่อเพิ่มทุนงวดแรกให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาด 
ย่อม" แก้ไขเป็น "ให้กระทรวงการคลังจัดสรรเงินจากการขายหุ้นสามัญธนาคารรัตนสิน (1998) จำกัด (มหาชน) ใน
บัญชีเงินฝากเพื่อการซื้อหุ้นวงเงิน 4,000 ล้านบาท  เพื่อเพิ่มทุนงวดแรกให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาด 
ย่อม" และให้กระทรวงการคลังจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (SAL) ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท
เพื่อเพิ่มทุนให้แก่ธนาคารอาคารสงเคราะห์แทน และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง  ฉบับที่ ..  (พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496 (แก้ไขกำหนดระยะเวลาการให้เช่าแฟลตหรืออพาร์ทเม้นท์ที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ 
ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ให้สามารถทำได้ไม่เกิน  3  ปี   และต่ออายุสัญญาเช่าได้ครั้งละไม่เกิน  1  ปี  จนกว่าจะ 
ขายหรือจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์นั้นได้) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา  
ตรวจพิจารณา   โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำของคำว่า "แฟลต" และ  
"อพาร์ทเม้นท์"  ในร่างกฎกระทรวง ฯ    หากกำหนดความหมายให้ชัดเจนก็จะเป็นประโยชน์ในการใช้บังคับกฎหมาย 
และป้องกันความเข้าใจที่ไม่สอดคล้องกันของผู้ปฏิบัติได้      และหากจะกำหนดไว้ล่วงหน้าถึงอาคารประเภทอื่น   เช่น 
อาคารชุด หรือคอนโดนิเนียมด้วยก็น่าจะแก้ไขให้ครอบคลุมในคราวเดียว) ไปประกอบการพิจารณา   แล้วดำเนินการ
ต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ  คือ  รับทราบรายงาน 
การดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้มีปัญหาในการชำระหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตามที่กระทรวง  
การคลัง โดย ธอส. เสนอ  (สรุปได้ว่า  ธอส.  จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงหลักเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่   
ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และมีแผนงานมาตรการผ่อนปรนเพื่อช่วยเหลือ  
กลุ่มลูกหนี้ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงิน อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์   
และความสามารถในการชำระหนี้ เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  (NPL)  ต่อสถาบันการเงิน  และ  ธอส.  รวม   
12  แนวทาง   โดยจัดทำเป็นคู่มือการขอผ่อนปรนและการประนอมหนี้ให้ลูกหนี้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมและความ  
รุนแรงของปัญหา ซึ่งผลการดำเนินงานจนถึง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 มีลูกหนี้มาทำข้อตกลงผ่อนผันการชำระ  
หนี้รวม 130,473 ราย คิดเป็นยอดหนี้รวม 45,898 ล้านบาท  นอกจากนี้  คณะทำงานร่างนโยบายปรับปรุงโครง   
สร้างหนี้ของ  ธอส.  ได้จัดทำรายงานนโยบายและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้  โดยรวบรวมมาตร 
การผ่อนผันและประนอมหนี้ที่ถือปฏิบัติอยู่ในปัจจุบันเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
รวมทั้งจัดตั้งคณะทำงานเร่งรัดและประนอมหนี้เพื่อติดตามเร่งรัดหนี้ให้มีผลในทางปฏิบัติยิ่งขึ้น)

