ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 3 จากข้อมูลทั้งหมด 3 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | คปร. | 02/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมปศุสัตว์และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร) รวมทั้งสิ้น ๗๒ อัตรา ได้แก่ กรมปศุสัตว์
จำนวน ๓๐ อัตรา และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน ๔๒ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงาน ก.พ.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้ส่วนราชการดังกล่าวดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมปศุสัตว์และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร) รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้กรมปศุสัตว์กำหนดตัวชี้วัดติดตามและประเมินผลประสิทธิภาพการตรวจวิเคราะห์คุณภาพสินค้าปศุสัตว์ทางห้องปฏิบัติการ
และให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรบูรณาการความร่วมมือด้านการปฏิบัติการฝนหลวงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งเห็นควรให้กรมปศุสัตว์พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ในการปฏิบัติงานด้านการควบคุม
กำกับ ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์เพื่อการส่งออก
และให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรกำหนดตัวชี้วัดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการปฏิบัติการฝนหลวงที่สามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่หรือมีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2 | การดำเนินงานโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค (โครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น) | ศธ. | 02/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ
โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนงบประมาณรายจ่าย หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณหรือเงินอื่นใดที่มีอยู่หรือนำมาใช้จ่ายได้ตามขั้นตอนต่อไป
เพื่อชำระค่าใช้จ่ายในการวางระบบการศึกษาตามแนวทางโคเซ็นในประเทศไทย ของสถาบันโคเซ็นแห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังคืนให้กับสถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติญี่ปุ่น
(NIT)
ประเทศญี่ปุ่น จำนวน ๒๔.๕๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. เห็นชอบในหลักการให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ ร่วมกับ สพฐ.
และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ รายจ่ายประจำปีเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษา
และรายจ่ายลงทุน
ของสถาบันโคเซ็นแห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
และสถาบันโคเซ็นแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเป็นหน่วยรับงบประมาณ และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามขั้นตอนต่อไป ยกเว้นกรณีรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๓ มีนาคม ๒๕๖๓ อนุมัติให้ สพฐ. ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไว้แล้ว เห็นควรให้
สพฐ. เป็นหน่วยรับงบประมาณต่อไปจนแล้วเสร็จ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ในส่วนของการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล
และภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยกรณีการขอยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
หากครูชาวญี่ปุ่นเข้ามาสอนในประเทศโดยมีระยะเวลาไม่เกิน ๒ ปี จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในประเทศไทย
ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน
เช่นเดียวกันกับหลักเกณฑ์การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับครูชาวต่างชาติอื่นซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศที่มีอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทย
กรณีการขอยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล NIT ประเทศญี่ปุ่น ไม่เข้าลักษณะกิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางค้าหรือหากำไรโดยรัฐบาลต่างประเทศ
องค์การของรัฐบาลต่างประเทศ และไม่อยู่ในความหมายของ
“บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล” ตามมาตรา ๓๙ แห่งประมวลรัษฎากร
จึงไม่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และกรณีการขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม สพฐ.
ในฐานะผู้จ่ายเงินค่าบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ NIT ประเทศญี่ปุ่น มีหน้าที่ต้องเสีย ตามมาตรา ๘๓/๖ แห่งประมวลรัษฎากร ๔.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กรณีมีการปรับปรุงเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการโครงการฯ
ควรเป็นไปตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ที่กำหนดไว้
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมควรเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างส่วนราชการ
พัฒนากลไกการประเมินผล ขีดความสามารถในการจัดการเรียนการสอน
และการบูรณาการการเรียนการสอนเข้ากับการวิจัยกับภาคอุตสาหกรรม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3 | ขออนุมัติจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพในโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ | กษ. | 02/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้มีการจ่ายเงินชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรับรองรายชื่อจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพในโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แล้ว
จำนวน ๑๑๘ ราย เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น ๓๔.๓๔ ล้านบาท (รายละ ๑๗๐,๐๐๐-๗๗๐,๐๐๐ บาท
หรือเฉลี่ยรายละ ๒๙๑,๐๑๓.๑๐ บาท) รวมทั้งอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงิน
โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีเป็นประธานกรรมการ
โดยให้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาและควบคุมการโอนจ่ายเงินชดเชยพิเศษฯ
ให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยพิเศษฯ
ที่ผ่านการรับรองของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ สำหรับการจ่ายเงินเห็นสมควรให้จ่ายโดยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร
(จ่ายตรง) ตามบัญชีรายชื่อบุคคลผู้มีสิทธิหรือทายาทของบุคคลดังกล่าว
โดยถือความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงินเป็นหลักฐานการจ่ายเงิน
และให้ระบุในหลักฐานการรับเงินด้วยว่า “ข้าพเจ้ายินยอมรับเงินชดเชยพิเศษฯ
ในครั้งนี้ และจะไม่เรียกร้องหรือขอรับความช่วยเหลือใด ๆ
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จากทางราชการอีก” ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากกรมชลประทานมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการจ่ายเงินชดเชยพิเศษฯ
เห็นสมควรให้ใช้จ่ายจากการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
แล้วแต่กรณี โดยการจ่ายเงินจะต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส ไม่ซ้ำซ้อน
โดยสอดคล้องกับข้อเท็จจริงและประโยชน์ที่ภาครัฐและประชาชนจะได้รับอย่างรอบคอบ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และควรเร่งรัดกระบวนการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยให้ราษฎรให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งกลุ่มราษฎรที่อยู่ระหว่างการรอพิจารณาตรวจสอบสิทธิจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ
และกลุ่มราษฎรที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ยังไม่พิจารณาสิทธิ
รวมทั้งควรติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลโครงการชลประทานที่ได้ดำเนินการแล้วแต่ยังจ่ายค่าชดเชยให้แก่ราษฎรไม่แล้วเสร็จ
ว่ามีปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไขอย่างไร นอกจากนี้
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่จะดำเนินการต่อไป หน่วยงานควรกำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์
และแนวทางการดำเนินงานของกระบวนการจัดหาที่ดินให้ชัดเจนและครอบคลุม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง
ขออนุมัติงบประมาณจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์)
ที่กำหนดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดกระบวนการพิจารณาการจ่ายค่าชดเชยสำหรับราษฎรส่วนที่เหลือจากที่เสนอในครั้งนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายมีการทุจริตและมีการเลือกปฏิบัติจนเป็นเหตุให้ราษฎรไม่ได้รับเงินค่าชดเชยที่ดินหรือรับเงินค่าชดเชยพิเศษไม่ตรงกับความเป็นจริง
แล้วให้รายงานผลการตรวจสอบต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วน |