ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 5949 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 118962 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
141 | การขอขยายระยะเวลาในการออกกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในหมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำแห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 รวม 3 ฉบับ | นร.14 | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการออกกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในหมวด
๔ การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวม ๓ ฉบับ
ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือรายละเอียดการใช้น้ำแต่ละประเภท พ.ศ. ....
ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมในอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สองและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สาม
พ..ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าใช้น้ำสำหรับการใช้น้ำประเภทที่สองและการใช้น้ำประเภทที่
๓ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเรียกเก็บ ลดหย่อน หรือยกเว้นค่าใช้น้ำ พ.ศ.
.... ออกไปอีกหนึ่งปี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
142 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ และการคุมขังฉุกเฉิน พ.ศ. .... | ยธ. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ
มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ และการคุมขังฉุกเฉิน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการพิจารณาและจัดทำรายงานจำแนกลักษณะนักโทษเด็ดขาดที่เสนอต่อคณะกรรมการพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำที่เสนอต่อพนักงานอัยการเพื่อร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ใช้มาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ
มาตรการคุ้มขังภายหลังพ้นโทษ หรือมาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษร่วมกับมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษเมื่อครบกำหนดการคุมขังต่อเนื่องกันไป
และการกระทำความเห็นของพนักงานคุมประพฤติที่เสนอต่อพนักงานอัยการเพื่อร้องขอให้ศาลมีคำสั่งใช้มาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ
มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษร่วมกับมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษเมื่อครบกำหนดการคุมขังต่อเนื่องไป
หรือสั่งคุมขังฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการกำหนดกลไกในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ
ก่อนปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดในความผิดเหล่านี้
เพื่อเป็นการป้องกันสังคมและผู้เสียหายจากการกระทำผิดที่อาจเกิดขึ้นอีก ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม โดยมีข้อสังเกตว่า
ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวยังมิได้กำหนดวันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับจึงควรกำหนดไว้ให้ชัดเจน
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
143 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 9 มกราคม 2566 | นร 05 | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันจันทร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นต้นไป
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีและแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
144 | กรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ | อว. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑๑๔,๙๗๐,๔๐๓,๔๑๙ บาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ตามกรอบวงเงินดังกล่าว
และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๓๑,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
ตามกรอบวงเงินดังกล่าว ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของภารกิจในความรับผิดชอบเพื่อดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมตามห้วงระยะเวลาที่กำหนดไว้
โดยในส่วนของการพัฒนากำลังคน หลักสูตรระยะสั้น None Degree (Re-Skills, Up
Skills, New Skills) นั้น
ให้พิจารณาปรับเพิ่มจำนวนนักศึกษาเป้าหมายจากเดิม ๒๕,๐๐๐ คน
ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า สุจริต
โปร่งใส และตรวจสอบได้เป็นสำคัญด้วย ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณในแต่ละปี กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณต่อไป
ควรเน้นกลุ่มที่ต้องการพัฒนาทักษะระดับสูงและความรู้ใหม่ ๆ
เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานอื่น
และให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะการวิเคราะห์และความคิดเชิงนวัตกรรมควบคู่ความรู้เชิงวิชาการเพื่อการประกอบอาชีพที่เปลี่ยนแปลงไป
และภาครัฐควรออกแบบมาตรการจูงใจเพื่อสนับสนุนภาคเอกชนให้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมากขึ้น
พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยขั้นแนวหน้า (Frontier Research)
ที่ต้องอาศัยระยะเวลาและองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
รวมถึงเงินทุนสนับสนุนจำนวนมาก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
145 | รัฐบาลสาธารณรัฐไลบีเรียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไลบีเรียประจำประเทศไทย (นายบลาโมห์ เนลสัน) | กต. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบลาโมห์ เนลสัน (Mr. Blamoh Nelson) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไลบีเรียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น สืบแทน นางสาวยังเกอ เทเลโวดา (Ms Youngor Telewoda) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