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ เกี่ยวกับการรายงาน  
ความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทข้อมูลเครดิต ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ (สรุปได้ว่า 
กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจัดตั้งศูนย์ข้อมูลด้านการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน  
โดยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดตั้ง  ศึกษาข้อกฎหมาย  และตราพระราช     
กฤษฎีกา พร้อมทั้งออกกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการประกอบการ   และธนาคารแห่งประเทศ  
ไทย (ธปท.) มีนโยบายที่จะเปิดให้มี Credit Bureau หลาย ๆ แห่ง   และการแยกเฉพาะ Housing Long ของสถาบัน   
การเงินของรัฐมาจัดตั้งก่อนโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการให้สินเชื่อโดยรวม    นอกจากนี้   ธนาคารอาคารสง  
เคราะห์เสนอขออนุมัติร่วมจัดตั้งบริษัทข้อมูลเครดิตร่วมกับบริษัท PCC  ซึ่งคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์
 มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอดังกล่าว โดยให้บริษัทที่จะจัดตั้งนี้ ใช้ชื่อ "บริษัทข้อมูลเครดิตไทย จำกัด" สำหรับร่างพระ
ราชกฤษฎีกา และร่างกฎกระทรวง นั้น  สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระ
ทรวงที่แก้ไขแล้วให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการโดยไม่ต้องนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้
เสนอนายกรัฐมนตรีลงนามและนำทูลเกล้า ฯ ให้ทรงลงพระปรมาภิไธย     รวมทั้งได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. .... ของ ธปท. แล้ว โดยรอนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในสมัยประชุมนี้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ คือ รับทราบรายงาน 
การปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)   
รายงาน  (เกี่ยวกับความคืบหน้าในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินและลูกหนี้กลุ่มเป้าหมาย  และ 
ความคืบหน้าในการดำเนินการตามสัญญาระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ สัญญาระหว่างเจ้าหนี้และบันทึกข้อตกลงใน 
การปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยได้มีการลงนามในสัญญาของสถาบันการเงินเจ้าหนี้)และตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงการคลัง (นายพิสิฐ ลี้อาธรรม) ชี้แจงเพิ่มเติม (เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของธนาคารกรุงไทย 
และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์)  โดยให้  ธปท.  รับ  
ข้อสังเกตของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)  (เกี่ยวกับการให้รายงานสภาพหนี้ 
ที่มีปัญหาโดยรวม   ผลการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่รัฐบาลเข้าแทรกแซง ตามมาตรการ  14
สิงหาคม 2541 สัดส่วนและความสำเร็จของการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ผ่านคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับ
ปรุงโครงสร้างหนี้และที่ดำเนินการผ่านขั้นตอนทางศาล และการเร่งรัดดำเนินการให้ลูกหนี้ขนาดกลางและขนาด
เล็กเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 342 ร. เรื่อง ปัญหาการเบิกค่าเช่าบ้านของข้าราชการ  
ของนายเปรมศักดิ์  เพียยุระ   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น   ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ   และให้ 
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป (โดยมีสาระสำคัญของคำถาม   สรุปได้ดังนี้   รัฐบาลมีมาตรการที่จะทบทวน 
การเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้าน ตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ  (ฉบับที่ 6)  พ.ศ. 2541  เพื่อช่วยเหลือ 
ข้าราชการชั้นผู้น้อยหรือไม่ นอกจากนี้ จะมีมาตรการที่จะสร้างบ้านพักอาศัยให้กับข้าราชการเช่นเดียวกับข้าราช
การตำรวจและข้าราชการทหาร   รวมทั้งการให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์  ธนาคารออมสินบริการด้านสินเชื่อที่ 
อยู่อาศัยโดยคิดในอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือไม่ อย่างไร)

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การบริหารสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ 
พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ 
ต่อไปได้   และให้องค์การบริหารสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (อบส.) คืนเงินสมทบให้แก่สถาบันการเงินที่ขอเข้าร่วม 
โครงการ และไม่ได้รับการพิจารณารับซื้อโครงการ จำนวน 32 ราย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เนื่องจากสถาบัน
การเงินที่จะเข้าร่วมโครงการกับ อบส. จะต้องจ่ายเงินสมทบรายละ 1 ล้านบาท ปรากฎว่า  สถาบันการเงินขอ
เข้าร่วมโครงการและจ่ายเงินสมทบแล้ว 35 ราย  และ อบส. ได้อนุมัติรับซื้อโครงการมาเพียง 3 ราย และได้ยุติการ
รับซื้อโครงการแล้ว  รวมทั้งให้โอนภาระผูกพันจากการดำเนินการของ อบส. ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) 
สำหรับพนักงานให้โอนไปทำงานที่ ธอส. โดยได้รับผลตอบแทนตามที่ ธอส. กำหนด และไม่ให้ได้รับเงินชดเชย    
ส่วนพนักงานที่ไม่ไปทำงานที่ ธอส. ให้ได้รับเงินชดเชยตามพระราชบัญญัติพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2534 

