ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 5981 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 119611 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
141 | การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย | วธ. | 11/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย
(Memorandum of Understanding on Cultural
Cooperation between the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand and the
Ministry of Culture of the Russian Federation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีเนื้อหาหลักสอดคล้องกับพิธีสารและบันทึกความเข้าใจในด้านวัฒนธรรมที่สิ้นสุดลงแล้ว
โดยมุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างกันทั้งในด้านศิลปะ ภาษา วรรณกรรม
ตลอดจนความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ การสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรม และการส่งเสริมความร่วมมือด้านใหม่
ๆ เช่น ด้านภาพยนตร์ การส่งผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี การละคร และทัศนศิลป์
การผลิตผลงานศิลปะร่วมกันเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ซึ่งกันและกัน
เป็นต้น ตลอดจนการเข้าร่วมงานและกิจกรรมทางวัฒนธรรมของแต่ละฝ่าย
รวมทั้งการจัดงานวัฒนธรรมรัสเซียในประเทศไทย และงานวัฒนธรรมไทยในสหพันธรัฐรัสเซีย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาสาระแอบแฝงและเนื้อหาของกิจกรรมต่าง
ๆ ที่จะเผยแพร่ในไทย เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับประเทศอื่น
ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
142 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. .... | นร.05 | 11/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. .... ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒
ตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อปรับปรุงมาตรการในการควบคุมดูแลเรื่องการเรี่ยไรของทางราชการ
ป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเพื่อให้ความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
โดยตัดผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจากองค์ประกอบของคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไร
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
143 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 10 เมษายน 2566 | นร.04 | 11/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่านายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันจันทร์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น.-๑๒.๐๐ น. ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑ กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
144 | การแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง | นร.05 | 11/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการต่าง
ๆ ดังนี้ ๑.
ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเร่งจัดการประชุมเพื่อเร่งรัด
ติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองในภาพรวมและบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ชัดเจนและเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเร่งดำเนินงานในความรับผิดชอบตามหน้าที่และอำนาจให้บรรลุผลโดยเร็ว
รวมทั้งให้มีการบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้มีเจตนาเผาป่าหรือพื้นที่เพาะปลูกอย่างเคร่งครัด
เพื่อควบคุมการเกิดไฟไหม้และลดจุดความร้อนให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานการดำเนินการร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดสิ้นไปโดยเร็วด้วย ๒.
ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม [สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
(องค์การมหาชน) หรือ GISTDA] กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กรมอุตุนิยมวิทยา) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำข้อมูลการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการดำเนินการของหน่วยงาน ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น ข้อเสนอแนะ
และแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป รวมตลอดถึงข้อมูลเชิงสถิติที่เกี่ยวข้อง เช่น
จำนวนจุดความร้อน พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน
แล้วส่งให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยด่วน เพื่อรวบรวมและบูรณาการข้อมูลในภาพรวม
ก่อนนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก ๓ วัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
145 | การเสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก | วธ. | 11/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑.
เอกสารรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya) ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโกร่วมกับสหพันธรัฐมาเลเซีย
เนการาบรูไน ดารุสซาลาม สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์
โดยเอกสารดังกล่าวมีสาระสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงประเด็นต่าง ๆ เช่น ความสอดคล้องกับลักษณะของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
การขึ้นทะเบียนจะส่งเสริมการเป็นที่รู้จักและตระหนักถึงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
การกำหนดมาตรการสงวนรักษาวัฒนธรรมเคบายาที่ครอบคลุมในทุกมิติและครบวงจร ๒.
