ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 341 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) | พม | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ปรับชื่อยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมจากเดิม “ยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙)” เป็น “แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙)” ๒. เห็นชอบในหลักการแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ซึ่งมุ่งเน้นให้คนไทยทุกคนเข้าถึงสิทธิในที่อยู่อาศัย มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพ โดยใช้เป็นกรอบในการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะยาว และเสริมสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายและครอบคลุมในทุกมิติ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนาและสนับสนุนให้มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน (๒) การเสริมสร้างระบบการเงินและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (๓) การยกระดับการบูรณาการด้านบริหารจัดการที่อยู่อาศัย (๔) การส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน และ (๕) การจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนแม่บทฯ ไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป โดยให้ยึดหลักการการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการและให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นลำดับแรก ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ๓. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การดำเนินโครงการแต่ละโครงการควรคำนึงถึงความต้องการอย่างแท้จริงของประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต และพิจารณาอาคารที่ได้ก่อสร้างไว้แล้วแต่มีผู้เข้าพักอาศัยไม่เต็มโครงการด้วย การกำหนดแผนงาน โครงการ แหล่งเงินในการดำเนินโครงการให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายตามความจำเป็นเร่งด่วน ความพร้อม และศักยภาพในการดำเนินงานของหน่วยงาน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญด้วย การถ่ายทอดระดับจากยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ ๒๐ ปี สู่การจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในแต่ละช่วงเวลา ๕ ปี โดยกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและมีตัวชี้วัดที่สามารถติดตามประเมินผลได้ และมีการจัดลำดับความสำคัญของแผนงานโครงการที่ตอบสนองตามเป้าหมายและจุดเน้นในแต่ละช่วงเวลา โดยพิจารณาดำเนินการทบทวนข้อมูลจำนวนผู้ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยทุก ๕ ปี และศึกษาแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับประเทศและจำแนกตามภูมิภาคให้ชัดเจน รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมเป็นไปได้และเตรียมแผนงานรองรับด้วยการจัดให้มีการศึกษาข้อกฎหมายต่าง ๆ และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติสำหรับแนวทางตามยุทธศาสตร์ที่เสนอให้นำพื้นที่ตาบอดออกสู่ตลาดที่ดิน และการจัดตั้งกองทุนที่อยู่อาศัย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. ในการดำเนินการตามโครงการภายใต้แผนแม่บทฯ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงความพร้อมและความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมาย สภาพ ขนาด และรูปแบบที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อม และเส้นทางการคมนาคม รวมทั้งพิจารณาความคุ้มค่าในการดำเนินการและการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงและทั่วถึง โดยอาจพิจารณาให้ภาคเอกชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ ทั้งนี้ ให้มีการพิจารณาจัดทำแผนการหารายได้จากอาคารเช่าที่ยังว่างอยู่ด้วย ๕. ในการกำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการตามแผนแม่บทฯ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐของกระทรวงการคลังที่เป็นปัจจุบันมาพิจารณาประกอบการดำเนินการ โดยให้ความสำคัญกับผู้มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนฯ เป็นลำดับแรก เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในด้านที่อยู่อาศัยได้อย่างทั่วถึงและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ๖. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการดำเนินการตามประเด็นสำคัญต่าง ๆ เช่น การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ การประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย การจัดตั้งกองทุนที่อยู่อาศัยแห่งชาติ การหักรายได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาสนับสนุนกองทุนที่อยู่อาศัยแห่งชาติ การจัดตั้งองค์กรระดับกระทรวงเพื่อดูแลรับผิดชอบด้านที่อยู่อาศัยเป็นการเฉพาะ เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่และงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของร่างกฎหมายวินัยการเงินการคลังด้วย ๗. เมื่อมียุทธศาสตร์ชาติแล้ว ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาทบทวนและปรับปรุงแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) อีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 342 | การทบทวนแผนปฏิบัติการเพื่อให้คลองแสนแสบสะอาดภายใน 2 ปี | นร | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนปฏิบัติการเพื่อให้คลองแสนแสบสะอาดของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งได้ปรับแผนภาพรวมการดำเนินการแบ่งออกเป็น ๓ ระยะ คือ ระยะ ๑ ปี ระยะ ๕ ปี และระยะ ๒๐ ปี และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ในระยะเร่งด่วนปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ให้เร่งรัดโครงการที่เกี่ยวกับการขุดลอกคลอง และการกำจัดวัชพืช รวมทั้งการระบายน้ำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมควบคู่ไปกับการเริ่มวางโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว และรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนงานทุก ๖ เดือนต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นรองประธานกรรมการ ๑.