ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 6032 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 120629 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร (นักบริหาร ระดับสูง และนักบริหารการทูต ระดับสูง) (1. นายสุวัฒน์ แก้วสุข ฯลฯ จำนวน 6 ราย) | กต. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน ๖ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. นายสุวัฒน์ แก้วสุข ตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบกำหนดการต่อเวลา
๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖
และขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒) ตั้งแต่วันที่ ๒๕
กรกฎาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ๒. นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ ตำแหน่งอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖
และขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๒๖
กันยายน ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๗ ๓. นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ ตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ
รัฐอิสราเอล ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ และขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไปอีก
๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ๔. นางสาววิมลพัชระ รักษาเกียรติ ตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูตณ กรุงออสโลราชอาณาจักรนอร์เวย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี
ในวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ และขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไปอีก ๑ ปี
(ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ๕. นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ ตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงลิสบอน สาธารณรัฐโปรตุเกส ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๑๕
ธันวาคม ๒๕๖๖ และขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑)
ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธงทอง นิพัทธรุจิ และนายกฤตนัน สุทธิธนาเลิศ) | นร.04 | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | การเร่งรัดการกำกับดูแล ควบคุมการใช้อาวุธปืนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน | มท. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม
๒๕๖๖ (เรื่อง มาตรการในการกำกับดูแล
ควบคุมการใช้อาวุธปืนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน)
รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการในการกำกับดูแล
ควบคุมการใช้อาวุธปืนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเป็นการดำเนินการกำกับดูแล
ควบคุมการออกใบอนุญาตของนายทะเบียนท้องที่ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ นั้น
โดยที่ปัจจุบันเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดจากการใช้อาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนยังคงเกิดขึ้นอยู่เนือง
ๆ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น
เพื่อให้การกำกับดูแลควบคุมการใช้อาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนให้มากยิ่งขึ้น
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการนำอาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนมาใช้ก่อเหตุ
และบรรเทาหรือระงับเหตุที่อาจเกิดขึ้นให้เท่าทันสถานการณ์ ตามแต่กรณี
รวมทั้งให้เร่งศึกษามาตรการหรือแนวทางการกำกับดูแล ควบคุมการใช้อาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืน
เพิ่มเติมให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด พ.ศ. 2566 - 2570 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 | สธ. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐
ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นแผนต่อเนื่องฉบับที่ ๓
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบการดำเนินงาน ป้องกัน
และควบคุมโรคติดต่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งในระดับประเทศและในระดับพื้นที่
โดย (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วย (๑) การพัฒนานโยบาย มาตรการกฎหมาย
และกลไกการบริหารจัดการการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ (๒) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
และยกระดับการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อ (๓) การยกระดับการจัดการภาวะฉุกเฉินจากโรคติดต่อ
(๔) การพัฒนากำลังคนและเครือข่ายความร่วมมือระดับชาติและนานาชาติ และ (๕)
การพัฒนาการสื่อสารความเสี่ยงและระบบสนับสนุนการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเสนอ
และให้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ขอให้พิจารณาแก้ไขข้อมูลหน้า
๓๕ หัวข้อนโยบายการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ ข้อ ๓. และหน้า ๑๐๕
ข้อ ๓๑. โดยแก้ไขจากคำว่า “โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน” เป็น “โรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน”
เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่กล่าวถึงโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนในส่วนอื่น ๆ ของ
(ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
และ/หรือพิจารณาเงินนอกงบประมาณ รวมถึงรายได้ หรือเงินอื่นใดที่หน่วยงานมีอยู่
หรือสามารถนำมาใช้จ่ายสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ในการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ระยะต่อไป ควรพิจารณาผนวกรวมกับแผนปฏิบัติการด้านเตรียมความพร้อม
ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ และแผนต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวัง ป้องกัน
และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาดไว้เป็นแผนเดียวกัน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือ ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาดให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพและลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน
รวมทั้งอาจพิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของระบบการเฝ้าระวังโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน
(vaccine preventable diseases) ในประเทศไทย
รวมถึงการเคลื่อนย้ายของแรงงานจากประเทศใกล้เคียงปกติ และในสถานการณ์การระบาด
เนื่องจากการติดตามประวัติการฉีดวัคซีน และสถานะสุขภาพอาจจะต้องมีระบบเพื่อรองรับ
และควรให้ความสำคัญในการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health literacy)
เกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อหรือโรคระบาดในภาคประชาชนและในภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน
โดยเฉพาะภาคการศึกษา เน้นพัฒนาเครื่องมือและสารสนเทศที่ใช้ในการสื่อสารที่มีความหลากหลายและเหมาะสมกับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย
เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีในการป้องกันควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 | นร.05 | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันอังคารที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๔.๓๐-๑๖.๐๐ น.
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอรรถสิทธิ์ กันมล) | นร.09 | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอรรถสิทธิ์ กันมล
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (นิติการ) สูง)] กองกฎหมายการบริหารราชการแผ่นดิน
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ
(นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม | ดศ. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 18 | กต. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย
ครั้งที่ ๑๘ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๖ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก
สหรัฐอเมริกา โดยที่ประชุมฯ ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนงาน ACD ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๓๐ การส่งเสริมบทบาทของ ACD เพื่อนำไปสู่การเป็นประชาคมเอเชีย
และการส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน เป็นต้น รวมทั้งได้ร่วมรับรองปฏิญญาบาห์เรน ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมฯ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 | คค. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน
และงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่างบการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 | รง. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๑ ออกไปอีก ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ จำนวน ๙ ฉบับ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.
พระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการให้กิจการที่มีลูกจ้างน้อยกว่าสิบคนเป็นสมาชิกของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ๒. พระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดเวลาเริ่มให้มีการส่งเงินสะสมและเงินสมทบให้แก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ๓.
กฎกระทรวงเกี่ยวกับการให้นายจ้างจัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย ๔. กฎกระทรวงเกี่ยวกับอัตราเงินสะสม
และเงินสมทบที่จะต้องส่งให้แก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ๕.
ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเกี่ยวกับการให้ลูกจ้างที่มิได้อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๑ สมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ๖.
ประกาศหรือระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเกี่ยวกับแบบหลักเกณฑ์
และวิธีการยื่นขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขแบบรายการแสดงรายชื่อลูกจ้างและการออกหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนให้แก่นายจ้าง ๗.
ประกาศหรือระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเกี่ยวกับการนำส่งเงินสะสม
เงินสมทบ และเงินเพิ่มเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ๘.
ประกาศหรือระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินเงินสะสมและเงินสมทบที่นายจ้างต้องนำส่งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2553 | รง. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน
พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๑ ฉบับ คือ ร่างประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง
หลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขการเรียกหรือรับหลักประกันการทำงานหรือหลักประกันความเสียหายในการทำงานจากผู้รับงานไปทำที่บ้าน
พ.ศ. .... ออกไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | ขยายระยะเวลาในการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) | มท. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการออกกฎตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2565 | พม. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย
ประจำปี ๒๕๖๕ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) สรุปผลการดำเนินงานฯ ประจำปี ๒๕๖๕ แบ่งออกเป็น
๓ ด้าน ได้แก่ ด้านการดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมาย เช่น
สถิติการดำเนินคดี/ผู้กระทำผิด/ผู้เสียหาย
การปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือ
เช่น การคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงาน การคุ้มครองช่วยเหลือที่คำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจของผู้เสียหาย
และด้านการป้องกัน เช่น การป้องกันการค้ามนุษย์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน
การป้องกันการค้ามนุษย์ในแรงงานประมง และ (๒) แผนการดำเนินงานในระยะต่อไป เช่น
เพิ่มความร่วมมือกับภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และผู้รอดจากการค้ามนุษย์ในการออกแบบนโยบายและขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญ
อบรมให้ความรู้สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่คำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจของผู้เสียหายสำหรับเจ้าหน้าที่ในสถานคุ้มครองของรัฐและเอกชน
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 | สธ. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
พ.ศ. ๒๕๔๒ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ๑)
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอจดทะเบียน
การออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียน
และการเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิในภูมิปัญญาการแพทย์พื้นเมือง พ.ศ. .... ๒) ร่างกฎกระทรวงการจัดทำแผนที่แนวเขตที่ดินกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสมุนไพร
พ.ศ. .... และ ๓)
ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตจัดการบริหารพื้นที่คุ้มครองสมุนไพรหรือใช้ประโยชน์จากสมุนไพร
พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | ขยายระยะเวลาในการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 | คค. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในกฎหมายที่กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบ
ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2566 | นร.04 | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการกำหนดจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ ณ จังหวัดหนองบัวลำภู และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
(บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี) ระหว่างวันที่ ๓-๔ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | ข้อเสนอแนะกรณีสายการบินปฏิบัติต่อคนพิการไม่เหมาะสม | สม. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะกรณีสายการบินปฏิบัติต่อคนพิการไม่เหมาะสม
โดยพิจารณาข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ
เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ (๓)
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๒๖ (๓) (ตามข้อ ๒.๓) ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
๒.
มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงคมนาคมสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การวิจัยทางคลินิกและการจัดการข้อมูลการใช้สมุนไพรในคน ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | สว. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การวิจัยทางคลินิกและการจัดการข้อมูลการใช้สมุนไพรในคน
ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา และข้อสังเกตเพิ่มเติมของที่ประชุมวุฒิสภาในเรื่องดังกล่าว
เกี่ยวกับการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยทางคลินิกรวมถึงการจัดการข้อมูลการใช้สมุนไพรในคนอย่างเป็นระบบเพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์สมุนไพรและภูมิปัญญาไทยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
และการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพของคนในประเทศเพื่อการบำบัดรักษาและป้องกันโรคภัย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับรายงาน ข้อเสนอแนะของ คณะกรรมาธิการ
และข้อสังเกตเพิ่มเติมของที่ประชุมวุฒิสภาไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะและข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดตั้งสำนักบริหารการมัธยมศึกษา (สบม.) ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดตั้งสำนักบริหารการมัธยมศึกษา
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ซึ่งเป็นการศึกษาการจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่ยังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โดยปรับปรุงสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลายซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นเป็นการภายใน
ให้จัดตั้งเป็นหน่วยงานตามโครงสร้างและให้มีชื่อใหม่ว่า “สำนักบริหารการมัธยมศึกษา”
เพื่อเป็นหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบการจัดการมัธยมศึกษาโดยตรง
พร้อมกับได้เสนอขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสำนักบริหารการมัธยมศึกษา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2567 ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย | พน. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบงบประมาณ จำนวน ๕,๓๗๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ
และแผนการดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๗ ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์
เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดการเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปีขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ต่อคณะรัฐมนตรีตามกรอบระยะเวลา ข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๖)
ออกตามความในพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๓๓ กำหนด ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|