ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1325 จากทั้งหมด 6222 หน้า แสดงรายการที่ 26481 - 26500 จากข้อมูลทั้งหมด 124426 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 26481 | โครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก (ระยะที่ 2) | นร04 | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบการดำเนินการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก (ระยะที่ ๒) และงบประมาณเพื่อการดำเนินการดังกล่าว วงเงินรวม ๑๘๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามมติคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดซื้อจัดจ้างและการตรวจรับให้ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 26482 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อย ปี 2555 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี 2556 | กค | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ และข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ กบข. มีสินทรัพย์รวม จำนวน ๕๘๐,๗๕๐.๑๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๔๕ จากปี ๒๕๕๔ หนี้สินรวม จำนวน ๓,๖๑๘.๕๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๑๘ จากปี ๒๕๕๔ สินทรัพย์สุทธิรวม จำนวน ๕๗๗,๑๓๑.๖๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๔๖ จากปี ๒๕๕๔ รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๑๘,๗๑๐.๑๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๗๙ ล้านบาท จากปี ๒๕๕๔ กำไรจากการดำเนินงาน จำนวน ๑๖,๗๐๕.๐๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑,๐๘๙.๔๕ จากปี ๒๕๕๔ และผลประโยชน์สุทธิรวม ๓๕,๔๐๗.๘๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑๓.๑๕ จากปี ๒๕๕๔ ๑.๒ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การจัดส่งรายงานประจำปีให้ผู้แทนสมาชิกก่อนวันประชุม การแสดงผลตอบแทนของแต่ละแผนการลงทุนในใบแจ้งยอดที่จัดส่งถึงสมาชิก การให้สิทธิสมาชิกที่เกษียณอายุราชการเข้าถึง website เพื่อคำนวณเงินโดยที่ไม่ต้องใส่ Password และการเตรียมความพร้อมสำหรับสมาชิกที่เลือก undo (การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔) ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปประสานและเร่งรัดการรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของ กบข. และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ และปีต่อ ๆ ไปให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
| 26483 | การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนกองทุนความร่วมมืออาเซียนบวกสาม | กต | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเบิกจ่ายเงินเพื่ออุดหนุนกองทุนความร่วมมืออาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Cooperation Fund-APTCF) จำนวน ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งได้ตั้งงบประมาณไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 26484 | ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเขื่อนรัชชประภาประจำปี 2556 | พน | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเขื่อนรัชชประภา ประจำปี ๒๕๕๖ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ การกำหนดค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของเขื่อนหลักและเขื่อนย่อย จำนวน ๕ เขื่อน ของเขื่อนรัชชประภา เห็นควรประเมินตามข้อเท็จจริง โดยใช้เกณฑ์การกำหนดพื้นที่ของเขื่อนหลักและเขื่อนย่อยที่เป็นข้อสรุปร่วมกันระหว่างเทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับการกำหนดค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเขื่อนรัชชประภาประจำปี ๒๕๕๗ ซึ่งเทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลานได้ใช้เกณฑ์ดังกล่าว และคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้พิจารณาอนุมัติและได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว ๑.๒ การกำหนดค่ารายปีสนามกอล์ฟ เห็นควรใช้อัตราค่าเช่าตารางเมตรละ ๖ บาทต่อเดือน ตามแนวทางการประเมินของเทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลาน เนื่องจากอัตราดังกล่าวเป็นอัตราที่เทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลานประกาศใช้สำหรับปี ๒๕๕๖ ๑.๓ การกำหนดค่ารายปีเครื่องจักรที่เป็นส่วนควบ เห็นควรลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินในส่วนของอาคารโรงไฟฟ้าและเครื่องจักรที่เป็นส่วนควบ โดย ๑.๓.๑ เห็นควรลดค่ารายปีลงเหลือ ๑ ใน ๓ ให้กับค่ารายปีของอาคารโรงไฟฟ้าและเครื่องจักรตามวิธีการคำนวณของ กฟผ. เนื่องจากเทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลานลดค่ารายปีลงเหลือ ๑ ใน ๓ ให้แก่เครื่องจักรโดยไม่รวมถึงค่ารายปีของอาคารโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องกับมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ ที่กำหนดให้ลดค่ารายปีลงเหลือ ๑ ใน ๓ ของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้น รวมทั้งเครื่องจักรที่เป็นส่วนควบด้วย ๑.๓.๒ เห็นควรใช้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือนของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตามที่ กฟผ. เสนอ ในการคำนวณอัตราผลตอบแทนที่ใช้เทียบเคียงเพื่อประเมินค่ารายปีเครื่องจักรที่เป็นส่วนควบ เนื่องจากเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๓๓๗/๒๕๓๙ ที่พิพากษาว่า การใช้มูลค่าทรัพย์สินคูณด้วยอัตราผลตอบแทนที่เทียบเคียงมาจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร โดยที่ได้ลดมูลค่าของทรัพย์สินในส่วนที่เป็นเครื่องจักรลง และลดค่ารายปีลงเหลือ ๑ ใน ๓ ของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้น รวมทั้งส่วนควบดังกล่าวแล้ว ย่อมเป็นการประเมินค่ารายปีด้วยกฎเกณฑ์อันสมควรและมีเหตุผล ซึ่งในกรณีของ กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังมีข้อกำหนดให้ต้องฝากเงินกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ๒. เพื่อให้การประเมินค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเป็นระบบและมีมาตรฐานเดียวกัน จึงมอบให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจให้มีมาตรฐานเดียวกัน เป็นธรรม และมีผลบังคับใช้ทั่วไปกับทุกรัฐวิสาหกิจ และให้นำเสนอฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 26485 | การปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญา CITES และการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมาย | พณ | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการเชิญฝ่ายเลขานุการของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ซึ่งอาจรวมถึงประเทศ/องค์กรที่แสดงความกังวลต่อการดำเนินการที่ผ่านมาของไทย มาดูงานที่ประเทศไทย เพื่อรับทราบความก้าวหน้า พัฒนาการเชิงบวก และเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายควรถูกกำหนดเป็นวาระเร่งด่วนที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการและป้องกันไม่ให้มีการใช้มาตรการลงโทษทางการค้ากับไทยจากการไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามอนุสัญญา CITES และเสนอฝ่ายบริหารผลักดันการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่ไทยได้ตกลงในที่ประชุม Standing Committee ของอนุสัญญา CITES ครั้งที่ ๖๕ เมื่อวันที่ ๗-๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพรับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์เพื่อเร่งรัดการปรับปรุงแผนปฏิบัติการของประเทศในการป้องกันการค้างาช้าง (National Ivory Action Plan : NIAP) รวบรวมข้อมูลจัดทำรายงานความคืบหน้า (Progress Report) การปฏิบัติตาม NIAP ที่ประเทศไทยจะต้องรายงานภายในกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้นำรายงานเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยด่วน ก่อนถึงกรอบเวลาที่กำหนดดังกล่าวต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการนำเข้างาช้างและการค้างาช้างผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเข้มงวด ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งดำเนินการพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายในประเทศไทยให้แล้วเสร็จตามแนวทางที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้สั่งการไว้ และนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 26486 | ขอความเห็นชอบการร่วมรับรองเอกสารด้านเศรษฐกิจและท่าทีไทยสำหรับประเด็นสำคัญในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 46 | พณ | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร ASEAN Public Private Partnership (PPP) Framework ร่างเอกสาร ASEAN Qualification Referencing Framework (AQRF) ร่างเอกสาร Elements Paper for the Upgrade of the ACFTA และท่าทีไทยในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ วิสัยทัศน์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ (Post 2015 vision) การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) และการเจรจาเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ร่วมรับรองร่างเอกสารฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารฯ และท่าทีไทยในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติอีก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาประเด็นการเจรจาอย่างรอบคอบโดยเฉพาะมาตรการที่มิใช่ภาษีเพื่อให้ประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด การจัดทำเป้าหมายและแผนการดำเนินการให้มีรายละเอียดที่ชัดเจนและสามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพัฒนาร่วมกันได้อย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ การแสดงความพร้อมร่วมมือกับประเทศสมาชิกในการหาข้อสรุปร่วมกัน การจัดลำดับความสำคัญในประเด็นที่ระบุไว้ในเอกสารว่าด้วยหลักการทั่วไป (RCEP Guiding Principles) เพื่อให้การเจรจามีความก้าวหน้าต่อไปและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย รวมทั้งการพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบด้านและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการในประเทศรับทราบถึงผลดีและผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เห็นว่า การไปเจรจากับประเทศสมาชิกอาเซียนในครั้งนี้ ให้คำนึงถึงหลักความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และยึดหลักความเป็นธรรมและผลประโยชน์เท่าเทียมกัน รวมทั้งให้ดำเนินการตามข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ และวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ที่เห็นว่า ในการเจรจาหรือการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศให้พิจารณาดำเนินการโดยยึดถือผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของชาติในเวทีโลกเป็นหลัก และให้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการดังกล่าวให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย ๔. มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อจัดตั้งคณะทำงานด้านอาเซียนขึ้น โดยให้คณะทำงานชุดดังกล่าวมีหน้าที่รวบรวมผลการประชุมและผลการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับอาเซียนทั้งหมด รวมทั้งจัดทำแผนเตรียมความพร้อมในส่วนของประเทศไทยที่จะเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยให้ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ๓ ประการ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก และให้นำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติก่อนดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 26487 | โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าระยะที่ 12 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าระยะที่ ๑๒ ของ กฟผ. ในวงเงินลงทุนรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนประจำปี ๒๕๕๗ สำหรับโครงการฯ จำนวน ๗.๑ ล้านบาท ๒. ให้ กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้เพื่อดำเนินโครงการฯ ให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด การหลีกเลี่ยงดำเนินการในพื้นที่ที่จะเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่า C พื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือพื้นที่ที่มีความสำคัญทางทรัพยากรธรรมชาติ การศึกษาทางเลือกอื่นเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดต่อสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศ และทรัพยากรธรรมชาติที่อาจไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมหรือทดแทนได้ การบริหารจัดการการจัดซื้อที่ดินให้รอบคอบและมีประสิทธิภาพเพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน ภาระทางการเงินและผลกระทบที่อาจมีต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมโดยรวม การบริหารจัดการเรื่องการเงินและการลงทุนให้เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสอดรับกับแนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยน การให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินขององค์กรในระยะยาว การพิจารณาดำเนินงานโครงการให้สอดคล้องตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๓๗) และกลไกการดำเนินงานด้านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ การสำรวจและเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการ รวมถึงพิจารณาความเชื่อมโยงและความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและโครงการอื่นตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (Power Development Plan : PDP) ตลอดจนให้ความสำคัญกับแผนบริหารความเสี่ยงทั้งด้านการดำเนินงานและด้านการเงินให้สอดรับและรัดกุมเพื่อมิให้กระทบต่อผลการดำเนินงานในภาพรวมของหน่วยงาน การจัดลำดับความสำคัญของโครงการย่อยแต่ละโครงการเพื่อเร่งรัดการดำเนินงาน โดยเฉพาะโครงการย่อยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าและการเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง รวมทั้งมีแผนป้องกันความเสี่ยงและจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลทำให้การดำเนินโครงการมีความล่าช้า การบริหารและควบคุมการดำเนินโครงการฯ ให้มีต้นทุนที่ประหยัดมากที่สุด การพิจารณาทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงที่เหมาะสม และการจัดสรรงบประมาณไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓ ของกำไรสุทธิ เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๖ เรื่อง กรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 26488 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การเข้าร่วมงาน Universal Exhibition Milano 2015 | กษ | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การเข้าร่วมงาน Universal Exhibition Milano 2015 (Expo Milano 2015) ณ เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ถึง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยเป็นการสรุปผลการดำเนินงานในส่วนของการจ้างออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งอาคาร จัดนิทรรศการ รื้อถอน และการจัดการนิทรรศการ การดำเนินการออกแบบและก่อสร้างอาคารแสดงประเทศไทย การแต่งตั้งและการประชุมคณะกรรมการและคณะทำงาน รวมทั้งการเข้าร่วมประชุมกับองค์กรผู้จัดงาน (Expo Organizer) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ การเข้าร่วมงานดังกล่าวควรให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณและประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับด้วย โดยในส่วนของการจัดนิทรรศการ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในด้านงานวิจัย พัฒนา และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติทั้งดินและน้ำ และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สินค้าเกษตรและอาหาร สินค้าภายใต้โครงการหลวง