๒ ให้พิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการให้ภาคเอกชนร่วมลงทุน (PPP) ในโครงการขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณสูง โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ไขน้ำเสียเป็นการดำเนินการที่ใช้งบประมาณจำนวนมากทั้งในระยะ ๕ ปี (ก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสีย ๓ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๒,๖๑๑.๕๐ ล้านบาท ก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย ๕ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๑๕,๑๗๑ ล้านบาท และก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. ๓ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๒,๓๗๘.๘๐ ล้านบาท) และระยะ ๒๐ ปี (ก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย ๕ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๒๙,๔๒๐ ล้านบาท) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับปริมาณน้ำทิ้งที่ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อม ควรพิจารณาใช้มาตรการบำบัดที่แหล่งกำเนิด (point source control) จะประหยัดและมีประสิทธิภาพมากกว่ามาตรการรวบรวมน้ำเสียไปบำบัดยังโรงบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง สำหรับการเดินเรือในคลองแสนแสบซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มเติมอากาศในน้ำซึ่งเป็นผลดีต่อคุณภาพน้ำ ควรปรับปรุงเครื่องยนต์ให้เป็นรูปแบบที่สะอาดเพื่อลดมลพิษที่ปล่อยลงสู่ลำคลอง รวมทั้งควรพิจารณาแนวทางการเพิ่มการไหลเวียนของน้ำในคลองแสนแสบเพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำและลดการตื้นเขิน ส่วนการออกแบบเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กในบริเวณริมคลองสามารถใช้เป็นเส้นทางสัญจรตลอดแนวคลอง ควรออกแบบให้ชุมชนริมฝั่งได้ใช้ประโยชน์เพื่อกิจกรรมสันทนาการหรืออื่น ๆ ตามความต้องการของชุมชน และควรมีโครงสร้างที่เอื้อต่อการขุดลอกเพื่อกำจัดวัชพืชได้ดี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. เห็นชอบในหลักการโครงการที่ต้องเร่งรัดการดำเนินการเพื่อให้มีระบบการรวบรวมและบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพก่อนระบายลงคลองแสนแสบ ตามแผนปฏิบัติการเพื่อให้คลองแสนแสบสะอาด รวม ๕ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๗,๑๔๕.๔ ล้านบาท ได้แก่ (๑) งานก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสียเพิ่มเติมริมคลองแสนแสบช่วงถนนวิทยุ-คลองตันเข้าโรงควบคุมคุณภาพน้ำดินแดง (๒) โครงการก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสีย (เพิ่มเติม) พื้นที่เขตห้วยขวางเข้าโรงควบคุมคุณภาพน้ำดินแดง และ (๓) โครงการบำบัดน้ำเสียมีนบุรี ระยะที่ ๓ (๔) โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. พร้อมระบบรวบรวมน้ำเสียคลองแสนแสบจากบริเวณประตูระบายน้ำมีนบุรีถึงบริเวณประตูระบายน้ำหนองจอก และ (๕) โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองแสนแสบจากบริเวณสะพานผ่านฟ้าถึงบริเวณประตูระบายน้ำคลองตัน ๔. สำหรับแหล่งเงินและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามข้อ ๑ และข้อ ๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้ชัดเจน เหมาะสม สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ แผนบูรณาการ ภารกิจ และศักยภาพของหน่วยงานเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและการดำเนินการภายใต้กฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่า ลดความซ้ำซ้อน เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ โครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานครเป็นโครงการขนาดใหญ่และมีวงเงินลงทุนสูง เห็นควรให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของกรุงเทพมหานครไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ และเงินอุดหนุนรัฐบาลไม่เกินร้อยละ ๕๐ โดยให้นับรวมอยู่ในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๕. ในระยะเร่งด่วนปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับการขุดลอกคลอง และการกำจัดวัชพืช รวมทั้งปรับปรุงทางระบายน้ำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมควบคู่ไปกับการเตรียมการด้านโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว และให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทุก ๆ ๖ เดือน เพื่อรวบรวมนำเสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นรองประธานกรรมการ ต่อไป ๖. ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการให้ภาคเอกชนร่วมลงทุน (PPP) ในโครงการขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณสูง โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ไขน้ำเสีย ทั้งในระยะ ๕ ปี และระยะ ๒๐ ปี โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 343 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา (จำนวน 28 คน/รูป 1. นายอรรถการ ตฤษณารังสี ฯลฯ) | ศธ | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา จำนวน ๒๘ คน/รูป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ กันยายน ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายอรรถการ ตฤษณารังสี กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรเอกชน ๒. นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๓. นายวรชาติ เฉิดชมจันทร์ กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ๔. พระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) กรรมการที่เป็นภิกษุซึ่งเป็นผู้แทนคณะสงฆ์ ๕. พระราชวรมุนี (พล อาภากโร) กรรมการที่เป็นภิกษุซึ่งเป็นผู้แทนคณะสงฆ์ ๖. รองศาสตราจารย์วินัย ดะห์ลัน กรรมการที่เป็นผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ๗. นายปานชัย สิงห์สัจเทพ กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรศาสนาอื่น ๘. ศาสตราจารย์ชุติมา สัจจานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ๙. นายสุภกร บัวสาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ๑๐. รองศาสตราจารย์อนุชาติ พวงสำลี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ๑๑. นายกิตติรัตน์ มังคละคีรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๑๒. นายอภิมุข สุขประสิทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๑๓. นายอำนาจ บัวศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา วัฒนธรรม และภูมิปัญญา ๑๔. นางจรวยพร ธรณินทร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการกีฬา กิจการเยาวชน ลูกเสือ ยุวกาชาด และเนตรนารี ๑๕. รองศาสตราจารย์จีรเดช อู่สวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา และการวัดและ ประเมินผลการศึกษา ๑๖. ศาสตราจารย์ชนิตา รักษ์พลเมือง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา และการวัดและ ประเมินผลการศึกษา ๑๗. นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ธุรกิจ และการบริการ ๑๘. นายนนทวัฒน์ สุขผล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ธุรกิจ และการบริการ ๑๙. นายบดินทร์ อูนากูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ธุรกิจ และการบริการ ๒๐. นายสุกิจ อุทินทุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ธุรกิจ และการบริการ ๒๑. นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพัฒนาสังคมและสิทธิมนุษยชน ๒๒. ศาสตราจารย์สุพจน์ หารหนองบัว กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการสื่อสาร ๒๓. นายธาดา เศวตศิลา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน ๒๔. นายเกียรติชัย โสภาเสถียรพงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเมืองการปกครอง ๒๕. รองศาสตราจารย์บัณฑิต ทิพากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒๖. นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒๗. พลเอก พหล สง่าเนตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านส่งเสริมการป้องกันและการปราบปรามการทุจริต ๒๘. นายกิติ มาดิลกโกวิท กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผลิตและพัฒนากำลังคน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 344 | ร่างกฎหมายอนุบัญญัติระดับพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวง ที่ออกตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 รวม 28 ฉบับ | กค | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง ที่ออกตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ รวม ๒๘ ฉบับ เพื่อรองรับการบริหารการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ตามพระราชกฤษฎีกาสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ได้มีการตราขึ้นใหม่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าทำการที่จะต้องเสียให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานสรรพสามิต พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการพิจารณาราคาขายปลีกแนะนำและราคาขายต่อผู้บริโภคทั่วไปรายสุดท้ายในตลาดปกติ พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการประกาศราคาขายปลีกแนะนำเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษี พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนสถานแสดงรถยนต์เพื่อขาย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมมีสถานแสดงรถยนต์เพื่อขาย พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนและการโอนใบอนุญาตตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงือนไขสำหรับการใช้แสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี เพื่อให้ปรากฏว่าได้เสียภาษีแล้ว พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต และการขอต่ออายุใบอนุญาต ผลิตเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจดทะเบียน พ.ศ. .... ๑.๑๐ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นหรือคืนภาษีหรือลดอัตราภาษี สำหรับสินค้าที่ส่งออกนอกราชอาณาจักร หรือนำเข้าไปในเขตปลอดอากร ตามมาตรา ๑๐๓ และการขอรับคืนหรือยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือผู้นำเข้า มีสิทธิได้รับคืนหรือยกเว้นภาษี ตามมาตรา ๑๐๗ พ.ศ. .... ๑.