ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 5981 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 119611 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | การพิจารณาความเหมาะสมของโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าในภาพรวม | นร. | 02/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ในระยะเวลาที่ผ่านมากระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือค่าฟ้าไฟเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้นมาเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกลุ่มเปราะบาง อย่างไรก็ตาม การดำเนินมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวยังมีข้อจำกัดหลายประการทำให้ไม่สามารถให้การช่วยเหลือดูแลประชาชนในกลุ่มเปราะบางได้อย่างเหมาะสมและครอบคลุม
ดังนั้น
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมของโครงสร้างอัตราไฟฟ้าในภาพรวม
โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบางและผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มอื่น ๆ อย่างครอบคลุม
เพื่อให้อัตราไฟฟ้าสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและมีกลไกในการสนับสนุนการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้แก่กลุ่มเปราะบางที่เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณเกินความจำเป็น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองบาร์เซโลนา ราชอาณาจักรสเปน คนใหม่ (นายมานูเอล มาตาชานา อารัมบูรู) | กต. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. แต่งตั้ง นายมานูเอล มาตาชานา อารัมบูรู (Mr. Manuel Matachana Aramburu) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองบาร์เซโลนา
ราชอาณาจักรสเปน สืบแทน นายไฆเม ซาบาเต แอร์เช่ (Mr. Jaime Sabate Herce) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครบาร์เซโลนา
ราชอาณาจักรสเปน ที่ได้ขอลาออกจากตำแหน่งเนื่องชราภาพและมีปัญหาด้านสุขภาพ ๒. ปรับชื่อเรียกตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์จาก
กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองบาร์เซโลนา เป็น กงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองบาร์เซโลนา ๓. ปรับชื่อเรียกสถานทำการทางกงสุลจาก
สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองบาร์เซโลนา เป็น สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ
เมืองบาร์เซโลนา โดยยังคงสถานะของสถานทำการทางกงสุลเป็นสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ฯ
ไว้เช่นเดิม ๔. ปรับเขตกงสุลให้ครอบคลุมเฉพาะแคว้นกาตาลุญญา
โดยยกเลิกเขตกงสุลที่ครอบคลุมจังหวัดอูเอสกาและเตรูเอลในแคว้นอารากอน ให้สอดคล้องกับระเบียบปัจจุบันของฝ่ายสเปน
รวมทั้งปรับคำสะกดชื่อแคว้นคาตาลูยา เป็น แคว้นกาตาลุญญา
ให้สอดคล้องกับคำสะกดชื่อแคว้นของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา จึงมีผลให้สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์
ฯ มีเขตกงสุลครอบคลุมแคว้นกาตาลุญญา ซึ่งประกอบด้วย ๔ จังหวัด ได้แก่ บาร์เซโลนา
ฆิโรนา เยย์อิดา และตาร์ราโกน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ครบกำหนดออกตามวาระ) (1. นายปริญญา แสงสุวรรณ ฯลฯ รวม 10 คน) | คค. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
รวม ๑๐ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิม
ได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ เมษายน
๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายปริญญา แสงสุวรรณ ประธานกรรมการ ๒. นายกฤชเทพ สิมลี กรรมการ ๓. พลตำรวจโท เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ กรรมการ ๔. นายชนินทร์ แก่นหิรัญ กรรมการ ๕. นายวุฒิไกร ลีระพันธุ์ กรรมการ ๖. พลตำรวจโท กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ กรรมการ ๗. นายวรพจน์ เอี่ยมรักษา กรรมการ ๘. นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ กรรมการ ๙. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ (1. นางถวิลวดี บุรีกุล ฯลฯ จำนวน 9 คน) | พม. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ
จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตีรีมีมติ (๒๕ เมษายน ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้ ๑. ผู้แทนองค์กรสตรีและองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิความหลากหลายทางเพศ
จำนวน ๖ คน ๑.๑
นางถวิลวดี บุรีกุล ๑.๒
นางสาวศุธาฎา เมฆาวงศกุล ๑.๓
นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ๑.๔
นายรณภูมิ สามัคคีคารมย์ ๑.๕
นางสาวเสาวลักษณ์ ทองก๊วย ๑.๖
นางสาวศิริพร ไชยสุต ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์ ด้านสิทธิมนุษยชน
ด้านสังคมศาสตร์ หรือด้านจิตวิทยา จำนวน ๓ คน ๒.๑
นางปารีณา ศรีวนิชย์ ๒.๒
นายสมศักดิ์ ชลาชล ๒.๓
นางสาวชมพูนุท นาครทรรพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | การโอนข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา | นร.04 | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการรับโอน
นายกฤษฎา คงคะจันทร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | การขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ | นร. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี
ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี เมื่อวันที่
๕ เมษายน ๒๕๖๖ ต่อไปอีก (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๖๖ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายธนกร วังบุญคงชนะ) เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ | ศร. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กองทุนยุติธรรม | ยธ. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ กองทุนยุติธรรม โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑)
ความสำเร็จของการดำเนินงานตามมาตรฐานระยะเวลางานบริการของกองทุนฯ
มีประชาชนเข้ารับบริการของกองทุนฯ จำนวน ๔,๔๖๓ ราย ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๔,๒๐๗
ราย (๒) ความสำเร็จของการอนุมัติวงเงินช่วยเหลือประชาชน กองทุนฯ
ให้ความช่วยเหลือประชาชน จำนวน ๒,๕๔๘ ราย เป็นเงินจำนวน ๒๙๓.๔๑ ล้านบาท (๓)
ผลการดำเนินงานที่สำคัญตามภารกิจของกองทุนฯ เช่น
การช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินคดี จำนวน ๓ กรณี การขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย
จำนวน ๒ กรณี และการช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน จำนวน ๑ กรณี (๔)
การประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๖๕ มีคะแนนเฉลี่ยรวม ๔.๘๓
คะแนน (คะแนนเต็ม ๕ คะแนน) และ (๕) รายการเงินของกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | รายงานผลการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. 2562 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564–31 ธันวาคม 2564) | รง. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง
พ.ศ. ๒๕๖๒ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔-๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๔) สรุปได้ ดังนี้ (๑) ด้านนโยบาย (Policy) เช่น
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน และแต่งตั้งคณะทำงานกำกับและติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมง
(๒) ด้านการป้องกัน (Prevention) เช่น มาตรการห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว
และห้ามนำเข้าแรงงานต่างด้าวในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ (๓)
ด้านการบังคับใช้กฎหมาย
(Prosecution) เช่น ตรวจสอบสภาพการจ้าง สภาพการทำงานของแรงงาน ณ
ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก ในพื้นที่ ๒๒ จังหวัดชายทะเล (๔)
ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือ (Protection) เช่น
ดำเนินการจ่ายประโยชน์ทดแทนให้กับแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเล
โดยกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน และ (๕) ด้านการมีส่วนร่วม (Partnership) เช่น ดำเนินโครงการสิทธิจากเรือสู่ฝั่ง (Ship to Shoer Rights
Project) ร่วมกับ EU และ ILO ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | รายงานประจำปี 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และผลการสอบบัญชี สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 | สกพอ. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๕
ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
โดยมีผลการดำเนินงานสำคัญ เช่น โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (EEC Project List) เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
การจัดทำแผนผังการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
การให้บริการศูนย์เบ็ดเสร็จครบวงจร (EEC-OSS) เป็นต้น
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๒. รับทราบผลการสอบบัญชี
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน (๒) งบแสดงฐานะการเงิน (๓)
งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน (๔) งบกระแสเงินสด (๕)
รายงานการรับจ่ายเงินประจำปีงบประมาณ และ (๖) หมายเหตุประกอบงบการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | รายงานการเงินประจำปีพร้อมกับรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 | ลต. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินประจำปีของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนนายาง-หนองจอก จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... | มท. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนนายาง-หนองจอก จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองจอก
และตำบลปึกเตียน อำเภอท่ายาง ตำบลหนองศาลา ตำบลบางเก่า ตำบลนายาง ตำบลดอนขุนห้วย
และตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน
การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม
เป็นศูนย์กลางหลักการค้าและบริการรับซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ให้บริการแก่ชุมชนโดยรอบ
รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ประวัติศาสตร์
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑)
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการควบคุมกับการวางผังเมือง
ให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประกาศดังกล่าว และคำนึงถึงการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ
ไม่ให้กีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ (๒) จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบ
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ (๓) หากมีการดำเนินการใด ๆ
ในเขตพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
(๔)
การพิจารณาอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
(๕)
ให้พิจารณาทบทวนหรือกำหนดข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย
ในประเภทหรือชนิดของโรงงานลำดับที่ ๒๒ (๔) การพิมพ์สิ่งทอให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง กำหนดจำนวน ขนาด
และประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ไม่ให้ตั้งหรือขยายในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจกร พ.ศ.