146 | รัฐบาลสาธารณรัฐบอตสวานาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐบอตสวานาประจำประเทศไทย (พลตรี โกตซีเลเน มอราเค) | กต. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลตรี โกตซีเลเน มอราเค (Major General (Retired) Gotsileene Morake) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณารัฐบอตสวานาประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น สืบแทน นายอึนโคลอย อึนโคลอย (Mr. Nkoloi Nkoloi)
ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
147 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองมอนเตร์เรย์ สหรัฐเม็กซิโก และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองมอนเตร์เรย์ สหรัฐเม็กซิโก คนใหม่ (นางปิยะกมล ลิมปะพันธุ์) | กต. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายเอร์เนสโต กานาเลส
ซันโตส (Mr. Ernesto Canales Santos) กงสุลกิตติมศักดิ์
ณ เมืองมอนเตร์เรย์ สหรัฐเม็กซิโก ซึ่งพ้นจากหน้าที่ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐
เนื่องจากไม่ได้รับการต่ออายุการดำรงตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
148 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนประกันสังคมและใบแทนบัตรประกันสังคม พ.ศ. .... | รง. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนประกันสังคมและใบแทนบัตรประกันสังคม
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนประกันสังคม และค่าธรรมเนียมใบแทนบัตรประกันสังคม
ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันสังคม
พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นระยะเวลา ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑
มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรมีแผนการรองรับผลกระทบดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
และสำนักงานประกันสังคมควรเร่งพิจารณาแนวทางการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาให้บริการดังกล่าวแทน
เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่นายจ้างและผู้ประกันตนจะได้รับรวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมอย่างเหมาะสมในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบด้วย
และหากไม่ประสงค์จะจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้อีกต่อไป ควรพิจารณายกเลิกรายการค่าธรรมเนียมดังกล่าวในพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ
ในโอกาสต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
149 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎร
มีข้อสังเกตว่าเนื่องจากสถานะขององค์กรอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีความสำคัญในกระบวนการยุติธรรมเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ควรมีการพิจารณาให้องค์กรอัยการบัญญัติไว้เช่นเดียวกับมาตรา ๑๘๐ หรือมาตรา ๑๙๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
มีข้อสังเกตว่าเห็นควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
และสำนักงานอัยการสูงสุดควรมีการทบทวนพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕๕ วรรคสาม รวมทั้งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ วรรคสาม
ว่ายังคงมีความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบตามหลักการของกฎหมายเดิม
หรือไม่ ตลอดจนรัฐบาลควรมีนโยบายให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาทบทวนบทบัญญัติของกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการระดับสูงว่ากฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันสอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา
๑๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ ๒.
ให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องใดได้หรือไม่ ประการใด
แล้วให้ส่งสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
150 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สว. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎร
มีข้อสังเกตว่าเนื่องจากสถานะขององค์กรอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีความสำคัญในกระบวนการยุติธรรมเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ควรมีการพิจารณาให้องค์กรอัยการบัญญัติไว้เช่นเดียวกับมาตรา ๑๘๐ หรือมาตรา ๑๙๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
มีข้อสังเกตว่าเห็นควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
และสำนักงานอัยการสูงสุดควรมีการทบทวนพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕๕ วรรคสาม รวมทั้งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ วรรคสาม
ว่ายังคงมีความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบตามหลักการของกฎหมายเดิม
หรือไม่ ตลอดจนรัฐบาลควรมีนโยบายให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาทบทวนบทบัญญัติของกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการระดับสูงว่ากฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันสอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา
๑๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ของวุฒิสภาเป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของวุฒิสภา ในเรื่องใดได้หรือไม่ ประการใด
แล้วให้ส่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ๔.
ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
151 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ 17 (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565) | นร.11 สศช | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ ๑๗ (เดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๕) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ในฐานะสำนักงานเลขานุการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. สรุปภาพรวมการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ สศช.