๑๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดสินค้าที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมมีสิทธิขอลดหย่อนภาษี พ.ศ. .... ๑.๑๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิตสินค้า พ.ศ. .... ๑.๑๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริการที่ผู้ประกอบกิจการสถานบริการมีสิทธิได้รับคืนหรือยกเว้นภาษีเนื่องจากการบริจาครายรับ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับคืนหรือยกเว้นภาษีสำหรับรายรับที่ผู้ประกอบกิจการสถานบริการบริจาค พ.ศ. .... ๑.๑๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดสินค้าที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือผู้นำเข้ามีสิทธิขอคืนภาษีเนื่องจากสินค้าเสียหายหรือเสื่อมคุณภาพจนใช้การไม่ได้ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิสูจน์ลักษณะความเสียหายหรือเสื่อมคุณภาพจนใช้การไม่ได้ พ.ศ. .... ๑.๑๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษี พ.ศ. .... ๑.๑๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... ๑.๑๗ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การงดหรือลดเบี้ยปรับและการลดเงินเพิ่ม พ.ศ. .... ๑.๑๘ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ. .... ๑.๑๙ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตนำสุราเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๑.๒๐ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตขายสุรา พ.ศ. .... ๑.๒๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงสุราเพื่อการค้าของผู้ได้รับใบอนุญาตขายสุราประเภทที่ ๒ พ.ศ. .... ๑.๒๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตยาสูบ พ.ศ. .... ๑.๒๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตนำใบยา ยาอัด หรือยาสูบเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๑.๒๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตขายยาสูบ พ.ศ. .... ๑.๒๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตไพ่ พ.ศ. .... ๑.๒๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตนำไพ่เข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๑.๒๗ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตขายไพ่ พ.ศ. .... ๑.๒๘ ร่างกฎกระทรวงกำหนดสินค้าประเภทที่ ๐๑.๙๐ ในตอนที่ ๑ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. .... ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตยาสูบ ขายยาสูบ ผลิตสุรา และขายสุรา เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีปฏิบัติ และประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 345 | มาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบ อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยในภาคใต้ | กค | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบ อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยในภาคใต้ที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุพิจารณาแล้วในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ไปถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยนำมาตรการนี้ไปใช้บังคับในการจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยอนุโลมด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องตามสถานการณ์ โดยคำนึงถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ และเกิดความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการในพื้นที่ ให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุเร่งพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วและเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 346 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการจัดให้มีสภาเด็กและเยาวชนทุกระดับตามกรอบเวลาของกฎหมายกับทุกจังหวัดแล้ว และได้แต่งตั้งคณะทำงานอำนวยการขับเคลื่อนการทำงานของสภาเด็กและเยาวชน และขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำคู่มือแนวทางการจัดให้มีสภาเด็กและเยาวชนแต่ละระดับ ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีสภาเด็กและเยาวชนทุกระดับ สำหรับการส่งเสริม สนับสนุนการทำกิจกรรมของเด็กและเยาวชนในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะได้มีการนำเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติเพื่อมีมติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ ได้เตรียมประชุมหารือร่วมกับกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดทำแผนการบริหารจัดการ หรือ Road Map ในการถ่ายโอนภารกิจสภาเด็กและเยาวชนภายใน ๕ ปี ไปอยู่ในกำกับดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 347 | โครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน | ทส | 01/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน มีวัตถุประสงค์เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ และเพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี และร่วมกันกระทำความดีให้กับประเทศชาติตามพระราโชบายฯ รวมทั้งเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ต้นไม้ และทรัพยากรป่าไม้ให้แก่ประชาชนทุกคนในประเทศ ซึ่งจะเปิดโครงการฯ ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ โดยทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดเตรียมพื้นที่ปลูกต้นไม้ และกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จัดเตรียมกล้าไม้เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันปลูก ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอื่น ๆ ทุกกระทรวง กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งร่วมกันดำเนินโครงการฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการดำเนินโครงการฯ ควรยึดหลักการปลูกและฟื้นฟูป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ “ปลูกป่า ปลูกคน” โดยประยุกต์ความสำเร็จจากการพัฒนาฟื้นฟูป่าไม้อันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ประสบความสำเร็จในหลายพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยมาปรับใช้อย่างเหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ สำหรับการประเมินความสำเร็จของโครงการฯ ควรให้ความสำคัญกับปัจจัยชี้วัดความสำเร็จในเชิงคุณภาพร่วมด้วย อาทิ คุณภาพชีวิตของชุมชนและความหลากหลายทางชีวภาพที่ดีขึ้น อันเนื่องมาจากความสมบูรณ์ของป่าไม้ที่ได้รับการฟื้นฟู อนุรักษ์ ปลูกทดแทนภายใต้โครงการฯ และชุมชมเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างเครือข่ายการปลูกฟื้นฟูและดูแลฝืนป่าไปพร้อมกับการบริหารจัดการป่าชุมชนด้วยความต้องการของชุมชนเอง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า ไม่ให้มีการตัดต้นไม้ยืนต้นที่ปลูกอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ในความรับผิดชอบอย่างเด็ดขาด ยกเว้นในกรณีจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้เท่านั้น รวมทั้งให้ร่วมกันรณรงค์และประชาสัมพันธ์เพื่อการดูแลรักษาต้นไม้และสภาพแวดล้อมในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีความสวยงามตามธรรมชาติอย่างยั่งยืนต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 348 | ข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) | ยธ | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ตามมติ กพยช. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ ซึ่งได้มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการสอบสวน งานนิติวิทยาศาสตร์ อำนาจหน้าที่และภารกิจของตำรวจ ระบบการบริหารงานบุคคล และระบบค่าตอบแทน ตามที่ประธาน กพยช. เสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจดังกล่าวและความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีความเห็น ดังนี้ ๒.๑ การพัฒนาระบบค่าตอบแทนควรพิจารณาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง สำหรับข้อเสนอในเรื่องการพัฒนาความร่วมมือในการบริหารจัดการภารกิจและการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าตอบแทนแก่ข้าราชการตำรวจที่ได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับชุมชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีข้อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติงานของตำรวจจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เห็นควรพิจารณาให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่และความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒.๒ ควรเน้นให้สถานีตำรวจเป็นศูนย์กลางในการบริการประชาชน และให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการปฏิบัติภารกิจของตำรวจ รวมทั้งลดภาระงานที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตำรวจโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและระบบค่าตอบแทนได้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ ควรมุ่งเน้นการสร้างธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรมในการบริหารราชการและการบริหารงานบุคคลเพื่อให้เกิดความเชื่อถือไว้วางใจต่อสาธารณชนมากขึ้น ๒.๓ ควรปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม และควรโอนภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหรือถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 349 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (จำนวน 17 คน/รูป 1. นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ฯลฯ) | ศธ | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๑๗ คน/รูป แทนประธานกรรมการและกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานกรรมการ ๒. นายพิทักษ์ บัวแสงใส กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรเอกชน ๓. นายนุชากร มาศฉมาดล กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๔. นางสาวทินสิริ ศิริโพธิ์ กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์กวิสรา รัตนากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการประถมศึกษา) ๖. นายจงภพ ชูประทีป กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ) ๗. นางบุสบง พรหมจันทร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการมัธยมศึกษา) ๘. นางสาวเบญจพร ปัญญายง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการศึกษาปฐมวัย) ๙. นายพิศณุ ศรีพล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย) ๑๐. ว่าที่ร้อยตรี ไพศาล ประทุมชาติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการงบประมาณ การเงิน และการคลัง) ๑๑. รองศาสตราจารย์ยืน ภู่วรวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านอุตสาหกรรม) ๑๒. นางศรินธร วิทยะสิรินันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการศึกษาเพื่อคนพิการ) ๑๓. นายสมหมาย ปาริจฉัตต์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านธุรกิจและการบริการ) ๑๔. นางสาวสุรภี โสรัจจกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารงานบุคคล) ๑๕. นางแสงระวี วาจาวุทธ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส ด้านการศึกษาเอกชน และด้านการศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ) ๑๖. รองศาสตราจารย์เอกชัย กี่สุขพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารการศึกษา) ๑๗. พระพรหมดิลก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านพุทธศาสนาและการศึกษา)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 350 | ขอลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) | คค | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้ลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) โดยอิงกับบันทึกข้อตกลง เรื่อง การเสียภาษีของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในช่วงปีภาษี ๒๕๕๒-๒๕๕๔ โดยอาศัยอำนาจตามนัยมาตรา ๓๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช ๒๔๗๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เฉพาะในส่วนของพื้นที่ที่ ทอท. ใช้ประโยชน์เองและพื้นที่ต่อเนื่อง ซึ่ง ทอท. จะเป็นผู้รับภาระภาษีในส่วนนี้เองทั้งหมด จากค่ารายปีที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ราชาเทวะประเมิน จำนวนเงิน ๓๗๖,๐๔๑,๑๖๘ บาท คำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน จำนวน ๔๗,๐๐๕,๑๔๖ บาท ลดลงเหลือเป็นค่ารายปี จำนวนเงิน ๑๙๔,๔๐๐,๐๐๐ บาท คำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน จำนวน ๒๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้ อบต. ราชาเทวะคืนเงินค่าภาษีให้กับ ทอท. ซึ่งเป็นผลจากการลดหย่อนค่ารายปี (ตามข้อ ๑) เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๒๒,๗๐๕,๑๔๖ บาท จากที่ ทอท. เสนอคณะรัฐมนตรีขอคืนเงินค่าภาษีจาก อบต. ราชาเทวะ ในปีภาษี ๒๕๕๒-๒๕๕๔ เป็นจำนวนเงิน ๑๐๓,๑๑๑,๖๔๖ บาท ๓. สำหรับในช่วงปีภาษี ๒๕๕๗-๒๕๕๙ เห็นควรให้การประเมินค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินของ ทอท. เป็นไปตามที่ อบต. ราชาเทวะประเมิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 351 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 30 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 มีนาคม 2560) | นร04 | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๐ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณี กิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ ได้แก่ การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้าและร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... การปรับปรุงระบบกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาล ประสิทธิภาพ และการพัฒนาบุคลากรภาครัฐและร่างพระราชบัญญัติการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ พ.ศ. .... การปฏิรูปแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การบริหารงานภาครัฐที่เปิดเผยข้อมูลและร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารสาธารณะ พ.ศ. ..... การปฏิรูปความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้าและร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. .... การจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยและร่างพระราชบัญญัติการแจ้งเตือนภัยและจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค พ.ศ..... การปฏิรูปประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และการปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน ในประเด็นการปฏิรูปค่าตอบแทนและสิ่งจูงใจพิเศษเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การบูรณาการระบบการส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำของคนพิการ การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การแก้ไขหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน การดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี ๒๕๖๐ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว การจัดงานส่งเสริมด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม การขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) การขับเคลื่อนพัฒนาและส่งเสริม SMEs การส่งเสริมสมุนไพรไทย การขับเคลื่อนแผนส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการจัดงานส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และทัศนคติที่ดีต่อไทย การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น และการเปิดตัวแอปพลิเคชัน "Street Food Phuket" "Street Food Chiang Mai-Chiang Rai" และ "Street Food Bangkok" ในรูปแบบภาษาจีน ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การอบรมอาสาสมัครคุมประพฤติเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน การดำเนินโครงการพัฒนาระบบศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนที่มีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล การจัดกิจกรรมในการพัฒนาเครือข่ายการปฏิบัติงานรับเรื่องร้องทุกข์ของส่วนราชการระดับกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอิสระ และการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 352 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 29 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 28 กุมภาพันธ์ 2560) | นร | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๙ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ ได้แก่ การปฏิรูปการเงินฐานรากและร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินชุมชน การปฏิรูประบบการให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ประชาชน การเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การปฏิรูปกฎหมายและระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศ ระบบการแพทย์ฉุกเฉินช่วงก่อนถึงโรงพยาบาล การปฏิรูปโครงสร้างองค์กรภาครัฐ การจัดความสัมพันธ์ระหว่างราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น : การปฏิรูปการบริหารจัดการของหน่วยรับผิดชอบงานทาง ธนาคารที่ดินและร่างพระราชบัญญัติธนาคารที่ดิน พ.