ให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอรายการมรดกร่วม เคบายา (Kebaya)
ในฐานะตัวแทนของประเทศไทย
เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก
|
||||||||||||||||||||||||||||||
146 | มาตรการการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางให้สามารถอ้างอิงบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์ของยานพาหนะดัดแปลง : กรณีศึกษารถดัดแปลง | ปช. | 11/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมาตรการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางให้สามารถอ้างอิงบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์ของยานพาหนะดัดแปลง
: กรณีศึกษารถดัดแปลง โดยจากการศึกษาพบว่า
การจัดซื้อจัดจ้างรถดัดแปลงของหน่วยงานรัฐมีปัญหา เช่น การกำหนดลักษณะเฉพาะ TOR
เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท การกำหนดราคากลางที่สูงเกินควร
การเข้าเสนอราคาที่ไม่มีลักษณะการแข่งขัน การจัดซื้อรถดัดแปลงในราคาแพง
และการเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้มีอำนาจอนุมัติให้จัดซื้อ
ควรมีมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อรถดัดแปลง
โดยการจัดทำหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางให้สามารถอ้างอิงบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์
ราคาต้นทุน และผลตอบแทนตามปกติทางการค้าของยานพาหนะดัดแปลง
บูรณาการข้อมูลเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ ตรวจสอบเชิงรุก
เพื่อป้องกันการสมยอมราคาในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
และนำข้อเสนอแนะจากการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญา UN ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓
และข้อเสนอแนะจากคู่มือพิชิตความเสี่ยงต่อการเกิดทุจริตในสัญญาภาครัฐจาก UNDP
เช่น
ประเด็นการขยายระยะเวลาการพิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์มาประกอบการพิจารณาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มความเหมาะสมมากขึ้น
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
147 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (นายชาญเวช บุญประเดิม) | ศธ. | 11/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายชาญเวช บุญประเดิม เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านเกษตรและประมง)
ในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเนื่องจากได้ถึงแก่กรรม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ เมษายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการอาชีวศึกษาให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง
การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ
ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
148 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสมัยที่ 7 (CED 7) ระดับรัฐมนตรี | ทส. | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสมัยที่
๗ (The Seventh Session of the Committee on Environment and Development :
CED 7) ระดับรัฐมนตรี ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร
และผ่านระบบการประชุมทางไกล ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
โดยมีรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ)
เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) การประชุมฯ แบ่งออกเป็น ๒
ระดับ ได้แก่ การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และการประชุมระดับรัฐมนตรี
โดยได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ
เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหามลพิษข้ามแดน
และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจากการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศ นอกจากนี้
มีการจัดเสวนาโต๊ะกลม (Roundtable) เพื่อนำเสนอนโยบายหรือข้อริเริ่ม
รวมถึงประเด็นสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีในประเด็นด้านการอนุรักษ์
ฟื้นฟู และปกป้องมหาสมุทร และ (๒) ที่ประชุมฯ ได้ร่วมกันรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
๒ ฉบับ ได้แก่
ปฏิญญาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการปกป้องโลกของเราผ่านความร่วมมือระดับภูมิภาคและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
และแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคว่าด้วยมลพิษทางอากาศ ทั้งนี้ เอกสารทั้ง ๒ ฉบับ มีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
149 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี–สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2566 | คค. | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๖
ตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๖ เวลา ๐๐.๐๑ น.-๑๘ เมษายน ๒๕๖๖ เวลา ๒๔.๐๐ น.
เพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางของประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
150 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ. 2566 (ครบ 3 ปี 6 เดือน) | ดศ. | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล
พ.ศ. ๒๕๖๖ (ครบ ๓ ปี ๖ เดือน)
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) สรุปผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ได้แก่ ๑)
ประชาชนร้อยละ ๘๗.๖ มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลหรือผลงานของรัฐบาล
โดยส่วนใหญ่ติดตามผ่านช่องทางโทรทัศน์ ๒) ประชาชนร้อยละ ๔๑.๑
มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด ต่อการบริหารงานของรัฐบาล
๓) โครงการ/มาตรการของรัฐบาลที่ประชาชนมีความพึงพอใจระดับมาก-มากที่สุด เช่น
โครงการคนละครึ่ง ร้อยละ ๖๓.๑ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ร้อยละ ๖๒.๓ และมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ร้อยละ ๔๐.๗ ๔) ประชาชนร้อยละ ๓๒.๙
มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ๕) เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งงด่วน
เช่น ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ลดค่าไฟฟ้า/ค่าน้ำประปา ลดราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ แก้ปัญหาด้านการเกษตรและเพิ่มมาตรการ/สวัสดิการ/เงินช่วยเหลือเยียวยา ๖) ประชาชนร้อยละ ๒๐.๓
ประสบปัญหาการถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยพบว่า
ถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือความเป็นส่วนตัว
สูญเสียเงินจากข้อความ/อีเมลหลอกลวง/การเข้าเว็บไซต์ปลอม
และสูญเสียเงินจาการถูกโจรกรรมขอมูลบัตรเครดิต และ ๗)
เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการสนับสนุนให้ประชาชนปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัล เช่น
จัดหา FIWI ฟรี ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
และจัดหาอินเทอร์เน็ตให้ประชาชนในราคาถูก และ (๒) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ ๑)
ควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลผ่านช่องทางที่หลากหลาย
๒) ควรสร้างความรู้ ความเข้าใจ ส่งเสริม และสนับสนุนให้ประชาชนรู้เท่าทัน
และสามารถป้องกันการถูกหลอกลวงจากสื่อสังคมออนไลน์ ๓)
ควรจัดหาอินเทอร์เน็ตฟรีให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และ ๔)
ควรให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความต้องการของประชาชนในแต่ละกลุ่มและพื้นที่
ผ่านนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เช่น การขยายระยะเวลามาตรการลดค่าน้ำ-ค่าไฟ
และจัดหาตลาดรองรับพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน
สร้างอาชีพให้กับประชาชน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
151 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2565 | นร.11 สศช | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวม ปี ๒๕๖๕
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสสี่และภาพรวม ปี ๒๕๖๕
เช่น สถานการณ์แรงงานไตรมาสสี่ การจ้างงานมีการขยายร้อยละ ๑.๕
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนี้สินครัวเรือนในไตรมาสสาม ปี ๒๕๖๕ ขยายตัวร้อยละ ๓.๙ จากร้อยละ
๓.๕ ของไตรมาสก่อน
เป็นผลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังไตรมาสสี่และภาพรวม ปี
๒๕๖๕ เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคโควิด-๑๙
จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและการหามาตรการป้องกันมลพิษทางอากาศที่ยั่งยืน
(๒) สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ ๑) อินเทอร์เน็ต : โอกาสและข้อจำกัดในการยกระดับการศึกษาของเด็กไทย ๒) เรียนรู้การกำหนดค่าจ้างจากต่างประเทศ
และ ๓) การพัฒนาทักษะแรงงานไทย ทันหรือไม่ต่อการเปลี่ยนแปลง (๓) บทความเรื่อง
“ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา : แหล่งรายได้รัฐและเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำ”
มีประเด็นที่ควรดำเนินการ ได้แก่ ๑) นำคนทุกกลุ่มเข้ามาอยู่นระบบภาษี โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานนอกระบบ
๒) ทบทวนการยกเว้นภาษีให้แก่รายได้บางประเภท ๓)
ทบทวนสิทธิประโยชน์การหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน และ ๔) สื่อสารให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการจ่ายภาษี
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
152 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 22 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 - 31 มกราคม 2566) | นร.04 | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๒ (ระหว่างวันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๔-๓๑ มกราคม ๒๕๖๖)
สรุปได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก ๗ ด้าน เช่น
การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
การสร้างความมั่นคงความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ การทำนุบำรุงศาสนา
การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย
การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
และ (๒) นโยบายเร่งด่วน ๘ เรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน
การปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม
การยกระดับศักยภาพแรงงาน การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
153 | นโยบายและแนวทางในการพัฒนาการสหกรณ์ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) | กษ. | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบนโยบายและแนวทางในการพัฒนาการสหกรณ์ ระยะ๕ ปี (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ ครั้งที่ ๔ เมือวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๕
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) สถานการณ์ทั่วไปของสหกรณ์ไทย ปัจจุบันสหกรณ์มีแนวโน้มลดลง
โดยมีประมาณธุรกิจด้านการให้เงินกู้มากที่สุด
ส่วนชุมนุมสหกรณ์มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
โดยมีสัดส่วนปริมาณธุรกิจในการให้บริการรับฝากสูงที่สุด และ (๒)
นโยบายและแนวทางในการพัฒนาการสหกรณ์ฯ ประกอบด้วย ๖ นโยบายย่อย ได้แก่ (๑)
พัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการสหกรณ์สู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูงด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
(๒) ส่งเสริมการขับเคลื่อนองค์กรและดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลสารสนเทศ
(๓) ยกระดับศักยภาพและสมรรถนะการดำเนินธุรกิจตามลักษณะธุรกิจและประเภทของสหกรณ์
(๔) สร้างการเชื่อมโยงและร่วมมือกันทางธุรกิจและสังคม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
(๕) สร้างธรรมาภิบาลในขบวนการสหกรณ์ และ (๖) ปรับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ขบวนการสหกรณ์
และ (๖)
ปรับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ขบวนการสหกรณ์และภาครัฐเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
154 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วุฒิสภา | สว. | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ วุฒิสภา โดยรายงานสรุปผลการดำเนินงานดังกล่าวประกอบด้วยภาพรวมและข้อเสนอแนะที่มีต่องบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำแนกตามกระทรวง หน่วยงาน และแผนงานบูรณาการ ซึ่งครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
155 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | มท. | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลร่อนทอง
ตำบลกำเนิดนพคุณ ตำบลแม่รำพึง และตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาที่อยู่อาศัย
การบริการด้านการคมนาคมและขนส่งให้เพียงพอ
และได้มาตรฐานโดยดำรงรักษาวัฒนธรรมและประเพณีซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชุมชน
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่เพื่อให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศ
และรักษาดุลยภาพระหว่างเศรษฐกิจชุมชนเดิมซึ่งเป็นชุมชนประมงชายฝั่งกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญของประจวบคีรีขันธ์
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้บางส่วนไม่สอดคล้องกับพื้นที่วนอุทยานแม่รำพึงและวนอุทยานป่ากลางอ่าว
ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างเตรียมการกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม
จึงควรแก้ไขแผนผังให้ถูกต้องตรงกับแผนที่
จะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
และเป็นไปตามกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดประเภทหรือขนาดของกิจการ และหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไข ที่ผู้ขออนุญาตจะต้องดำเนินการก่อนการพิจารณาออกใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๖๑
และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
หลักเกณฑ์การรับฟังความคิดเห็นของประชาขนที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. ๒๕๖๑
และเมื่อผังชุมชนเมืองนี้มีผลใช้บังคับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
156 | การขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. 2023 | นร.14 | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างปฏิญญาเวียงจันทน์
ค.ศ. ๒๐๒๓ โดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์เชิงนโยบายของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงในการมุ่งเน้นการดำเนินการตามพันธกรณี
ของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๓๘
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายประวิตร วงษ์สุวรรณ) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเสนอการปรับแก้ไขถ้อยคำในร่างปฏิญญาเวียงจันทน์
ค.ศ. ๒๐๒๓ ตามข้อคิดเห็นของกรมสนธิสัญญาและกฎหมายในการประชุมรัฐมนตรีในกรณีที่มีความจำเป็น
และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง
ครั้งที่ ๔ เป็นผู้รับรองปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. ๒๐๒๓ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. ๒๐๒๓
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
157 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ 2 | นร.11 สศช | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ครั้งที่ ๒ ซึ่งประกอบด้วย (๑)
ร่างขอบเขตการดำเนินงานของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
และ (๒)
ร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ครั้งที่ ๒ และเห็นชอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ครั้งที่ ๒
และเข้าร่วมการประชุมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีดังกล่าว
พร้อมทั้งร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกอาเซียนให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างขอบเขตการดำเนินงานฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตาม เร่งรัด
แลกเปลี่ยน และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาคอาเซียน
ส่วนร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีด้านการวางแผนแห่งชาติของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ต้องการส่งเสริมและเน้นย้ำเรื่องความร่วมมือเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
158 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 31 มีนาคม 2566 วันที่ 3 เมษายน 2566 และวันที่ 4 เมษายน 2566 | นร.05 | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันศุกร์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นต้นไป
วันจันทร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. และในวันอังคารที่ ๔
เมษายน ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ น.-๑๔.๐๐ น.
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
แลแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
159 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีฉบับใหม่ | สกพอ. | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ฉบับใหม่ของฝ่ายไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เป็นกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมความสัมพันธ์ในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมระหว่างไทยและเกาหลีใต้
โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของไทย
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยบันทึกความเข้าใจฯ
ได้รับการลงนามและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และมีอายุ ๓ ปี
(สิ้นสุดผลบังคับใช้วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕)
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรมุ่งเน้นส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนาในมิติต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
ผลักดันให้เกิดการลงทุนพัฒนาในระบบนิเวศทางธุรกิจและอุตสาหกรรม (Ecosystems) ของไทย
ซึ่งรวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศสามารถแสวงหาโอกาสต้นแบบการพัฒนาที่เหมาะสมเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันและแบ่งปันข้อมูล
ตลอดจนเทคโนโลยีที่ทันสมัยภายใต้กรอบความร่วมมือฉบับนี้ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
160 | การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | นร. | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติกำชับให้กระทรวงการคลัง
คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระมัดระวังในการเก็บรักษาข้อมูลอย่างรอบคอบ
รัดกุม รวมทั้งให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ และ ๒๘ กุมภาพันธ์
๒๕๖๖ อย่างเคร่งครัด
โดยไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแก่สาธารณชน
หรือนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการตามอำนาจหน้าที่อย่างเด็ดขาด
|