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งให้ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ที่ปรึกษากฎหมาย กระทรวงการคลัง 
เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ แทน นายกมล  จันทิมา  ซึ่งพ้นจากหน้าที่  
ราชการเพราะเหตุเกษียณอายุ  ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2542 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิ่มทุนของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... (เพิ่มทุนของธนาคารอาคารสงเคราะห์จากที่กำหนดไว้เดิม 10,000 ล้านบาท เพิ่มอีก  20,000  ล้านบาท  
รวมเป็น 30,000 ล้านบาท  เพื่อความมั่นคงและเพื่อขยายขอบเขตการดำเนินงานของธนาคาร ฯ) ตามที่กระทรวง
การคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคาร 
อาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ซื้อขาย รับโอนหรือจำหน่ายสินทรัพย์ 
ประเภทสินเชื่อที่อยู่อาศัย  เป็นตัวแทนเรียกเก็บและรับชำระหนี้ประเภทสินเชื่อที่อยู่อาศัย   ดำเนินกิจการเกี่ยวกับ 
การแปลงสินทรัพย์ประเภทสินทรัพย์และสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์    จัดการเกี่ยวงานศูนย์ข้อมูลการให้สิน  
เชื่อที่อยู่อาศัย) และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคาร 
อาคารสงเคราะห์  พ.ศ.  2496   ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้  โดยร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีผลใช้
บังคับแล้ว

          คณะรัฐมนตรีมีมติ
          1. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิสิฐ  ลี้อาธรรม) ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เดิมกระทรวง  
การคลังได้ขอถอนร่างพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ......   จากการพิจารณาของสภาผู้   
แทนราษฎร เพราะต้องการรอผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ....  ของคณะกรรมาธิการก่อน 
หากพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว  อาจไม่จำเป็นต้องเสนอพระราชบัญญัติธนาคาร 
อาคารสงเคราะห์ต่อจากสภาอีก         แต่เนื่องจากขณะนี้ได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ 
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เสนอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอีก ดังนั้น กระทรวง  
การคลังจึงเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา      และจะติดตามผลการพิจารณาร่างพระราช 
บัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
          2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง 
เสนอ   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน 
ราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ คือ รับทราบรายงาน 
ความคืบหน้าการปล่อยสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 5 แห่ง   
ได้แก่ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม  (บอย.)   บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  (IFCT)  
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)  และธนาคาร 
เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิสิฐ  ลี้อา
ธรรม) บอย. IFCT ธอส. ธสน. และ ธ.ก.ส. เสนอ   โดยให้กระทรวงการคลังรับข้อเสนอของรองนายกรัฐมนตรี
(นายศุภชัย  พานิชภักดิ์)  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการให้ ธสน. จำแนกรายประเภทของ  
กิจการและสินค้าในการรายงานความคืบหน้าการปล่อยสินเชื่อ ฯ   และข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง 
เกษตรและสหกรณ์ที่ให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์มาตรการแก้ไขปัญหา
การขาดสภาพคล่องไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ  คือ  รับทราบรายงาน
ผลการแก้ไขปัญหาการปล่อยสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจของสถาบันการเงินของรัฐ ครั้งที่ 2
ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิสิฐ ลี้อาธรรม)  กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออก 
และนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)  และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาด  
ย่อม (อบย.) รายงาน โดยสรุปเกี่ยวกับการเงินสินเชื่อที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งได้รับและจำนวนที่ได้ปล่อยกู้ 
ออกไปแล้ว

          1. อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กู้เงินโดยการออกพันธบัตร หรือตราเอกสารการเงินอื่น    
หรือกู้ยืมเงิน จำนวน 20,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเพื่อเตรียมไว้รองรับการให้สิน   
เชื่อตามเป้าหมายการดำเนินงานปี 2541     และหากวงเงินที่ได้รับอนุมัติดังกล่าวใช้ไม่หมดในปี 2541 
ให้สามารถผูกพันใช้ได้ในปีต่อไป
          2. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ   ของ 
การกู้เงินดังกล่าวได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
          ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