๒๕๕๐ และ (๖)
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวางผังเมืองรวมชุมชนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | ผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการบังคับให้นักเรียนลาออกจากโรงเรียนและกลั่นแกล้งดำเนินคดีอาญากับผู้ปกครอง | สม. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการบังคับให้นักเรียนลาออกจากโรงเรียนและกลั่นแกล้งดำเนินคดีอาญากับผู้ปกครอง
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า
ควรพิจารณาให้ความคุ้มครองเฉพาะการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตอันเป็นกลไกที่ได้รับการรับรองไว้ในมาตรา
๖๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นเบื้องต้นก่อน และกระทรวงศึกษาธิการ
โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำคู่มือการคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเอกชน
รวมทั้งอยู่ระหว่างการยกร่างระเบียบว่าด้วยจรรยามารยาท วินัย
และหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาต ผู้อำนวยการ ผู้บริหาร
ผู้จัดการและบุคลากรทางการศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรี กรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง สิทธิการเข้าถึงบริการไฟฟ้าในครัวเรือน) | สผผ. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด
๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (เรื่อง
สิทธิการเข้าถึงบริการไฟฟ้าในครัวเรือน) ตามที่ผู้ตรวจการการแผ่นดินเสนอ
รวมทั้งรับทราบสรุปผลการพิจารณาในภาพรวมต่อข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงาน
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงมาตรการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินให้เกิดความเหมาะสม
โดยดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
โดยกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สรุปผลการพิจารณาและความเห็นในภาพรวม
เช่น (๑) การแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสิทธิเข้าถึงบริการไฟฟ้าในครัวเรือน
อาจมีบทบาทหน้าที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน (๒)
การแบ่งจ่ายค่าไฟฟ้าที่ค้างชำระควรมีการศึกษาผลกระทบในด้านต่าง ๆ
เพื่อไม่ให้มีผลต่อรายได้และอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของหน่วยงานผู้ให้บริการ
และเป็นภาระทางการคลังของรัฐบาล (๓)
มาตรการจูงใจให้ประชาชนแบ่งจ่ายค่าไฟฟ้าที่ค้างชำระได้ตามกำลังทางเศรษฐกิจ เช่น
การไฟฟ้านครหลวงมีมาตรการขยายระยะเวลาและผ่อนชำระค่าไฟฟ้า
และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และ (๔) กรมการปกครองได้สำรวจครัวเรือนที่ยังไม่มีไฟฟ้าผ่านระบบ ThaiQM แล้ว
และพร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดนโยบายการแก้ไขปัญหาสิทธิเข้าถึงบริการไฟฟ้าในครัวเรือนให้แก่ประชาชนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | รายงานสรุปผลการพิจารณาในภาพรวมต่อข้อเสนอแนะมาตรการการคุ้มครองสิทธิด้านสุขภาพและสิทธิเด็กในสถานการณ์การใช้กัญชาในประเทศไทย | สม. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาในภาพรวมต่อข้อเสนอแนะมาตรการการคุ้มครองสิทธิด้านสุขภาพและสิทธิเด็กในสถานการณ์การใช้กัญชาในประเทศไย
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่ ๕
มกราคม ๒๕๖๖ โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า
กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีกฎหมายรองรับเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนดำเนินสะดวก–ศรีดอนไผ่-ประสาทสิทธิ์ จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... | มท. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนดำเนินสะดวก–ศรีดอนไผ่-ประสาทสิทธิ์
จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลดอนไผ่ ตำบลประสาทสิทธิ์ ตำบลศรีสุราษฎร์ ตำบลดำเนินสะดวก
ตำบลขุนพิทักษ์ และตำบลตาหลวง อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน
การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม
ให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนดำเนินสะดวก-ศรีดอนไผ่-ประสาทสิทธิ์
ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร การปกครอง การศึกษา การค้า การบริการทางสังคม
และการคมนาคมขนส่งระดับอำเภอ
ส่งเสริมและอนุรักษ์พื้นที่เกษตรกรรมที่มีความอุดมสมบูรณ์ให้เป็นแหล่งผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพและยั่งยืน
ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวตลาดนำในรูปแบบวิถีชีวิตชุมชนเกษตรและวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำของชุมชนดำเนินสะดวกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
ส่งเสริมและพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมให้สอดคล้องกับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต
รวมทั้งอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชุมชน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ร่างประกาศฉบับนี้
มีพื้นที่อยู่ในลุ่มน้ำชั้นที่ ๕ และยังพบแหล่งศิลปกรรมอันควรอนุรักษ์ การดำเนินการใด
ๆ ในพื้นที่ดังกล่าวจึงควรคำนึงถึง กฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
และ (๒) ที่ดินหลายประเภท เช่น ประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย
ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม
ตามร่างประกาศฉบับนี้
ห้ามใช้ประโยชน์เพื่อกิจการโรงงานทุกจำพวกตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน
เว้นแต่โรงงานตามประเภท ชนิด
และจำพวกที่กำหนดให้ดำเนินการได้ตามบัญชีท้ายประกาศนี้ อย่างไรก็ตาม
กิจการที่ไม่เข้าข่ายโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน (เครื่องจักรไม่ถึง ๕๐ แรงม้าหรือคนงานไม่ถึง
๕๐ คน) ยังสามารถดำเนินการได้ ดังนั้น
การพิจารณาอนุญาตจึงต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
และเป็นไปตามกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | รายงานสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัยในช่วงฤดูร้อนปี 2566 | พน. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัยในช่วงฤดูร้อนปี
๒๕๖๖ และแนวทางการช่วยเหลือประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย
โดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแก่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน
๓๐๐ หน่วยต่อเดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๖
กับให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแก่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน
๕๐๐ หน่วยต่อเดือน จำนวน ๑๕๐ บาทต่อราย ในรอบบิลเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานชี้แจงเพิ่มเติมว่า
๑.๑ กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศ
ในการคำนวณสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศที่ถูกต้องจะต้องคำนวณจากปริมาณกำลังการผลิตไฟฟ้าที่พึ่งพาได้จริง
(Dependable Capacity) ของโรงไฟฟ้าแต่ละประเภท (เช่น
โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์)
โดยไม่สามารถนำผลรวมของกำลังผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแต่ละประเภทดังกล่าวที่มีกำลังผลิตต่างกันมารวมกันเพื่อคำนวณเป็นสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองได้โดยตรง
โดยในปี ๒๕๖๕ ประเทศไทยมีสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองอยู่จริงที่ประมาณร้อยละ ๓๕-๓๖
เท่านั้น ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติ
เนื่องจากการเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ส่งผลให้การใช้ไฟฟ้าจริงในปีที่ผ่านมาลดลง
และทำให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี ในอนาคตความต้องการไฟฟ้าของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอันเป็นผลจากการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและการขนส่งมวลชนที่ใช้ไฟฟ้า
นอกจากนี้
เมื่อประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นก็จะมีส่วนทำให้ต้องมีสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองเพิ่มขึ้นด้วย ๑.๒ การเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ
ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาด/พลังงานหมุนเวียนเป็นเชื้อเพลิง
โดยดำเนินโครงการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวเพิ่มขึ้น ซึ่งมีต้นทุนต่ำและเป็นการรับซื้อไฟฟ้าที่ไม่มีค่าความพร้อมจ่าย
(Availability Payment) รวมทั้งเป็นการดำเนินการที่สนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี
ค.ศ. ๒๐๕๐ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. ๒๐๖๕
ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้ในเวทีโลกและเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า
โดยเฉพาะภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมที่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงสากลในการลดก๊าซเรือนกระจกซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องระบุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไฟฟ้าที่ใช้ผลิตสินค้าและบริการ
เพราะหากไม่ดำเนินการตามมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการไทยจะมีต้นทุนส่งออกที่สูงขึ้นและกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ทั้งนี้
ในการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศนั้นเป็นการดำเนินการเพื่อทดแทนกำลังผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่ปลอดระวางตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ
เพื่อรักษาความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งไม่ทำให้สัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศไทยเพิ่มขึ้น ๑.๓ อัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) ที่เพิ่มขึ้น
องค์ประกอบหลักของอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft)
ได้แก่ (๑) ค่าเชื้อเพลิง และ (๒) ยอดสะสมยกมาจากงวดที่ผ่านมา
รวมถึงภาระต้นทุนคงค้างของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
โดยในส่วนของค่าเชื้อเพลิงประเทศไทยต้องนำเข้าเชื้อเพลิงโดยอ้างอิงราคาในตลาดโลกเป็นหลัก
โดยในปี ๒๕๖๔ ราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น
ซึ่งภาครัฐได้พยายามตรึงอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม
เมื่อเกิดวิกฤตพลังงานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ทำให้ราคาเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นมากและไม่สามารถตรึงอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) ในภาพรวมต่อไปอีก จึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) เพื่อให้สะท้อนต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่แท้จริง อย่างไรก็ดี
รัฐบาลยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนแบบพุ่งเป้าอย่างต่อเนื่องต่อไป
แม้ว่าปัจจุบันราคาเชื้อเพลิงได้ปรับตัวลดลงบ้างแล้ว แต่การจัดหาเชื้อเพลิงต้องมีระยะเวลาในการส่งมอบสินค้า
(Lead Time) ทำให้ไม่สามารถปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ
(ค่า Ft) ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้
คาดว่าจะสามารถปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) ให้ลดลงได้ในช่วงปลายปี ๒๕๖๖ เป็นต้นไป สำหรับภาระต้นทุนคงค้างของ กฟผ.
ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการที่ กฟผ.
ได้ช่วยสนับสนุนการตรึงอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) มาอย่างต่อเนื่อง
จึงจำเป็นที่จะต้องทยอยจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างดังกล่าวให้กับ กฟผ.
เพื่อรักษาฐานะทางการเงินของ กฟผ. ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อไป
ในขณะที่สัดส่วนของค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment) ในอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติอยู่ที่ประมาณ
๑๐ สตางค์เท่านั้น ๒. ให้กระทรวงพลังงานนำแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้นเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งตามนัยมาตรา
๑๖๙ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม
๒๕๖๖ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓. ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | รายงานผลการกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB236A เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 | กค. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น
LB236A เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล
รุ่น LB236A
ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการพื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่จะครบกำหนดในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ วงเงิน ๓๐,๐๐๐
ล้านบาท โดยเป็นการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๖ ๒.
กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ครั้งที่ ๒ เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ภายในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖)
ต่อไปด้วยแล้ว
|