ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 6163 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 123243 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2568 | นร.04 | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
(GDP) ปี ๒๕๖๗ ขยายตัวเฉลี่ยเพียงร้อยละ
๒ ๕ แม้ว่าในช่วงตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๗ GDP มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
จากร้อยละ ๒.๓ เป็นร้อยละ ๓.๒ ในไตรมาสสุดท้าย แต่การขยายตัวของ GDP ปี ๒๕๖๗ ของไทย ยังต่ำกว่าการขยายตัวของ GDP ของประเทศเพื่อนบ้านอยู่พอสมควร
ดังนั้น เพื่อเร่งขับเคลื่อนให้ GDP ปี ๒๕๖๘ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ประมาณร้อยละ
๓ - ๓.๕ จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ
สำนักงาน ก.พ.ร. ธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งให้เชิญผู้แทนจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (กกร.)
เข้าร่วมด้วยเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้เหมาะสม ชัดเจน
และเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในระยะสั้น - ระยะกลางก่อนเป็นอันดับแรก
แล้วให้นำผลการพิจารณาดังกล่าวพร้อมมาตรการที่เกี่ยวข้องเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยด่วนในคราวประชุมครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุรีย์พร อินทุเศรษฐ และนายรัชภูมิ เวียงสิมา) | นร.06 | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวสุรีย์พร อินทุเศรษฐ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ
(นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๔
ตุลาคม ๒๕๖๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายราตรีสวัสดิ์ ธนานันต์) | ศธ. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายราตรีสวัสดิ์ ธนานันต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง) สำนักอำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม
(นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินเเบ่งรัฐบาล (พลเอก ยุทธเกียรติ ล้วนไพรินทร์) | กค. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลเอก ยุทธเกียรติ ล้วนไพรินทร์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านสังคม) ในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ขอลาออกจากตำแหน่ง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) เป็นต้นไป และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ตนได้รับแต่งตั้งแทน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | กษ. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่
จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลพะตง
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างโครงการคลองระบายน้ำคลองตง
และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าตามมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒
บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และยังประสงค์จะทำการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดต่อไป
ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานั้นจะสิ้นผลใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์) | กษ. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายวิศิษฐ์
ศรีสุวรรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี เมื่อวันที่ ๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ต่อไปอีก (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ถึงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๘ ทั้งนี้ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์
จะเกษียณอายุราชการวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์) | พณ. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางพิมพ์ชนก
พิตต์ฟีลด์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเอกอัครราชทูต
คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ณ นครเจนีวา
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี
เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๙
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | ขอความเห็นชอบอนุมัติใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติม และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม | มท. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติมอีก จำนวนเงิน ๓,๖๕๓.๗๒๑ ล้านบาท และพื้นที่ดำเนินการเพิ่มเติม
ในพื้นที่จังหวัดระนอง ทั้งนี้ ครัวเรือนที่จะได้รับความช่วยเหลือในกรณีนี้
จะต้องไม่เป็นครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี ๒๕๖๗
มาแล้ว
โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย
ผ่านธนาคารออมสิน ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุนลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป
รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๔/๒๘๙๙ ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่าใช้จ่ายที่มีแล้ว ให้ทันต่อสถานการณ์ และตรวจสอบการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยให้มีความชัดเจน
ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | ขอความเห็นชอบกรอบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา (พ.ศ. 2567-2571) | กค. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา
ในระยะ ๕ ปีแรก วงเงิน ๔๐๒.๘๑๘ ล้านบาท
โดยให้ใช้จ่ายจากเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ และกองทุนส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัย
และนวัตกรรม เป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอ
มอบหมายให้หน่วยงานผู้ดำเนินงานภายใต้แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีฯ ได้แก่
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
และกรมประมงเสนอขอรับจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
และ/หรือแหล่งเงินอื่นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงานที่รับผิดชอบต่อไป และมอบหมายให้กระทรวงการคลังนำขอบเขตงาน
ตัวชี้วัด และกรอบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา ในระยะ ๕
ปีแรก ดำเนินการเจรจาเงินกู้กับธนาคารโลก
พร้อมจัดทำรายละเอียดของเอกสารที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งให้หน่วยงานดำเนินงานภายใต้แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีฯ
สามารถดำเนินการควบคู่ไปกับการก่อสร้างโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาฯ
ของกรมทางหลวงชนบท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย ระยะที่ 11 (พ.ศ. 2567 - 2571) | มท. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย
ระยะที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๑) ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๓๒,๖๓๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.
และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงศึกษาธิการ เห็นควรนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการ
โดยการสร้างระบบออนไลน์ เช่น การรับสมัคร คู่มือ หรือการติดตามผู้เข้าร่วมโครงการ
เป็นต้น ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกำกับติดตามการดำเนินงานให้มีความสอดคล้องเพื่อมุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 | ปสส. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒
ครั้งที่ ๑๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่
๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการการดำเนินกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD | นร.11 สศช | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย และ เห็นชอบการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๑๓,๒๑๕,๙๙๖ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการการดำเนินกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ | มท. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์)
ในประเด็นการกำหนดสายการบินในการขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ จาก กำหนดให้สายการบินแห่งชาติที่รัฐบาลประเทศชาอุดีอาระเบียมอบหมาย
และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
รับผิดชอบในการขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทยแบบเช่าเหมาลำตามความตกลงระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยกับกระทรวงฮัจย์และอุมเราะห์
และกรมการบินพลเรือนซาอุดีอาระเบีย ที่จะมีขึ้นในแต่ละปี ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.
๒๕๖๒ เป็นต้นไป เป็น การขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทยให้ดำเนินการตามความตกลงระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยกับกระทรวงฮัจย์และอุมเราะห์
และสำนักงานการบินพลเรือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียที่จะมีขึ้นในแต่ละปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ เมษายน ๒๕๖๔ (เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์)
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย
คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าในการทำความตกลงให้คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยกับกระทรวงฮัจย์และอุมเราะห์
และสำนักงานการบินพลเรือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียที่จะมีขึ้นในแต่ละปี ตั้งแต่ปี
พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป ควรคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดต่อผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทย และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568) | ปสส. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์
๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่
..) พ.ศ.
.... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช และพัทลุง) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2568 และวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 | นร.11 สศช | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
(สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช และพัทลุง) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๐
มกราคม ๒๕๖๘ และวันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และเห็นชอบในหลักการโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
ของข้อเสนอโครงการที่มีความพร้อมและดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ๑ ปี ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
จำนวน ๒๓ โครงการ กรอบวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้สำนักงบประมาณพิจารณาความพร้อม
ความคุ้มค่าของโครงการและความเหมาะสมของวงเงินตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และเห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอกลุ่มจังหวัดฯ ของภาคเอกชน จำนวน ๑๒
โครงการ กรอบวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำข้อเสนอโครงการ
โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างรอบคอบ
โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอกลุ่มจังหวัดฯ
ของภาคเอกชน ในส่วนที่เหลือจำนวน ๒๑ โครงการ
เพื่อบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติที่ประชุมฯ ไปพิจารณาเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยรับงบประมาณที่เป็นเจ้าของโครงการดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | ข้อเสนอโครงการของจังหวัดเพื่อฟื้นฟูซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค สาธารณูปการ ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ชายแดน | นร.11 สศช | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการจังหวัดเพื่อฟื้นฟูซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค
สาธารณูปการ ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ ๓ จังหวัดภาคใต้ชายแดน
ที่เห็นควรสนับสนุน จำนวน ๒๒ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๓๐๔,๗๙๕,๔๐๐ บาท โดยให้จังหวัดยะลา
จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี ขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้สำนักงบประมาณตรวจสอบความซ้ำช้อนของโครงการและงบประมาณต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
โดยในส่วนของงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดยะลา
จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยให้จังหวัดจัดทำโครงการและรายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบถ้วน
พร้อมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ
ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการดำเนินโครงการตามข้อเสนอดังกล่าว
ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาสายพันธ์ุกุ้งเพื่อการส่งออกของประเทศไทย | นร.04 | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา
เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ได้เข้าเยี่ยมชมกิจการของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลประเภทต่าง
ๆ แห่งหนึ่งที่อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ทำให้ทราบถึงประเด็นปัญหาและข้อเสนอของภาคเอกชนหลายประการ
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง
และการเพาะเลี้ยงกุ้ง อย่างจริงจัง
รวมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้เกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงกุ้งได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี
เพื่อฟื้นฟูความเข้มแข็งด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งเพื่อการส่งออกของไทยที่เคยเป็นอันดับต้น
ๆ ของโลกให้กลับคืนมาอีกครั้ง ทั้งนี้
ให้จัดทำรายละเอียดของแผนงาน/โครงการเพื่อการดำเนินการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น
แล้วเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขั้นตอนเพื่อดำเนินการต่อไปโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | การเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา | นร.04 | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จังหวัดสงขลามีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยว
รวมถึงการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ (Cruise) ด้วย จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญที่มีมาตรฐานรองรับการท่องเที่ยวทางทะเล
เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจจากการนำเรือสำราญและนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ในพื้นที่เพื่อส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่และท้องถิ่นต่าง ๆ
ของจังหวัดสงขลาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ น่าดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว
และสามารถยกระดับไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลกได้ต่อไป ทั้งนี้ มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นเจ้าภาพและเป็นศูนย์กลางการประสานการดำเนินงานดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | รายงานผลการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว | นร. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล)
รายงานว่า ตามที่รัฐบาล (สำนักนายกรัฐมนตรี) ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
(พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
และเนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ในปี
๒๕๖๘ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๔
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ รวมระยะเวลา ๗๓ วัน นั้น
ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมีประชาชนเข้าร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)
เป็นจำนวนมาก รวมทั้งสิ้น ๒,๙๙๓,๗๓๗ คน และเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์
๒๕๖๘ ได้จัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกลับคืนสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน
รวมทั้งได้ลงนามส่งมอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นับได้ว่าการจัดงานดังกล่าวข้างต้นได้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งไว้ทุกประการ ทั้งนี้
ฝ่ายจีนได้แสดงความชื่นชมและประทับใจกับการดำเนินงานของฝ่ายไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์อันดีให้กับประเทศไทยและแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศอย่างชัดเจนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ปี 2567 | นร. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มาลรวมภายในประเทศ
(GDP) ไตรมาสที่สี่ของปี
๒๕๖๗ ทั้งปี ๒๕๖๗ และแนวโน้มปี ๒๕๖๘ ไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ นั้น จะเห็นว่า
GDP ในไตรมาสที่สี่ของปี
๒๕๖๗ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยขยายตัวร้อยละ ๓.๒
เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าซึ่งขยายตัวร้อยละ ๓
สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการตลอดมาเกิดผลดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีหลายประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น
แต่จำนวนการใช้กำลังการผลิตในประเทศ (Capital Utlization) กลับลดลง
จึงขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับเรื่องนี้ไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งดำเนินมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยด่วนที่สุด
|