ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 6180 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 123594 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงสถานที่ฝึกซ้อม/แข่งขัน (กีฬาทางน้ำ) ภายในสนามกีฬาหัวหมาก เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) จากงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กก. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓๒๐,๒๖๘,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสถานที่ฝึกซ้อม/แข่งขัน
(กีฬาทางน้ำ) ภายในสนามกีฬาหัวหมาก
เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๓๓
พ.ศ. ๒๕๖๘ (ค.ศ. ๒๐๒๕) และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ ๑๓ พ.ศ. ๒๕๖๘ (ค.ศ. ๒๐๒๕)
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ที่ นร ๑๗๑๓/๓๖๕๗ ลงวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
โดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ขอให้การกีฬาแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดประกอบ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรจัดทำแผนบริหารจัดการปรับปรุงสถานที่อย่างรัดกุมและมีขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจน
ตลอดจนต้องมีการกำกับและควบคุมการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถปรับปรุงสนามแข่งขันให้ได้มาตรฐานแล้วเสร็จก่อนการแข่งขัน
และเปิดใช้งานได้ตามกำหนดแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่บริเวณสนามแข่งขันให้ครอบคลุมการพัฒนากีฬาทางน้ำในทุกมิติ
โดยเฉพาะการกำหนดนโยบายและแผนการสนับสนุนงบประมาณที่ชัดเจนสำหรับพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมกีฬาระดับนานาชาติ
รองรับกิจกรรมกีฬาและนันทนาการที่มีความหลากหลาย รวมทั้งพัฒนาแนวทางความร่วมมือกับภาคเอกชนในการประชาสัมพันธ์และสร้างรายได้เพื่อให้การดำเนินงานด้านการกีฬามีความยั่งยืนและก่อให้เกิดประโยชน์ทางตรงต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้มากขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | การจัดทำโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) ของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) | พม. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | ขอรายงานสรุปผลการดำเนินงานของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ในห้วงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 30 กันยายน 2567 | สกมช. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
ในห้วงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ - ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ รวมทั้งสิ้น ๑,๘๒๗ เหตุการณ์ โดยศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
ได้ดำเนินการติดตาม วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
เพื่อให้ความช่วยเหลือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกัน รับมือ
และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตามที่คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ประกอบด้วย ๑.๑
การกำกับกิจการพลังงาน เช่น ๑)
เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าบริการสำหรับโครงการขยายเขตไฟฟ้าไปยังพื้นที่เกาะ
๒) จัดทำโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง/ขยะอุตสาหกรรม/ที่เป็นผลพลอยได้จากการกำจัดมูลฝอย
และ ๓) ปรับปรุงวิธีการอุดหนุนอัตราค่าไฟฟ้าของกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่มีรายได้น้อยโดยกำหนดคุณสมบัติผู้ที่สมควรได้รับการช่วยเหลือบนพื้นฐานระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคมแทนการกำหนดคุณสมบัติด้วยปริมาณการใช้ไฟฟ้า ๑.๒
การบริหารจัดการกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เช่น ๑) อนุมัติจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการชุมชนในพื้นที่ที่
สกพ. ประกาศกำหนดให้เป็นพื้นที่ที่มีสิทธิได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ จำนวน ๘,๔๗๒ โครงการ วงเงิน ๔,๘๔๓.๐๗
ล้านบาท และ ๒) จัดสรรเงินเพื่อการศึกษาวิจัย จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๖.๒๔ ล้านบาท
ประกอบด้วย โครงการอุปกรณ์แชร์พลังงานสำหรับระบบไฟฟ้าที่ใช้พลังงานหมุนเวียนแบบผสมและโครงการศึกษาและเสนอร่างหลักเกณฑ์การนำน้ำทิ้งจากโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพไปใช้ประโยชน์
โดยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ๒. รายงานสถานะทางการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวณฐิณี สงกุมาร และนางสาวจิตตา กิตติเสถียรนนท์) | นร.12 | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวณฐิณี สงกุมาร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ
(นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ ๒. นางสาวจิตตา กิตติเสถียรนนท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ
(นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานจังหวัดสมุทรปราการและศาลแรงงานจังหวัดระยอง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ศย. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมถอนร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานจังหวัดสมุทรปราการและศาลแรงงานจังหวัดระยอง
พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ตามที่เสนอได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... | คค. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗
และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗
และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา
๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันศุกร์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๘ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา
ของวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๘ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางบนทางหลวงพิเศษในช่วงเทศกาลดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
โดยกรมทางหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กำหนดมาตรการหรือแนวทางในการบริหารจัดการจราจรและดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
และพิจารณาใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับเอกชนที่ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อแจ้งเตือนอุบัติเหตุบนถนน
อันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางของประชาชนให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว
และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | ร่างกฎกระทรวง ที่อาศัยอำนาจตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. 2550 รวม 9 ฉบับ | ดศ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ที่อาศัยอำนาจตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ รวม ๙ ฉบับ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑
ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. ....
เป็นการสำรวจตัวอย่างเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล เช่น รายได้ ค่าใช้จ่าย ภาวะหนี้สิน
ทรัพย์สิน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างภาวะการทำงานของประชากร
พ.ศ. ....
เป็นการสำรวจตัวอย่างเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนและคุณลักษณะของกำลังแรงงานในระดับประเทศและระดับภูมิภาค ๑.๓
ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างการย้ายถิ่นของประชากร พ.ศ. .... เป็นการสำรวจตัวอย่างเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการย้ายถิ่นของประชากร ๑.๔
ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างอนามัยและสวัสดิการ พ.ศ. .... เป็นการสำรวจตัวอย่างเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล
เช่น การได้รับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล การรับบริการทันตกรรม ๑.๕
ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. ....
เป็นการสำรวจตัวอย่างเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสถานการณ์ผู้สูงอายุ ภาวะสุขภาพ
และข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับผู้สูงอายุ ๑.๖
ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. ....
เป็นการสำรวจตัวอย่างเกี่ยวกับคุณลักษณะของครัวเรือน พัฒนาการของทารก สุขภาพของแม่
พัฒนาการของเด็ก ๑.๗
ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ. ....
เป็นการสำรวจตัวอย่างเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล เช่น พฤติกรรมการสูบบุหรี่
การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ๑.๘
ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... เป็นการสำรวจตัวอย่างเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนและลักษณะต่าง
ๆ ของประชากรที่มีงานทำแต่ไม่ได้รับความคุ้มครอง ๑.๙.
ร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างความพิการ พ.ศ. .... เป็นการสำรวจตัวอย่างเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความพิการข้อมูลพื้นฐานทางประชากรและสวัสดิการจากภาครัฐ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงแรงงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นว่าร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างประชากรสูงอายุในประเทศไทย
พ.ศ. .... ควรทบทวนบทนิยาม คำว่า “ผู้สูงอายุ” ให้สอดคคล้องกับมาตรา ๓
แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ และร่างกฎกระทรวงการสำรวจตัวอย่างความพิการ
พ.ศ. .... ควรเพิ่มบทนิยาม คำว่า “คนพิการ” ให้สอดคล้องกับมาตรา ๔
แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐
และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
และหน่วยงานสามารถนำข้อมูลจากการสำรวจไปดำเนินการวางแผนพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
รวมถึงการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูลในระบบสารสนเทศของประเทศ
เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการต่อไป กระทรวงแรงงาน เห็นว่าการเปลี่ยนถ้อยคำ จาก “แรงงานนอกระบบ”"
เป็น “แรงงานอิสระ” เป็นการสอดคล้องกับลักษณะหรือสภาพการทำงานที่แท้จริงของแรงงานประเภทนี้
๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ที่เห็นควรมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บข้อมูล
เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการ ควรคำนึงถึงความแตกต่างของชุมชน วิถีชีวิต วัฒนธรรม
และภูมิปัญญาของบริบทในแต่ละพื้นที่
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด ควรเพิ่มบทนิยาม คำว่า “ครัวเรือนสถาบัน”
“เด็ก” “การสูบบุหรี่” “แรงงานนอกระบบ” และควรเพิ่มเติมอายุขั้นต่ำของ “สมาชิกในครัวเรือน”
ที่มีอายุมากพอและเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับครัวเรือน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเนปาล | กก. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568) | ปสส. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๘
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568 | ปสส. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๘
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ ๑)
ร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะในท้องที่ตำบลดงเย็น
อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ให้แก่นางมี รักเสมอวงศ์ พ.ศ. .... ๒)
ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒
ครั้งที่ ๒๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ
วันพฤหัสบดีที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | การเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญ | นร. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลรายงานว่า
ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๘ ที่ประชุมได้มีมติ ๑. เห็นชอบบัญชีร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว
(Fast-track) ชุดที่ ๒ ได้แก่ ๑.๑
ร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ
พ.ศ. .... (กระทรวงแรงงาน) ๑.๓
ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กระทรวงพาณิชย์) ๑.๔
ร่างพระราชบัญญัติขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล พ.ศ. .... (กระทรวงยุติธรรม) ๑.๕
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ....
(กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๑.๖
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๑.๗
ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๑.๘
ร่างพระราชบัญญัติสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๑.๙
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. .... (กระทรวงพลังงาน) ๑.๑๐
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม พ.ศ. .... (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ๑.๑๑
ร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... (กระทรวงพาณิชย์) ๑.๑๒
ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กระทรวงอุตสาหกรรม) ๑.๑๓ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ....
(กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๑.๑๔
ร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมัน พ.ศ. .... (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) รวม ๑๔ ฉบับ
และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเสนอร่างพระราชบัญญัติในความรับผิดชอบโดยเร็วตามกรอบเวลา ๒.
เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด พ.ศ. ....
ซึ่งเป็นร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว
(Fast-track) ชุดแรก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วเห็นว่า
ยังไม่มีความจำเป็นต้องตรากฎหมายดังกล่าว
คณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลจึงเห็นควรให้ถอดร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวออกจากบัญชีร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว
(Fast track) ชุดแรกก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย | ดศ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศของรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนข้อมูลในสาขาดิจิทัล
เช่น (๑) ความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับนโยบายและการกำกับดูแลด้านดิจิทัล (๒)
ส่งเสริมความร่วมมือและการวิจัยในเทคโนโลยีอุบัติใหม่ เช่น AI และ (๓) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการและการฝึกอบรม ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
เห็นควรใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | ศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) เอกสารการเดินทาง (Travel Document: TD) และหนังสือเดินทาง (Passport) | รง. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล
(Certificate of Identity :
CI) เอกสารการเดินทาง (Travel Document :
TD) และหนังสือเดินทาง (Passport) ของทางการเมียนมา
โดยให้กระทรวงแรงงานเร่งประสานกับทางการเมียนมาเพื่อดำเนินการร้องขอในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการผ่านช่องทางการทูตให้ถูกต้องในแนวทางเดียวกับที่ผ่านมาก่อน
และหากไทยได้รับการร้องขอเรียบร้อยแล้ว ให้กระทรวงแรงงานหารือร่วมกับทางการเมียนมาเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการและรายละเอียดต่าง
ๆ ของการจัดตั้งศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล เอกสารการเดินทาง และหนังสือเดินทาง
ให้ชัดเจน เหมาะสม ก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็น ความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
หากการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องมีการขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในอนาคต
ก็ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดด้วย กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรให้มีการเก็บหลักฐานลายนิ้วมือและภาพถ่ายเพื่อเป็นการพิสูจน์และยืนยันตัวตนคนต่างด้าวในอนาคต
สำหรับใช้ในการพิสูจน์อัตลักษณ์ในการเข้ารับบริการสุขภาพ
และการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขของคนต่างด้าวต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
195 | ขออนุมัติแนวทางดำเนินการโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ของบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด | คค. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินงานโครงการบ้านเพื่อคนไทย
นำร่องระยะที่ ๑ จำนวน ๔ โครงการ ของกระทรวงคมนาคม โดยให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย กฎ
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) ธนาคารอาคารสงเคราะห์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าสิทธิของผู้เข้าร่วมโครงการนี้เป็นสิทธิการเช่าระยะยาว
(Leasehold) แต่โดยที่ปัจจุบันกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าอสังหาริมทรัพย์ทั่วไปยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับระยะเวลาการเช่าโดยกำหนดไว้ไม่เกิน
๓๐ ปี จึงอาจไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการที่มีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนมีสิทธิเช่าที่พักอาศัยในระยะยาว
(Leasehold) สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมของระบบการเช่าระยะยาว
(Leasehold) ในประเทศไทย
หากเห็นว่าสมควรที่จะปรับปรุงระบบการเช่าดังกล่าว ควรมอบหมายให้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาดำเนินการศึกษาศักยภาพการพัฒนาของที่ดินแต่ละแห่งอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ที่หน่วยงานรับผิดชอบได้มีการศึกษา/จัดทำไว้
เพื่อให้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายและรูปแบบที่อยู่อาศัยของโครงการมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทการพัฒนาพื้นที่
และควรประสานและบูรณาการกับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมจัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่
พร้อมกำหนดแนวทาง/แผนการรื้อย้ายในภาพรวม อาทิ กำหนดพื้นที่ดำเนินการ
ช่วงระยะเวลาดำเนินการ และมาตรการเยียวยาที่ชัดเจน
เพื่อเตรียมการรองรับการพัฒนาโครงการบ้านเพื่อคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการดำเนินโครงการจำเป็นต้องพิจารณาศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบการบริหารโครงการทั้งในส่วนของการจ้างเอกชน/รัฐวิสาหกิจอื่น
บริหารโครงการหรือดำเนินการเอง ซึ่งในกรณีที่บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด
จะดำเนินการเองจำเป็นต้องมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนประกอบพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
196 | ร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยการสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างไทย - อินเดีย | กต. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยการสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-อินเดีย
(Joint
