ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 6100 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 121990 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
141 | ขอความเห็นชอบการต่อสัญญาจ้างผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ) | พม. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่อสัญญาจ้างของ นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ
เป็นผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติต่อไปอีกวาระหนึ่ง
โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท ตลอดอายุสัญญาจ้าง
รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปีและสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับตามมติคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ
ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๗
เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๗ ซึ่งกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบแล้ว
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
และไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
142 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นางทิพาภรณ์ ศรีพลลา) | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางทิพาภรณ์ ศรีพลลา
(ผู้แทนสหกรณ์การเกษตรผู้ถือหุ้น) เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
143 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศประจำประเทศไทย (นายฟัยยาซ มูรชิด กาซี) | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฟัยยาซ มูรชิด กาซี (Mr. Faiyaz Murshid Kazi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายมุฮัมมัด อับดุล ฮัย (Mr.
Mohammed Abdul Hye) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
144 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน
แผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๓
และกำหนดมาตรฐานผลิตณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนขึ้นใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามมาตรฐานอ้างอิงที่มีการปรับปรุงใหม่
และเพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีการทำและการใช้งานภายในประเทศอย่างทั่วถึง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
145 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่
มอก. ๓๐๑๗ - ๒๕๖๓ โดยเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดังกล่าว
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีและเป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล
รวมทั้งให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละออง”
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
146 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม
๕๕% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม
๕๕% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
โดยเป็นการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบังคับขึ้นใหม่เพื่อรองรับการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น
สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีการทำ และการใช้งานภายในประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
147 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 | มท. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนันพุทธศักราช ๒๔๗๘
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเวลาในการแข่งขันวัวลาน จากเวลา ๐๗.๐๐ นาฬิกา ถึง ๑๙.๐๐
นาฬิกา เป็น เวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา ถึง ๐๖.๐๐ นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น
ซึ่งการพิจารณาปรับเวลาดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเลี้ยงวัวลานและอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
และภาครัฐจะสามารถเข้าไปดูแลจัดการให้การเล่นเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
148 | ร่างระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.07 | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยกำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงบบประมาณอาจยกเว้นการปฏิบัติตามหรือดำเนินการที่แตกต่างไปจากระเบียบนี้เป็นรายกรณีก็ได้
ในกรณีที่มีความจำเป็นและไม่เกิดผลเสียหายต่อการบริหารงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานบูรณาการหรือแผนงานบุคลากรภาครัฐ
และเมื่อได้ดำเนินการแล้ว ให้รายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
149 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา สาธารณรัฐอินเดีย | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ - พ.ศ. ๒๕๗๐ วงเงินทั้งสิ้น ๑๗,๖๔๑,๐๐๐ บาท
หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมให้ครบวงเงินตามสัญญาต่อไป
ตามความความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรติดตามผลการดำเนินงานของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา
เพื่อนำมาวิเคราะห์และรวบรวมรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
150 | ร่างกฎกระทรวงการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. .... | สธ. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข รวมทั้งอัตราค่าธรรมเนียมการนำผ่านวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
151 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม | กห. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๖๗๐,๐๕๘,๔๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างอาคารที่พักอาศัย ครอบครัวนายทหารชั้นประทวน
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกผู้มีสิทธิได้รับอาคารที่พักอาศัยดังกล่าวอย่างเหมาะสม
โปร่งใส เป็นธรรม และการดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตกระทรวงกลาโหมอาจพิจารณาจัดหาโครงการก่อสร้างที่พักอาศัยของการเคหะแห่งชาติที่ประสบปัญหาในการจัดจำหน่ายเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในระยะที่ผ่านมา
และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของกำลังพลมากเกินความจำเป็น
ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
152 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน (กรณีระเบียบกระทรวงแรงงานกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม โดยไม่คำนึงถึงหลักการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย) | รง. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน
(กรณีระเบียบกระทรวงแรงงานกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม
โดยไม่คำนึงถึงหลักการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย)
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยมีผลสรุปในภาพรวม ดังนี้ ๑) ให้คงระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๑๖ (๑) เนื่องจากไม่ขัดหลักการสิทธิมนุษยชน และ ๒)
กระทรวงแรงงานได้จัดการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคมแล้วเมื่อวันที่
๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
153 | ข้อเสนอแนะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบนและรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล | ปช. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบนและรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงการคลังสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
154 | พิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2567) | ปสส. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน
- ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ และเอกสารแนบท้าย ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
155 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2567 และแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 31 กรกฎาคม-1 สิงหาคม 2567 | ปสส. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรวันอังคารที่
๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ พิธีสารฉบับที่
๒ เพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
156 | การพิจารณารับรองวัคคาทอลิก ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิค พ.ศ. 2564 | วธ. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรับรองวัดคาทอลิก จำนวน ๕๖