และสินค้าไทยชนิดต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนและความประณีตพิถีพิถันในการผลิต เช่น โครงการหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงดำเนินการโครงการด้วยพระองค์เอง และโครงการมูลนิธิส่งเสริมศูนย์ศิลปาชีพซึ่งเป็นโครงการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเป็นผู้ก่อตั้งด้วยพระองค์เอง เป็นต้น รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม ประเพณี และคุณค่าของความเป็นไทยด้วย ๒. เมื่องาน Universal Exhibition Milano 2015 เสร็จสิ้นแล้ว ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายงานผลการดำเนินงานและประโยชน์จากการเข้าร่วมงานดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 26489 | การจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน | นร | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอเรื่อง การจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน มาเพื่อเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา นั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าเรื่องดังกล่าวได้เคยผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีมาครั้งหนึ่งแล้วในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ซึ่งพิธีสารดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการจัดทำหนังสือสัญญาที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ อย่างไรก็ตาม พิธีสารดังกล่าวอาจเข้าข่ายมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จึงมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน โดยเพิ่มเอกสารภาคผนวกเพื่อระบุขั้นตอนการแก้ไขรายการข้อสงวนเพื่อรองรับการแก้ไขรายการข้อสงวนใน ๓ กรณี คือ กรณีที่ ๑ การแก้ไขเพื่อเปิดเสรีเพิ่มเติมตามกำหนดเวลาในพิมพ์เขียวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) กรณีที่ ๒ การแก้ไขเพื่อเพิ่มเติมมาตรการที่ตกหล่นให้ครบถ้วนตามกฎหมาย ภายในระยะเวลา ๑๒ เดือน นับจากวันที่ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับ (ภายใน ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖) และกรณีที่ ๓ การแก้ไขให้มาตรการเข้มงวดขึ้นกว่าเดิมหลังความตกลงฯ มีผลใช้บังคับครบ ๑๒ เดือน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ ต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นในประเด็นข้อกฎหมายในเรื่องดังกล่าว หากยืนยันตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่หากเห็นว่าพิธีสารฯ ต้องเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็ให้แจ้งความเห็นมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน |
|||||||||||||||||||||
| 26490 | โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันตกและภาคใต้เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า | พน | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันตกและภาคใต้เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ในวงเงินลงทุนรวม ๖๓,๒๐๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนประจำปี ๒๕๕๗ สำหรับโครงการฯ จำนวน ๓.๒ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติให้ผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๗ วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ป่าชายเลน เพื่อให้ กฟผ. สามารถก่อสร้างสายส่ง ๕๐๐ เควี สุราษฎร์ธานี ๒-ภูเก็ต ๓ ซึ่งจะพาดผ่านพื้นที่ป่าชายเลน ๒. ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ ที่ กฟผ. จะต้องจัดทำแผนผังแสดงรายละเอียดของลักษณะทิศทางและแนวเขตในการวางระบบโครงข่ายพลังงานเสนอต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนการดำเนินการ และหากพื้นที่ที่ กฟผ. จะเข้าดำเนินการตามโครงการนั้น อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย หรือมติคณะรัฐมนตรีอื่นใด กฟผ. ต้องดำเนินการตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องนั้นด้วย และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนนำเสนอเพื่อขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการใช้พื้นที่ป่าชายเลนต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เคยสั่งการไว้แล้ว เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยคำนึงถึงการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอในแต่ละภูมิภาค การพัฒนาศักยภาพของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การพิจารณาทางเลือกในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในเขตพื้นที่ของรัฐ เช่น ในพื้นที่บริเวณเขื่อนต่าง ๆ รวมทั้งการพึ่งพาแหล่งพลังงานทดแทนอื่น ๆ ด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 26491 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2557 และแนวโน้มปี 2557 | นร11 | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๗ และแนวโน้มปี ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๗ ๑.๑ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๗ ขยายตัวร้อยละ ๐.๔ เมื่อเทียบกับการหดตัวร้อยละ ๐.๕ ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๗ และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๗ ขยายตัวจากไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๗ ร้อยละ ๐.๙ (QoQ_SA %) เมื่อรวมกับไตรมาสแรก เศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปี ๒๕๕๗ หดตัวร้อยละ ๐.๑ ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำร้อยละ ๑.๐ อัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่สองเท่ากับร้อยละ ๒.๕ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๑๓,๔๔๐ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๐.๔ ของ GDP ๑.๒ ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดินกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และทำให้ความเชื่อมั่นของภาคครัวเรือนปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๗ ๒.๑ เศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๗ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อในช่วง ๕ เดือนแรก การส่งออกฟื้นตัวช้า และปริมาณการผลิตและจำหน่ายรถยนต์หดตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกยังหดตัว ในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นปรับตัวดีขึ้น และการบริหารงานและการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ แต่การขยายตัวของเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มต่ำกว่าศักยภาพ เนื่องจากข้อจำกัดสำคัญ ๔ ประการ คือ (๑) การขยายตัวของการส่งออกยังมีข้อจำกัดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังล่าช้า และราคาสินค้าส่งออกลดลง (๒) การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวยังต้องใช้เวลาและตลาดท่องเที่ยวมีการแข่งขันมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเปลี่ยนจุดหมายการเดินทางท่องเที่ยว (๓) การขยายตัวของการลงทุนยังมีข้อจำกัดจากการใช้กำลังการผลิตที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และความล่าช้าในการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก และ (๔) การจำหน่ายและการผลิตรถยนต์ยังคงปรับตัวลงจากฐานการจำหน่ายที่สูงในปีก่อน อย่างไรก็ดี เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ๒.๒ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปี ๒๕๕๗ มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ ๑.๕-๒.๐ ปรับลดค่าการประมาณกรณีสูงลงจากร้อยละ ๒.๕ ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นร้อยละ ๒.๐ อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำในช่วงร้อยละ ๑.๙-๒.๔ ในขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะเกินดุลร้อยละ ๒.๖ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
| 26492 | การแต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (พลตรี ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์) | กค | 18/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งพลตรี ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ๒. กำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในอัตรา ๒๘๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน โดยในระหว่างอายุสัญญาจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ทุกวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ ๑๐ ของค่าตอบแทนที่ผู้รับจ้างได้รับ ตามผลการประเมินผลตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล สำหรับครั้งแรกจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยจะพิจารณาอัตราร้อยละการปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ให้ตามสัดส่วนระยะเวลาการปฏิบัติงานนับตั้งแต่วันที่ตกลงปฏิบัติงาน
|
|||||||||||||||||||||
| 26493 | รัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (นายพอล โรบิลลียาร์ด) | กต | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายพอล โรบิลลียาร์ด (Mr. Paul Robilliard) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายเจมส์ โจเซฟ ไวส์ (Mr. James Joseph Wise) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 26494 | รัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายคีริลล์ มีไฮโลวิช บาร์สกี (Mr. Kirill Mikhailovich Barsky) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายอะเล็กซานเดอร์ มารียาซอฟ (Mr. Alexander Mariyasov) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 26495 | ขออนุมัติถอดถอนกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลิทัวเนียประจำประเทศไทยที่พ้นหน้าที่และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลิทัวเนียประจำกรุงเทพมหานครคนใหม่ | สลธ.คสช. | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ถอดถอนนายวงศ์กุลพัทธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ออกจากตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลิทัวเนียประจำประเทศไทย ๒. แต่งตั้งนางนวลพรรณ ล่ำซำ (Mrs. Nualphan Lamsam) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลิทัวเนียประจำกรุงเทพมหานครคนใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมทั่วราชอาณาจักรไทย สืบแทนนายวงศ์กุลพัทธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
|
|||||||||||||||||||||
| 26496 | การแต่งตั้งข้าราชการ จำนวน 3 ราย (นางชุติมา หาญเผชิญ ฯ) | นร10 | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังนี้
๑. นางชุติมา หาญเผชิญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ (นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. ตั้งแต่วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ๒. นายภาณุ สังขะวร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ (นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. ตั้งแต่วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ๓. นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ (นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่รักษาการในตำแหน่งดังกล่าว และไม่ก่อนวันที่มี คุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
|
|||||||||||||||||||||
| 26497 | กรแต่งตั้งข้าราชการประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธรรมศักดิ์ ลออเอี่ยม) | กค | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายธรรมศักดิ์ ลออเอี่ยม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||
| 26498 | ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 รายการผูกพันงบประมาณ จำนวน 5 รายการ | มท | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๕ รายการ วงเงิน ๒๙,๑๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อนำไปชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค และค่าถอนคืนเงินค่าปรับ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ (เรื่อง การพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน อันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท) รวม ๓ รายการ จำนวน ๒๔,๕๘๒,๓๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการตามกฎหมาย ประกาศหรือคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน โดยขอให้ตรวจสอบค่าสาธารณูปโภคที่เกิดขึ้นจริงและมียอดค้างชำระ เนื่องจากค่าสาธารณูปโภคที่ขออนุมัติในครั้งนี้เป็นประมาณการค่าใช้จ่ายจนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ สำหรับค่าถอนคืนเงินค่าปรับจะต้องได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการหักรายรับจ่ายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ. ๒๕๕๐ ก่อน แล้วจึงขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
| 26499 | ขอรับความเห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงรายการงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่าย งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 (ว.53) | ตช | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้งบประมาณเหลือจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓๒๓,๙๓๕,๒๔๗.๑๘ บาท เพื่อนำไปชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ดำเนินโครงการ/รายการที่มีข้อผูกพันตามกฎหมายหรือได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ และเรื่องเร่งด่วนตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งเป็นโครงการ/รายการที่มีความพร้อม สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ภายในไตรมาส ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำหรับงบประมาณส่วนที่เหลือ จำนวน ๕๒๒,๓๘๐,๗๗๖.๘๒ บาท เห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาทบทวนความจำเป็นอีกครั้งหนึ่ง โดยอาจพิจารณานำไปใช้จ่ายในเรื่องเร่งด่วนตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยเฉพาะเรื่องการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะแรกของประเทศใน ๕ พื้นที่ชายแดน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้อย่างสมบูรณ์ในปี ๒๕๕๘ และหากมีงบประมาณเหลือจ่ายขอให้ส่งคืนสำนักงบประมาณในโอกาสแรก เพื่อจะได้นำไปใช้จ่ายในรายการที่จำเป็นเร่งด่วนอื่น ๆ ต่อไป ทั้งนี้ เห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและมาตรฐานของทางราชการด้วย ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อทบทวนและจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการขอรับการสนับสนุนอัตราการจัดยุทโธปกรณ์ (อจย.) เช่น ยานพาหนะ อาวุธประจำกาย วิทยุ/เครื่องมือสื่อสาร เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของกำลังพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพ รวมตลอดถึงการจัดทำโครงการด้านสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย เช่น ที่พักอาศัย เป็นต้น ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำเป็นโครงการที่มีข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนครบถ้วน พร้อมจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนเพื่อเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 26500 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณอาคารที่ทำการศาลปกครองสุพรรณบุรี | ศป | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบในหลักการให้เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลปกครองสุพรรณบุรี ทั้งนี้ ให้สำนักงานศาลปกครองสุพรรณบุรีรับไปพิจารณาร่วมกับจังหวัดสุพรรณบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาที่ดินแปลงใหม่สำหรับใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลปกครองสุพรรณบุรีให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นและไม่เป็นภาระต้องถมดินจำนวนมาก และให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
.....