ได้รวบรวมและประมวลผลข้อมูลการดำเนินการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๓ ด้าน ประกอบด้วย
กิจกรรมปฏิรูปประเทศที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock)
รวมทั้งสิ้น ๖๒ กิจกรรม และกฎหมายที่จัดทำ/ปรับปรุงใหม่ รวม ๔๕ ฉบับ สำหรับรายงานความคืบหน้าฯ
รอบเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๕
มีสถานะการดำเนินการของกิจกรรม Big Rock เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแผนขับเคลื่อนกิจกรรม
Big Rock ร้อยละ ๘๘.๗๑ โดยมีความคืบหน้ามากกว่ารอบที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สำหรับกิจกรรม Big Rock ที่ยังมีความล่าช้า
หน่วยงานรับผิดชอบและหน่วยงานร่วมดำเนินการจะได้เร่งรัดดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาของแผนที่กำหนดไว้ต่อไป ๒. ความคืบหน้ากฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ณ
สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๕ รวม ๔๕ ฉบับ ประกอบด้วย และ (๑)
กฎหมายที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ๙ ฉบับ และ (๒) กฎหมายที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ๓๖
ฉบับ (ซึ่งมีความคืบหน้ากว่ารอบที่ผ่านมา) ๓. ความคืบหน้าของประเด็นที่รัฐสภาให้ความสนใจเป็นพิเศษ สศช.
ได้สรุปรายงานตามประเด็น ในคราวประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
รับทราบรายงานความคืบหน้าการเนินการตาแผนการฏิรูปประเทศ ตามมมาตรา ๒๗๐
ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๕) พร้อมทั้งได้สรุปรายงานสถานะความคืบหน้าของกฎหมายที่วุฒิสภาเห็นควรให้ความสำคัญในการเร่งรัด
ทั้ง ๑๐ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. การดำเนินการในระยะต่อไป สศช.
จะประสานหน่วยงานรับผิดชอบและหน่วยงานร่วมดำเนินการเพื่อเร่งรัดการขับเคลื่อน
การดำเนินการติดตามกิจกรรม Big Rock ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง)
ทั้ง ๑๓ ด้าน ให้แล้วเสร็จและบรรลุเป้าหมายภายในกรอบระยะเวลาของแผนที่กำหนดไว้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
152 | รายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 2 | กค. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๓ รอบ ๖ เดือน ครั้งที่ ๒ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
การจัดทำรายงานประเมินผลฯ มีโครงการทั้งสิ้น ๑,๑๐๘ โครงการ ๓ แผนงาน ประกอบด้วย ๑) เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ๒) เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ และ ๓) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙
โดยพิจารณาคัดเลือกจากโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๑๐๐ โครงการ และ (๒)
คณะกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ฯ ได้จัดทำรายงานประเมินผลฯ ระหว่างเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม
๒๕๖๕ จำนวน ๑๐๐ โครงการ ซึ่งมีกรอบวงเงินรวม ๘๙๘,๐๙๒.๑๒
ล้านบาท ผลการเบิกจ่ายรวม ๘๗๗,๗๖๖ ๗๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
๙๗.๗๓ ของกรอบวงเงิน โดยทั้ง ๑๐๐ โครงการ มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก
และสามารถสร้างมูลค่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จำนวน ๒,๙๑๖,๐๗๔.๔๗ ล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐจากการเก็บภาษี จำนวน ๕๖๒,๘๖๙.๘๔ ล้านบาท โดยมีผลการประเมินระดับแผนงาน เช่น
แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-๑๙ แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ และแผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
153 | แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 | ทส. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี ๒๕๖๖
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจฯ โดยแผนเฉพาะกิจฯ
กำหนดขึ้นภายใต้กรอบ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม”
ประกอบด้วยแนวทางการดำเนินงาน ๗ แนวทาง ได้แก่ (๑) เร่งรัดการประชาสัมพันธ์เชิงรุก
และแจ้งเตือนล่วงหน้า ๗ วัน ทุกพื้นที่ (๒)
ยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นฝุ่นละออง”
และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง (๓) ยกระดับการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร (ชิงเก็บ
ลดเผา และระบบบริการการเผาในที่โล่ง) (๔) กำกับดูแลการดำเนินการในทุกระดับอย่างเข้มงวด
ติดตามผลการดำเนินการและประเมินสถานการณ์เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง (๕) ลดจุดความร้อน
ป้องกันและควบคุมการเกิดไฟในทุกพื้นที่และพัฒนาระบบพยากรณ์ความรุนแรงและอันตรายของไฟ
(๖) ผลักดันกลไกระหว่างประเทศ
เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกขวัญข้ามแดนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจัดทำ Roadmap และกำหนดเป้าหมายในการลดจำนวนจุดความร้อน/พื้นที่เผาไหม้ในภูมิภาคอาเซียน
และ (๗)
ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละออง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
154 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | ปสส. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๑๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๔ มกราคม
๒๕๖๖ และครั้งที่ ๒๐ วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๖
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
155 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤศจิกายน 2565 | นร.11 สศช | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๒)
ความก้าวหน้าการปฏิรูปประเทศ (๓) การติดตาม การตรวจสอบ
และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ และ (๔)
ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
156 | ร่างกฎกระทรวงการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา พ.ศ. .... | สธ. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำหรับยา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้มีการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
สังคม สิ่งแวดล้อม และอื่น ๆ ที่สำคัญ
หลังจากได้มีการออกประกาศฉบับนี้เรียบร้อยแล้ว
ควรจัดให้มีช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง
เพื่อแจ้งการดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้ไปยังผู้รับในสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาให้ทราบอย่างทั่วถึง
และให้ดำเนินการตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกฯ
โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนดรวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ
(www.info.go.th) ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
157 | (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2570) | กก. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติ (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยว ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวตาม
(ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยว ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
อันเป็นกรอบทิศทางพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมในอนาคต
มุ่งเน้นการดำเนินการเพื่อพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีความเข้มแข็ง
ต่อยอดการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอุตสาหกรรมให้สอดรับกับภาวะความปกติถัดไป
รวมถึงให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม
และเกิดการบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการผลักดันให้มีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุข
เช่น ควรให้สถาบันอุดมศึกษาได้รับการสนับสนุนให้มีส่วนร่วมในการนำศักยภาพ
องค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญและทรัพยากรในด้านต่าง ๆ
มาใช้เพื่อการดำเนินงานตามกลยุทธ์และแนวทางในการพัฒนาของ (ร่าง) ดังกล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายและงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
และควรมีการกำหนดเป้าหมายตัวชี้วัด
และการให้ความสำคัญกับการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการบูรณาการการท่องเที่ยวและการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน
เพื่อสร้างสรรค์การท่องเที่ยวใหม่ ๆ
ที่สามารถดึงดูดความสนใจแก่นักท่องเที่ยวรวมทั้งสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนเพิ่มมากขึ้น
เช่น การประกวดและการแข่งขันสัตว์เลี้ยงประเภทต่าง ๆ ของชุมชน เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
158 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน | นร.52 | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินแผนงาน/โครงการที่เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้แก่ประชาชน จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) การพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน
เช่น สนับสนุนอาหาร วิตามินเสริม และบริการทางสุขภาพแม่และเด็ก จำนวน ๔๖,๘๑๙ ราย สนับสนุนอาหารกลางวันให้แก่โรงเรียนตาดีกา
และโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ จำนวน ๑,๘๗๕ แห่ง ๑๗๑,๓๒๔ คน และส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ภาษาไทย ภาษามาลายู
ภาษาอาหรับ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาตุรเครีย ไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ ราย และแก้ไขปัญหาครัวเรือนยากจนที่ยั่งยืน ๕ ด้าน (ฐานข้อมูล TPMAP) ไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ ครัวเรือน (๒)
การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น
สนับสนุนงบประมาณแก่ผู้นำท้องถิ่น (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน)
เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของหมู่บ้าน-ชุมชน ทุกหมู่บ้านในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานให้แก่องค์กรภาคประชาสังคมและภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ องค์กร และจัดตั้งอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา เทศบาลเมืองบ้านพรุ
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (๓) การผลักดันจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปสู่
“มหานครแห่งอาหารและบริการฮาลาล สู่ ตลาดโลก” เช่น
การเพิ่มจำนวนฐานแม่วัวพันธุ์พื้นเมือง จำนวนไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐
ตัว การเพิ่มจำนวนฐานแม่พันธุ์และพ่อพันธุ์แพะ จำนวนไม่น้อยกว่า ๒๐,๐๐๐ ตัว ขับเคลื่อนปูทะเลโลก แบบครบวงจร เพิ่มจำนวนพื้นที่เพาะปลูกพืช
อาหารสัตว์ พืชพลังงานและผลไม้รองรับการพัฒนาภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้
ไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ ไร่ และ (๔)
การเสริมสร้างพหุสังคมที่เข้มแข็ง เช่น การจัดวิ่งตามภูมิศาสตร์ “Amazean
Junle Trail Edition” ปฏิทินประเพณีวัฒนธรรม ๑๒ เดือน
และการซ่อมแซมบูรณปฏิสังขรณ์วัดที่มีอายุเกิน ๑๐๐ ปี โบราณสถาน ศาสนสถาน
พิพิธภัณฑ์ เพื่อการเรียนรู้และเป็นแหล่งท่องเที่ยว ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
159 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี พ.ศ. 2564 | นร.09 | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒.
ให้กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม พิจารณาความเหมาะสมในการจัดทำหลักสูตรด้านการบังคับทางปกครองให้สามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้ารับการอบรมให้มากขึ้น
โดยอาจทำการศึกษาอบรมผ่านระบบออนไลน์
และจัดทำหลักสูตรร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งให้หน่วยงานของรัฐที่มีความพร้อมในการจัดทำหลักสูตรด้านการบังคับทางปกครองจัดทำหลักสูตรดังกล่าวเพื่อเสนอคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองให้ความเห็นชอบต่อไป ๓.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทำการศึกษาเกี่ยวกับระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง
เพื่อดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามข้อเสนอแนะของศาลรัฐธรรมนูญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
160 | (ร่าง) แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2566 - 2570) | กก. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) โดยแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
ฉบับที่ ๗ มีสาระสำคัญเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีของแต่ละหน่วยงานเพื่อช่วยผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาตามแผนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อให้การกีฬาเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรให้ความสำคัญกับการให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการ กติกาสากล
รวมถึงการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่นกีฬาชนิดต่าง ๆ
ควรพิจารณาถึงประเด็นโภชนาการของนักกีฬาและการหลีกเลี่ยงการใช้สารกระตุ้น
เพื่อเพิ่มสมรรถภาพหรือข้อได้เปรียบทางร่างกายของนักกีฬา
ควรพิจารณากีฬาอีสปอร์ตเพื่อเป็นอีกส่วนหนึ่งช่องทางใหม่ในการเข้าถึงประชาชน
รวมถึงกีฬาพื้นบ้านของไทยซึ่งเป็นกีฬาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาของประชาชนในชุมชนและท้องถิ่นต่าง
ๆ ทั่วประเทศให้เพิ่มมากขึ้นและมีความต่อเนื่อง
๓.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียนได้มีเวลาในการออกกำลังกายและเล่นกีฬาในแต่ละสัปดาห์มากยิ่งขึ้น
โดยอาจพิจารณาให้สถานศึกษาจัดตั้งชมรมกีฬาประเภทต่าง ๆ
เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นเหมาะสม เพื่อรองรับกิจกรรมดังกล่าวของนักเรียนต่อไป |