วัด เป็นวัดคาทอลิกตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงศึกษาธิการไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
ครบถ้วนถ้วนต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่ากรณีพื้นที่ที่ตั้งวัดคาทอลิกอยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้จะต้องขออนุญาตและได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก่อนเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการ เห็นว่าควรให้มีรั้วแสดงขอบเขตของวัดคาทอลิกและโรงเรียนในระบบ
ซึ่งสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนออกจากกันอย่างชัดเจน โดยขนาดที่ดินที่เป็นที่ตั้งโรงเรียนที่เหลืออยู่จะต้องเป็นไปตามกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ
ฯ
พร้อมทั้งให้โรงเรียนในระบบดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารจัดตั้งและขอเปลี่ยนแปลงขนาดที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนในระบบต่อผู้อนุญาตที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี หรือดำเนินการอย่างอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนกำหนดต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
157 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตนำยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ซึ่งต้องใช้รักษาโรคเฉพาะตัวติดตัวเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | สธ. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตนำยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ซึ่งต้องใช้รักษาโรคเฉพาะตัวติดตัวเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตนำเข้าหรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๒ และประเภท ๓
หรือวัตถุออกฤทธิ์ประเภท ๒ ประเภท ๓ และประเภท ๔
สำหรับผู้ป่วยหรือสัตว์ป่วยซึ่งเดินทางระหว่างประเทศและมีความจำเป็นต้องใช้ยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทดังกล่าวรักษาโรคเฉพาะตัวติดตัวเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
158 | มาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ คนไทย ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศอย่างน้อย ๒ ปี
และวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อดึงดูดคนไทยที่มีศักยภาพสูงและมีความเชี่ยวชาญในสาขาตามความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยในอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามกฎหมาย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกไประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิผลของมาตรการควรกำหนดคุณสมบัติที่เป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของทั้งลูกจ้างและนายจ้างในต่างประเทศให้มีความเข้มงวดและมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
เช่น
จบการศึกษาหรือมีประสบการณ์ทำงานในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
เป็นต้น
รวมถึงควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติดังกล่าวด้วย
รวมทั้งภาครัฐควรพิจารณาดำเนินมาตรการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจในการยกระดับและปรับปรุงทักษะแรงงานไทยที่มีอยู่ให้มีทักษะสอดคล้องตรงตามความต้องการจ้างงานของอุตสาหกรรมเป้าหมายในรูปแบบอื่น
เช่น การให้เครดิตภาษี (Tax Credit) แก่ผู้ที่เข้ารับการอบรม
และการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเป้าหมายส่งเสริมลูกจ้างให้มีการศึกษาต่อหรือฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะ
เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้แรงงานไทยมีทักษะและความสามารถตรงตามความต้องการของตลาดมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เห็นว่าร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีถ้อยคำในร่างมาตรา ๓ ไม่สอดคล้องกับถ้อยคำตามกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ซึ่งมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบกับประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เรื่อง การกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ลงวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนั้น ควรให้หน่วยงานผู้เสนอมาตรการ
ปรับเนื้อหาในร่างมาตรา ๓ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่าในระยาวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาภาครัฐและภาคเอกชนจำเป็นต้องพิจารณาการจัดสรรค่าตอบแทน
สวัสดิการ และสิ่งจูงใจที่เหมาะสมกับระดับทักษะความรู้ ประสบการณ์การทำงาน
และภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ
เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม
ให้แก่แรงงานไทยที่มีศักยภาพ สำนักงบประมาณ เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวรวมถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
159 | การเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีขององค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา (Asian-African Legal Consultative Organization: AALCO) สมัยที่ 62 | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีขององค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา
(Asian - African Legal Consultative Organization : AALCO) สมัยที่ ๖๒ ของประเทศไทย และเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอำนวยความสะดวกในการรักษาความปลอดภัยสถานที่ประชุมและผู้แทนระดับรัฐมนตรีที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุม
การจัดการจราจรในพื้นที่โดยรอบ
รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราและการเข้าออกเมืองแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย
ประกอบกับการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปี AALCO สมัยที่ ๖๒
ของกระทรวงการต่างประเทศถือเป็นการดำเนินการที่มีผลผูกพันทรัพย์สินหรือก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ
ดังนั้น ในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีของ
AALCO สมัยที่ ๖๒
ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่ได้รับจัดสรรรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวไว้แล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
160 | ขอความเห็นชอบรายละเอียดความร่วมมือ: เพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - ออสเตรเลีย (เซก้า) | พณ. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายละเอียดความร่วมมือ
: เพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย
- ออสเตรเลีย (เซก้า) และมอบหมายกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อนำวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - ออสเตรเลีย
(เซก้า) ดังกล่าว ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยรายละเอียดความร่วมมือฯ เป็นเอกสารที่ระบุสาขาความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันที่จะมีการหารือ/พัฒนา/แลกเปลี่ยนข้อมูล
ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกันในสาขาต่าง ๆ ๘ สาขา ได้แก่ ๑) เกษตรเทคโนโลยี
และระบบอาหารที่ยั่งยืน ๒) การท่องเที่ยว ๓) บริการสุขภาพ ๔) การศึกษา ๕)
การค้าดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล ๖) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ๗) การลงทุนระหว่างกัน และ
๘) พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว และการลดการปล่อยคาร์บอน และวาระการดำเนินงานฯ
เป็นเอกสารที่ระบุกิจกรรมความร่วมมือตามสาขาที่ได้มีการระบุไว้ในรายละเอียดความร่วมมือฯ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่าย เช่น สาขาเกษตร
มีการกำหนดกิจกรรมในการแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับระบบอาหารการเกษตรยั่งยืน ส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะและแลกเปลี่ยนเงื่อนไขด้านการนำเข้า
โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายไทย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
เป็นต้น
สาขาการลงทุนระหว่างกันมีการกำหนดกิจกรรมในการสร้างเครือข่ายภาคธุรกิจด้านการลงทุน
แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการยอมรับทักษะแรงงานระหว่างกัน โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายไทย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารรายละเอียดความร่วมมือ
: เพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - ออสเตรเลีย (เซก้า)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |