ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 6189 หน้า แสดงรายการที่ 41 - 60 จากข้อมูลทั้งหมด 123771 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
41 | ผลการพิจารณา เรื่อง ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
42 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2567 | มท. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑,๔๑๘,๐๑๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน
สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม ๒๕๖๗ ถึงเดือนธันวาคม ๒๕๖๗
โดยเป็นกรอบวงเงินของการไฟฟ้านครหลวง วงเงิน ๒๒๒,๙๖๐,๐๐๐ บาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วงเงิน ๑,๑๙๕,๐๕๐,๐๐๐ บาท
และให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเบิกจ่ายเงินจากสำนักงบประมาณต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงพลังงาน เห็นว่าการใช้จ่ายเงินงบประมาณดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่การไฟฟ้าทั้ง
๒ แห่ง ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
43 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เพิ่มเติม | สผ. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
รายการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เพิ่มเติม ๓๗๓,๘๘๗,๗๒๐.๐๐ บาท ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
และให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาในรายละเอียดตามความจำเป็นและเหมาะสมและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา
โดยพิจารณาแหล่งรายรับอื่น ๆ เพื่อให้กองทุนมีงบประมาณที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา
ลดการพึ่งพาเงินจากงบประมาณเพียงแหล่งเดียว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาระต่องบประมาณในระยะยาว
รวมถึงกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
44 | การรับรอง (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายและความมั่นคงข้ามชาติ ครั้งที่ 5 | นร.08 | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ไทยรับรอง
(ร่าง) แถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายและความมั่นคงข้ามชาติ ครั้งที่ ๕ และให้
นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวดำเนินการรับรอง
(ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ต่อไป โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นการก่อการร้ายและการเผยแพร่แนวคิดสุดโต่งที่นิยมความรุนแรงในภูมิภาค
โดยเฉพาะการเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ในกลุ่มเยาวชน รวมทั้งสถานการณ์ภัยคุกคามในภูมิภาคที่มีแนวโน้มขยายตัวและมีความรุนแรงมากขึ้น
เช่น การโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ การค้ามนุษย์ ความมั่นคงทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นควรปรับแก้ชื่อเรียกเอกสารจาก “แถลงการณ์ร่วม” เป็น “ถ้อยแถลงร่วม” (Joint Statement) เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อเรียกภาษาอังกฤษ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง)
แถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
45 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตควบคุมศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตควบคุมศุลกากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตควบคุมศุลกากร
พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกำหนดให้เขตท้องที่อำเภอเชียงของ และอำเภอเวียงแก่น
เฉพาะในท้องที่ตำบลม่วงยายและตำบลหล่ายงาว จังหวัดเชียงราย และอำเภอภูซาง
เฉพาะในท้องที่ตำบลภูซาง จังหวัดพะเยา เป็นเขตควบคุมศุลกากรเพิ่มเติม เนื่องจากเขตท้องที่ดังกล่าวมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศอื่นทำให้มีการนำของเข้ามาในราชอาณาจักรหรือส่งออกนอกอาณาจักรเป็นจำนวนมาก
และเนื่องจากสภาพภูมิประเทศทำให้ยากต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมทางศุลกากร
จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดให้ท้องที่ดังกล่าวเป็นเขตควบคุมศุลกากรเพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับศุลกากร
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าการเดินเรือในแม่น้ำ ลำคลอง
ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และข้อบังคับเกี่ยวกับการเดินเรือตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านไทย
พ.ศ. ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพของการตรวจสอบการลักลอบนำเข้าสินค้าควบคู่ไปด้วย
และประชาสัมพันธ์ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวอย่างทั่วถึง
เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นจากการประกอบการของผู้ประกอบการ/ประชาชนในพื้นที่ที่มีการกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
46 | ขออนุมัติปรับกรอบวงเงินลงทุนและจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติมเพื่อรองรับสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน | คค. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน เพิ่มเติม
ในส่วนของงานที่เกิดจากคำสั่งเปลี่ยนแปลงงานเพิ่มเติม (Variation Order : VO) ค่าใช้จ่ายจากการขยายระยะเวลาของสัญญาจ้าง
(Prolongation Cost) และเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง K
(Price Adjustment) โดยไม่รวมในส่วนของดอกเบี้ยจากการจ่ายค่างานล่าช้า
ซึ่งมิใช่ต้นทุนโดยตรงของโครงการฯ
รวมถึงแหล่งเงินเพื่อจ่ายค่างานที่เพิ่มขึ้นในโครงการฯ และการจัดหาแหล่งเงิน ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย
มาตรา ๓๙ (๔) และอนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทยปรับกรอบวงเงินโครงการฯ
เพิ่มเติมกรณีที่เกิดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน หรือกรณีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการเปลี่ยนแหล่งเดิมหรือการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าภาษีมูลค่าเพิ่มจากที่ประกาศไว้ในประมวลรัษฎากร
รวมทั้งให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับเพิ่มวงเงินโครงการฯ ก่อนดำเนินการต่อไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๓.
ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งรัดการดำเนินการชำระหนี้สำหรับสัญญาที่ ๑
ตามคำพิพากษาศาลปกครองให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อลดภาระดอกเบี้ยล่าช้าที่เกิดขึ้นวันละ ๙๙๖,๗๕๙.๙๔ บาท และให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง
การกำหนดมาตรการ/แนวทาง การกำกับดูแล
และการทบทวนระเบียบและหลักเกณฑ์ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยใช้ในการบริหารโครงการฯ รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการอย่างเหมาะสม
เพื่อควบคุมต้นทุนโครงการให้เป็นไปตามกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้
และไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังและภาระงบประมาณของภาครัฐเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งนี้
โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทยปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการ
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการกู้เงินจะต้องพิจารณาดำเนินการกู้เงินให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะโดยเคร่งครัด
และต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
47 | มาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ | อก. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่
ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณามาตรการฯ
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ๑) ช่วงการสำรวจแร่ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หารือร่วมกันเพื่อจัดทำประกาศหรือกำหนดระเบียบเกี่ยวกับพื้นที่รัฐจัดสรร หรือออกให้ประชาชนเพื่อทำการเกษตรกรรม
เช่น ที่ดิน ส.ป.ก. หรือที่ดิน ส.ป.ก.๔ - ๐๑ ให้เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับการสำรวจแร่และการทำเหมืองทุกชนิด
๒) ช่วงการประทานบัตร เช่น ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาแก้ไขประกาศ ระเบียบที่เกี่ยวกับการรับฟังความเห็น
โดยให้ประชาชน นักวิชาการ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนภายนอกพื้นที่สามารถเข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นและคัดค้านได้
และ ๓) กระบวนการอนุญาโตตุลาการให้กระทรวงการต่างประเทศบรรจุคำนิยามของ “ประโยชน์สาธารณะ”
ให้ชัดเจนครอบคลุมถึงกรณีที่มีการยุติสัญญาเมื่อเกิดปัญหาการทุจริตหรือปัญหาสิ่งแวดล้อมสุขภาพอนามัยไว้ในข้อตกลงการลงทุนระหว่างประเทศ
ประเภทต่าง ๆ เช่น ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจของแต่ละหน่วยงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
48 | ขอความเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยปรับเพิ่มเงินสวัสดิการพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการจ่ายเงินสวัสดิการพิเศษเพิ่มเติมให้กับผู้ปฏิบัติงานที่มีสำนักงานอยู่นอกพื้นที่เสี่ยงภัย แต่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ | คค. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
49 | โครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) | คค. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
50 | ขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อให้กรมชลประทาน ดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดน่าน | กษ. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
51 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการหรือหน่วยงานอย่างอื่น หรือในระดับต่ำลงไป ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กรณีการจัดตั้งสถานีตำรวจทางหลวง 3 และสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง และส่วนงานความเห็นทางคดีอาญา ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง | ตช. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
52 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 เพิ่มเติม | กษ. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า
ในการเสนอเรื่อง ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย
ปี ๒๕๖๗ เพิ่มเติม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการตามกระบวนการของระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว
โดยได้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย
และดินโคลนถล่มเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงบประมาณดำเนินการขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้ว ๒. อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
พ.ศ. ๒๕๖๘ วงเงิน ๑,๓๐๙,๗๖๒,๗๘๒ บาท เพื่อดำเนินแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๖๗
เพิ่มเติม ประกอบด้วย ๑) โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ปี ๒๕๖๗
วงเงิน ๔๖๑,๐๙๘,๑๐๐ บาท และ ๒)
โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี ๒๕๖๗ วงเงิน ๘๔๘,๖๖๔,๖๘๒ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๗/๕๖๕๖
ลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาถึงศักยภาพและความพร้อมของเกษตรกรและพื้นที่ดำเนินโครงการฯ
ภายใต้โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๖๗ เพิ่มเติม โดยส่งเสริมให้เกิดการปรับรูปแบบการผลิตให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และลักษณะของการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ
โดยนำบทเรียนของการปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ประสบภัยพิบัติในพื้นที่อื่น ๆ
ที่ดำเนินการประสบผลสำเร็จมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่
พร้อมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการผลิต แปรรูป และการตลาดที่จำเป็นให้กับเกษตรกร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
53 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เรื่อง การทบทวนแนวปฏิบัติการดำเนินการภายในของไทยในการพิจารณาให้ความเห็นชอบเอกสารในกรอบอาเซียน | กต. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. เห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖
กรกฎาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
การทบทวนแนวปฏิบัติการดำเนินการภายในของไทยในการพิจารณาให้ความเห็นชอบเอกสารในกรอบอาเซียน)
เพื่อปรับปรุงขยายขอบเขตให้ครอบคลุมประเภทเอกสาร และเงื่อนไขใหม่ โดยหากเข้าข่ายตามเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบของไทย
โดยไม่ต้องนำเอกสารดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๔ (๓)
ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘
โดยมีรายละเอียดครอบคลุมเอกสารต่าง ๆ รวม ๓ รายการ ดังนี้ ๑ ๑
เอกสารระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอกที่เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในนามอาเซียน
ในฐานะองค์การระหว่างประเทศระดับรัฐบาล ซึ่งไม่ก่อพันธกรณีต่อประเทศสมาชิก ๑.๒
เอกสารระดับรัฐมนตรีลงมาของอาเซียน หรือระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก ๑.๓
ร่างหนังสือให้ความยินยอม (Letter of Consent) ต่อการภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia : TAC) โดยรัฐที่จะภาคยานุวัติสนธิสัญญา TAC ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รวบรวมผลการดำเนินการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ปีละ
๑ ครั้ง หลังการประชุมสุดยอดอาเซียน การประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องในช่วงปลายปี
หรือมากกว่าปีละ ๑ ครั้ง หากมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนหรือเหตุสำคัญที่จะต้องรายงานคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานรัฐเจ้าของเรื่องส่งเอกสารในกรอบอาเซียนให้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นชอบด้วยทุกครั้งก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่ามีเอกสารที่มีลักษณะเดียวกันในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศอื่น
ๆ เช่น กรอบอาเซียน + ๓ กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย - แปซิฟิค
กรอบพหุภาคีและกรอบทวิภาคีอื่น ๆ เป็นต้น
ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติครอบคลุมเอกสารเหล่านี้ด้วย
เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินการภายในของไทย ลดปริมาณงานที่ไม่จำเป็นแก่คณะรัฐมนตรี
และช่วยให้หน่วยงานของไทยสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงทีมากยิ่งขึ้น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าหน่วยงานที่ประสงค์จะทำความตกลงระหว่างประเทศจะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มกราคม ๒๕๖๗ ที่ให้หารือกับกระทรวงการต่างประเทศให้ถูกต้อง ชัดเจน ก่อนดำเนินการใด
ๆ และปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และกระทรวงการต่างประเทศจำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงได้รับด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
54 | รัฐบาลสาธารณรัฐกาบองเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐกาบองประจำประเทศไทย (นายล็องดรี อึมบูมบา) | กต. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายล็องดรี อึมบูมบา (Mr. Landry Mboumba) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐกาบองประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี สืบแทน นายกาโลส วิกเตอร์ บงกู (Mr.Carlos
Victor Boungou) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
55 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางฐิติพร จิระสวัสดิ์) | กต. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางฐิติพร จิระสวัสดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบัน (ผู้อำนวยการสูง) สถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ
สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครรราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา
สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
56 | การพิจารณาจัดทำงบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ | นร. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
57 | ขอความเห็นชอบการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย - ชิลี (TCFTA) | พณ. | 04/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบบัญชีกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า
[Product Specific Rules of Origin
(PSRs)] ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย
- ชิลี (TCFTA) ฉบับ HS 2022 และการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย
เพื่อดำเนินการแก้ไขภาคผนวก ๔.๒ (เรื่อง กฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า) ของความตกลง TCFTA และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทยข้างต้น
โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)
ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย
และให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้บัญชีกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลง
TCFTA ฉบับ HS 2022
เริ่มมีผลบังคับใช้ภายในครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๘ ซึ่งการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎ PSRs
ภายใต้ความตกลง TCFTA ประกอบด้วยพิกัดศุลกากรทั้งหมด
จำนวน ๕,๖๑๒ รายการ จากพิกัดศุลกากรเดิม (HS 2012) ที่มีอยู่จำนวน ๕,๒๐๕ รายการ โดยแบ่งออกเป็น ๓
กรณี ได้แก่ ๑) สินค้าที่พิกัดศุลกากรและกฎ PSRs ไม่เปลี่ยนแปลง
จำนวน ๔,๙๙๒ รายการ ๒) สินค้าที่พิกัดศุลกากรไม่เปลี่ยนแปลง
แต่กฎ PSRs เปลี่ยนแปลง จำนวน ๑ รายการ และ ๓)
สินค้าที่เปลี่ยนพิกัดศุลกากร และกฎ PSRs ใหม่ จำนวน ๖๑๙
รายการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบัญชีกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย
- ชิลี ฉบับพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ปี ๒๐๒๒ และหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ข้อมูลการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลง
TCFTA ฉบับ HS 2022
ให้แพร่หลายในวงกว้าง
เพื่อให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องรับทราบและใช้ในการอ้างอิงได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
58 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์และการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม กรณีเจ้าพนักงานของรัฐนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้าของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ โดยมิได้รับอนุญาต | ปช. | 04/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
59 | ขออนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับดำเนินโครงการเร่งรัดการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | มท. | 04/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
60 | (ร่าง) ข้อเสนอแก้ไขปัญหาการส่งออกทุเรียนไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน | สภช. | 04/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|