Declaration on the Establishment of the Thailand-India Strategic Partnership) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ลงนามในเอกสารดังกล่าวร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินเดีย
โดยสาระสำคัญของร่างปฏิญญาฯ เป็นการยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
รวมทั้งกำหนดแนวทางในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียในอนาคตเพื่อเพิ่มโอกาส
เสริมสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นและตอบสนองต่อความท้าทายร่วมกัน เช่น (๑)
ความร่วมมือด้านการเมือง (๒) ความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคง
โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีทางการทหาร อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การวิจัย การฝึกอบรม
การแลกเปลี่ยน การฝึกซ้อม (๓) เศรษฐกิจ และความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น พลังงานหมุนเวียน ยานยนต์ไฟฟ้า
เทคโนโลยีดิจิทัล หุ่นยนต์ เทคโนโลยีสารสนเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตาม
ประเมินผล
และสื่อสารผลลัพธ์ของการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ไทยจะได้รับด้วย
รวมทั้งให้รวบรวมผลการปรับแก้ปฏิญญาร่วมฯ
กับผลการปรับแก้ความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น ๆ
พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง รายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
197 | ขอความเห็นชอบการขยายอัตราการจ่ายค่าตอบแทนใบประกอบโรคศิลปะของเภสัชกรให้แก่เภสัชกรที่เกี่ยวข้องขององค์การเภสัชกรรม เป็นอัตรา 10,000 บาท/คน/เดือน | สธ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายอัตราการจ่ายค่าตอบแทนใบประกอบโรคศิลปะของเภสัชกรให้แก่เภสัชกรที่เกี่ยวข้องขององค์การเภสัชกรรม
เป็นอัตรา ๑๐,๐๐๐ บาท/คน/เดือน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าในการพิจารณาเรื่องกล่าวให้คำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐประกอบด้วย เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา
๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงบประมาณ เห็นควรพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ
โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และมีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและไม่ก่อให้เกิดภาระแก่ประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
198 | การจัดทำร่างความตกลงทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเนปาล | วธ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างความตกลงทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเนปาล
(Cultural
Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government
of Nepal) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างความตกลง
โดยสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ มุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกันในสาขาต่าง
ๆ โดยเน้นกิจกรรมการแลกเปลี่ยนวิชาการ การแลกเปลี่ยนการเยือนของบุคลากร
การร่วมพัฒนาสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในด้านศิลปะและวัฒนธรรมระหว่างทั้งสองประเทศ
ซึ่งเป็นสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีจุดแข็งและส่งเสริมซึ่งกันและกันได้
และจะเป็นประโยชน์ในการช่วยส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกัน
ตลอดจนเสริมสร้างมิตรภาพและเพิ่มพูนความรู้ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
199 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายรวีภัทร์ จิรศักดิ์วัฒนา) | นร.04 | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายรวีภัทร์ จิรศักดิ์วัฒนา
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
200 | ผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุม Global Forum for Food and Agriculture ครั้งที่ 17 และการประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรเบอร์ลิน ครั้งที่ 17 ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | กษ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุม
Global Forum for Food and Agriculture ครั้งที่ ๑๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรเบอร์ลิน
ครั้งที่ ๑๗ (17th Berlin Agriculture Ministers’ Conference) ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ มกราคม ๒๕๖๘ ณ ศูนย์ประชุม City Cube Berlin กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. การประชุมระดับสูง ประกอบด้วย
การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior Officials’ Meeting : SOM) เพื่อจัดทำร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีฉบับสุดท้าย (Final communique) ซึ่งจะใช้เป็นเอกสารสำหรับพิจารณาและรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเกษตรเบอร์ลิน
ครั้งที่ ๑๗
โดยเน้นการดำเนินการเพื่อผลักดันการปฏิรูประบบเศรษฐกิจโลกไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืน
ยืดหยุ่น และครอบคลุม เพื่อบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable
Development Goals : SDGs) ภายในปี ๒๕๗๓
และการประชุมรัฐมนตรีเกษตรเบอร์ลิน ครั้งที่ ๑๗ ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบและรับรองเอกสารแถลงการณ์โดยไม่มีการลงนามแล้ว ๒. การหารือทวิภาคีต่างๆ ได้แก่ (๑)
เครือข่ายความร่วมมือของบริษัทและสมาคมธุรกิจด้านเกษตรกรรมของเยอรมนี [German
Agribusiness Alliance (GAA)] (๒) กระทรวงเกษตร ประมง
และป่าไม้แห่งเครือรัฐออสเตรเลีย (๓) กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น และ (๔)
กระทรวงเกษตร ประมง ความมั่นคงทางอาหาร และธรรมชาติแห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ๓.
การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเกษตรและอาหารระดับนานาชาติ (International
Green Week 2025 : IGW 2025)
|