คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อควบคุมโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ ตามข้อมูลที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ พร้อมขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในวงเงินงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น ๔๒๙,๗๕๗,๘๓๑ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ ประกอบด้วย ๑) ค่าจัดซื้อวัคซีนโรคลัมปี สกิน ชนิดเชื้อเป็น จำนวน ๗,๘๕๐,๐๐๐ โด๊ส เป็นเงิน ๔๒๑,๐๒๐,๐๐๐ บาท และ ๒) ค่าจัดซื้อวัสดุวิทยาศาสตร์เพื่อการแพทย์สำหรับฉีดวัดซีนและการรักษา จำนวน ๘,๗๓๗,๘๓๑ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๐๗/๘๗๑๙ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้
สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์นำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีโดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นผู้กำกับแผนงานบูรณาการกรณีเป็นการดำเนินการภายใต้แผนงานบูรณาการ แล้วแต่กรณี ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและเฝ้าระวังการเคลื่อนย้ายโคและกระบือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคและการลักลอบนำเข้าโคและกระบืออย่างผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันการระบาดของโรคในวงกว้าง พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกรรายย่อย เพื่อให้การควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล) เสนอว่า กระทรวงการคลังขอแก้ไขชื่อ “องค์กรการค้ำประกันเครดิต [General Credit Guarantee Facility (GCGF)]” เป็น “สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency : NaCGA)”
๒. เห็นชอบหลักการของร่างแนวคิดการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ มีสาระสำคัญ เช่น GCGF มีสถานะเป็นนิติบุคคลที่เป็นหน่วยงานของรัฐ โดยไม่เป็นทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจและจะทำหน้าที่หลักในการค้ำประกันสินเชื่อและธุรกรรมต่าง ๆ ของทั้งสถาบันการเงินและ Non - banks รวมถึงค้ำประกันหลักทรัพย์และการออกหลักทรัพย์ ให้ความรู้และคำปรึกษาทางการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจ และจัดทำฐานข้อมูลความเสี่ยงด้านเครดิต เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น วิธีและรูปแบบการค้ำประกันจะเน้นการค้ำประกันโดยตรง (Direct Guarantee) โดย GCGF เป็นผู้ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้และเป็นผู้รับผิดชอบขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ำประกันทั้งหมด สำหรับแหล่งเงินทุน ของ GCGF ประกอบด้วย ๑) เงินสมทบจากรัฐบาล ๒) เงินสมทบจากผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อ และ ๓) เงินบริจาค และแหล่งรายได้ ประกอบด้วยค่าธรรมเนียมการค้ำประกันและค่าธรรมเนียมและค่าบริการอื่น ๆ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น
สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงการคลังจัดทำแผนการดำเนินการ โดยแสดงแหล่งเงินทุนที่จะใช้สำหรับการดำเนินการของ GCGF ให้ครอบคลุมและเหมาะสม เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในอนาคต
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
๑. นายณัฏฐา พาชัยยุทธ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๖
๒. นายธนศักดิ์ มังกโรทัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงสาธารณสุขให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๓ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการ สับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางอัมพร เบญจพลพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอนามัย
๒. นายสุรโชค ต่างวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
๓. นายทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์
๔. นายภานุมาศ ญาณเวทย์สกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมโรค
๕. นายกิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสุขภาพจิต
๖. นายภานุวัฒน์ ปานเกตุ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
๗. นายสมกฤษ์ จึงสมาน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๘. นายภูวเดช สุระโคตร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
๙. นายมณเฑียร คณาสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
๑๐. นายศักดา อัลภาชน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
๑๑. นายวีรวุฒิ อิ่มสำราญ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
๑๒. นายปรีชา เปรมปรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
๑๓. นางสาวสุภัทรา บุญเสริม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา รวม ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ
๒. ศาสตราจารย์พิเศษทศพร ศิริสัมพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๓. นายสุภัทร จำปาทอง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๔. ศาสตราจารย์พิริยะ ผลพิรุฬห์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๕. นายพิศณุ ศรีพล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๖. ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๗. ศาสตราจารย์สุรินทร์ คำฝอย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย