ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 6163 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 123259 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ในเขตป่าที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาบริเวณจุดชมวิวผาพญากูปรีท้องที่ตำบลไพรพัฒนาอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ | มท. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ (เรื่อง
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำมูลและชีและข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ)
และวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๒ (เรื่อง ขอผ่อนผันใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ เพื่อก่อสร้างทางเพื่อความมั่นคง) เพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑
เอ เนื้อที่ ๑๔ ไร่ ๒ งาน
ในการดำเนินโครงการพัฒนาบริเวณจุดชมวิวผาพญากูปรี ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งดำเนินการตามพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาววรางคนา เวชวิธี) | สธ. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2567 | กค. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๗ สรุปได้ ดังนี้ ๑)
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑ - ๓ เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลางและสำหรับปี
๒๕๖๗ ๒) ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๗
เศรษฐกิจไทยโดยรวมขยายตัวและระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาสที่ ๑ และ ๒ อยู่ที่ร้อยละ -๐.๗๙ และ ๐.๗๘
ตามลำดับ ซึ่ง กนง. ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป มีแนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมายในไตรมาสที่
๔ ปี ๒๕๖๗ และ ๓) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงครึ่งแรกของปี
๒๕๖๗ เช่น (๑) กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๒.๕๐ (๒)
ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากสิ้นปี ๒๕๖๖ กนง. เห็นควรให้ติดตามพัฒนาการในตลาดการเงินและผลักดันการสร้างระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเลี่ยน
และ (๓) กนง. สนับสนุนให้ธนาคารแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน
และเห็นว่ากระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ควรเกิดขึ้นต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการที่สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนจัดการซากดึกดำบรรพ์ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 | ทส. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนจัดการซากดึกดำบรรพ์
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | ผลการพิจารณา เรื่อง ญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งเมืองหลวงแห่งที่ 2 ของประเทศไทย หรือการสร้างแนวป้องกันกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่ประสบปัญหากำลังจะจมบาดาล | มท. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณา เรื่อง
ญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งเมืองหลวงแห่งที่
๒ ของประเทศไทย หรือการสร้างแนวป้องกันกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ที่ประสบปัญหากำลังจะจมบาดาล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปผลการดำเนินงานได้ ดังนี้ ๑. ในส่วนของแผนการจัดน้ำที่ดี กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการจัดหาพื้นที่รองรับน้ำและกักเก็บน้ำเพิ่มเติมสำหรับแผนการจัดการน้ำในระยะกลางแล้ว
และมีแผนสร้างคันกั้นน้ำด้านตะวันออก และตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเพื่อการจัดการน้ำระยะยาวอีกด้วย ๒. ในส่วนของโครงสร้างการป้องกันชายฝั่ง กรุงเทพมหานครได้จัดทำโครงสร้างแบบแข็ง
(เขื่อนกันคลื่น/กำแพงกันคลื่น) และแบบอ่อน (เนินทราย/ป่าชายเลน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสาคร
และกระทรวงคมนาคมได้ร่วมมือกับรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยโดยเฉพาะระบบระบายน้ำ ๓. การย้ายเมืองหลวงจากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดนครราชสีมา
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า การสร้างแนวป้องกันกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล หรือดำเนินการเพิ่มเมืองศูนย์กลางระดับภาคและศูนย์กลางรองระดับภาคน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่า ๔. การศึกษาในเรื่องน้ำทะเลที่สูงขึ้นอันเกิดจากภาวะโลกร้อน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการศึกษาเพื่อวางแผนแก้ไขปัญหา เช่น การจัดทำ Sea barrier การขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการศึกษาแนวทางการป้องกันการรุกตัวของน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา
และการศึกษาการคาดการณ์อนาคต (Foresight) ระดับน้ำที่สูงขึ้นในแต่ละช่วงปี
เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาและควรศึกษาพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ๕. ความเหมาะสมของจังหวัดนครราชสีมาที่จะเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศไทย
โดยปัจจุบันกรมโยธาธิการและผังเมืองและกระทรวงคมนาคม ได้ศึกษาและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานแล้ว
ทั้งนี้ ควรมีการศึกษาด้านทรัพยากรน้ำในทุกมิติและศึกษาแนวทางการย้ายเมืองหลวงของประเทศอื่น
เป็นแนวทางและเทียบเคียงด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | การประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ค.ศ. 2023 (WRC - 23) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) | กสทช. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม
ค.ศ. ๒๐๒๓ (WRC - 23) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) มีสาระสำคัญเพื่อพัฒนา ส่งเสริม
สร้างความร่วมมือช่วยเหลือ
และเสริมสร้างกิจการโทรคมนาคม
รวมทั้งกำหนดการใช้คลื่นความถี่ในแต่ละย่านความถี่ของแต่ละภูมิภาค ซึ่งการประชุม WRC เป็นการประชุมในระดับนานาชาติภายใต้
ITU โดยจัดให้มีการประชุมทุก ๓ - ๔ ปี เพื่อพิจารณาแก้ไขปรับปรุงข้อบังคับวิทยุ (Radio Regulations)
ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดคลื่นความถี่และการกำกับดูแลการใช้วงโคจรดาวเทียม
เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ จากผลการศึกษาของ ITU และข้อเสนอต่าง ๆ ของประเทศสมาชิก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | การขยายระยะเวลาการต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวในลักษณะ MOU ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 | รง. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลาการต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวในลักษณะ MOU ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว เมียนมา
และเวียดนามซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ ๑๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..) ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา
และเวียดนามซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..) ๒.๓
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติลาวและเวียดนามตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
.... ๒.๔
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติลาวและเวียดนามตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
.... รวม
๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า โดยที่แนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่กระทรวงแรงงานได้เสนอมาในครั้งนี้
ซึ่งจะต้องมีการออกประกาศตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
และพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐
เพื่อให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อขออนุญาตทำงานให้ถูกต้อง และมิให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่จะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศ
และโดยที่การออกประกาศที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดผลดังกล่าวและเกิดความต่อเนื่องจึงมีกรอบระยะเวลาสำหรับการดำเนินการที่จำกัด
สมควรที่กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้พิจารณาและมีความเห็นในสาระสำคัญของร่างประกาศที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันตั้งแต่ในชั้นการเสนอร่างประกาศ
เพื่อประโยชน์ต่อการตรวจพิจารณาร่างประกาศดังกล่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | มาตรการป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตในกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายในที่ดินของรัฐ | มท. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการเรื่อง
มาตรการป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตในกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายในที่ดินของรัฐ
ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการฯ
และผลการดำเนินการและความเห็นในภาพรวม เช่น ๑) ให้กรมที่ดินเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาลดขั้นตอน
ระยะเวลาเกี่ยวกับกระบวนการอนุญาตที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน ๒)
กรมที่ดินอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย
พ.ศ. ๒๕๔๖ และ ๓) ให้จังหวัดแต่งตั้งคณะทำงานตรวจตรา ควบคุมดูแล
รับเรื่องร้องเรียนและตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อควบคุมดูแลให้การดำเนินการดูดทรายเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนดโดยเคร่งครัด
ประกอบกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๓๒ บัญญัติให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีหน้าที่และอำนาจเสนอมาตรการความเห็น
และข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีและเมื่อคณะรัฐมนตรีได้รับแจ้งมาตรการฯ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว
หากเป็นกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้ ให้แจ้งปัญหาและอุปสรรคต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ทั้งนี้
ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | ร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พน. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์หรือวิธีการติดตั้ง ถัง ท่อ
อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่าง ๆ และระบบท่อก๊าซธรรมชาติ
การจัดให้มีคู่มือวิธีปฏิบัติกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และการรายงานการเกิดอุบัติเหตุภายในสถานีบริการก๊าซธรรมชาติเพื่อประโยชน์แก่การป้องกันหรือระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญ
ความเสียหาย หรืออันตรายที่จะมีผลกระทบต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน
หรือสิ่งแวดล้อมจากการประกอบกิจการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งรัดการร่างกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ
(ฉบับที่ .) พ.ศ. .... ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และพิจารณาเพิ่มเติมนิยามของเหตุฉุกเฉิน
และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องดำเนินการตามข้อกำหนดในร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ข้อ ๔.๑/๑ ๔๑/๒ และ ๔๑/๓ ได้แก่
ผู้ประกอบกิจการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ และผู้รับใบอนุญาต ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย กระทรวงคมนาคม เห็นว่าหากการดำเนินการก่อสร้างสถานีบริการก๊าซธรรมชาติระบบท่อก๊าซธรรมชาติ และการดำเนินการก่อสร้างสิ่งอื่นใดที่เกี่ยวข้องที่เข้ามาอยู่ในเขตทางหลวงให้ดำเนินการขออนุญาตตามพระราชบัญญัติทางหลวง
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยผู้ขออนุญาตต้องคำนึงถึงผู้ใช้ทางเป็นหลัก กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่า “การฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง”
นับเป็นเรื่องที่ดีหากการซ้อมแผนข้างต้นเป็นไปด้วยความรัดกุมและรอบคอบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ (AMCA) ครั้งที่ 11 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองมะละกา มาเลเซีย | วธ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๑๑ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ เมืองมะละกา มาเลเซีย โดยผลการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเน้นย้ำบทบาทสำคัญของวัฒนธรรมและศิลปะในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมเพื่อส่งเสริมเอกภาพของอาเซียน
การนำเสนอแนวคิดการดำรงตำแหน่งประธานรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะของมาเลเซีย
รวมทั้งระบุถึงความร่วมมือที่สำคัญ เช่น
ความก้าวหน้าในการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ด้านวัฒนธรรมและศิลปะของอาเซียน (พ.ศ. ๒๕๕๙
- ๒๕๖๘) และการพัฒนาแผนปฏิบัติการฉบับใหม่และความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาภายใต้แผนงานอาเซียนบวกสาม
(สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี)
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุส่งเสริมวิสาหกิจและการประกอบอาชีพกรณีการส่งเสริมหรือสนับสนุนผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) และพัสดุส่งเสริมการผลิตภายในประเทศให้ผู้ประกอบการ
SMEs ได้แต้มต่อด้านราคาในการจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐ
แล้วแต่กรณี เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังขาดศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการทั่วไปให้สามารถจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ที่เห็นว่าในระยะต่อไปอาจพิจารณากำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการ
SMEs โดยวิธีการคัดเลือกแบบมุ่งเป้าตามบัญชีสินค้าและบริการที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมประกาศกำหนดเป็นรายปีโดยความเห็นชอบของกรมบัญชีกลาง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 56 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | กษ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร
สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรายงานการเงินแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | การเร่งรัดการดำเนินการเบิกจ่ายงบลงทุนของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ | นร. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการประชุมเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ และเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการ
และจะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในเดือนมีนาคม
๒๕๖๘ นี้ นั้น เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุน
สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็ว
อันจะส่งผลดีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับไปประสานกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุน ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
195 | การสรรหาพันธมิตรของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย | กค. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) โดยสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีความรู้
ความเชี่ยวชาญด้านการเงินตามหลักศาสนาอิสลามเพื่อเข้าร่วมลงทุนใน ธอท.
โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม
และให้ความสำคัญกับการให้บริการในทุกพื้นที่ที่มีชาวไทยมุสลิม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับ
ธอท. ในการให้บริการทางการเงินที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม
รองรับความต้องการของชาวไทยมุสลิมได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งกระทรวงการคลังจะไม่เพิ่มทุนใน
ธอท. โดยการสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนจะต้องไม่ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังใน
ธอท. ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ในช่วง ๑ ปี นับจากวันที่การสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนเสร็จสมบูรณ์
และพันธมิตรร่วมลงทุนจะต้องมีข้อเสนอเกี่ยวกับการดูแลพนักงาน ธอท.
ที่เหมาะสมและเป็นธรรม ขั้นตอนการสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนให้ดำเนินการให้เป็นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณารายละเอียดการถือหุ้น วิธีการ
ราคาและสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังที่เหมาะสม
โดยให้พิจารณาให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
196 | ขออนุมัติกู้เงินระยะสั้น (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน 1,500 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | คค. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน
รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม โดย รฟท.
จะดำเนินการกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ การขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงิน
ให้ รฟท. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำหรับเงินกู้ระยะสั้น
(วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง (หนังสือกระทรวงการคลัง
ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๙๐๔/๑๕๑๖๕ ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) สำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๙/๙๘๐ ลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๒๔/๑๐๗๖๐ ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการตามแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย)
เพื่อแก้ไขปัญหาองค์กรภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคมให้เห็นผลเป็นรูปธรรมตามแผนที่กำหนดไว้โดยเร็ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งปรับปรุงรายละเอียดของแผนฟื้นฟูกิจการและดำเนินการตามแนวทางของแผนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะด้านการหารายได้และการพัฒนาขีดความสามารถของกิจการ
รวมทั้งการพิจารณารายละเอียดและส่งมอบทรัพย์สินที่มีศักยภาพให้กับบริษัทลูกที่จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารสินทรัพย์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการขนส่งระบบราง
ให้มีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์
สามารถสร้างรายได้ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
197 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนด้านการพัฒนาสีเขียวระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | พน. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
198 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | สกพอ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
199 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | อว. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
200 | ขออนุมัติการลงนามในพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ กักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ
กักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน
ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานศุลกากรจีน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ
โดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการระบุหลักเกณฑ์ด้านการตรวจสอบและการกักกันโรคสำหรับผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกไปยังจีน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|