ศ. .... และการปฏิรูปการดำเนินการด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยและแนวทางการดำเนินงานไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และการรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การจัดทำโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โครงการห้องเรียนกีฬา โครงการโรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือและพัฒนาเป็นพิเศษอย่างเร่งด่วน (โรงเรียนไอซียู) การจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา และการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรแปรรูปยางพาราภายใต้แนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบ การดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังด้วยมาตรการสนับสนุนสินเชื่อ การดำเนินมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี ๒๕๖๐ เพิ่มเติม การดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้านอาหารไทย ประจำปี ๒๕๖๐ การดูแลผู้บริโภคหลังการปรับราคาจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้ม และการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ ได้พัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงให้มีสมรรถนะและทักษะฝีมือตามมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากลอันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เข้มแข็งและยั่งยืน รวมถึงเพื่อเป็นการส่งเสริมและผลักดันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาคและระดับสากล ตลอดจนเพื่อส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยไม่เป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 353 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร01 | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งภาพรวมสถิติที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๔๐,๙๙๓ ครั้ง รวมจำนวน ๒๓,๖๗๖ เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน ๒๐,๕๔๔ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๗๗ โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐในประเด็นที่หลากหลาย หนี้สินนอกระบบ แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด และแจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน ตามลำดับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความสำคัญแก่การเร่งรัดการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 354 | แผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2560 - 2564 | สธ | 06/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางในการจัดการงานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพ (๒) สร้างความร่วมมือพหุภาคีและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามแนวทางประชารัฐ (๓) สร้างความเข้มแข็งระบบบริหารจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม และ (๔) เสริมสร้างขีดความสามารถของประชาชน บุคลากรและภาคีเครือข่ายด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมให้มีความรอบรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อสุขภาพ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ไปสู่การปฏิบัติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 355 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2509 | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบและระเบียบในการแต่งเครื่องแบบของกรรมการหมู่บ้าน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 356 | มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ และสังคมในท้องถิ่น | มท | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่าย จากเดิมกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ให้สามารถก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ให้สามารถก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และเบิกจ่ายตามงวดงาน รวมทั้งเห็นชอบการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลตามมาตรการสนับสนุนการลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Matching Fund) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามรายละเอียดโครงการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขอรับการสนับสนุน ภายในกรอบวงเงิน ๙,๘๙๗.๕๐ ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น) สำหรับการขอยกเว้นการใช้จ่ายเงินสะสมเป็นลำดับแรกก่อนนั้น เนื่องจากรัฐบาลมีเจตนารมณ์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพด้านการเงินการคลังนำเงินสะสมมาใช้จ่าย เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งการดำเนินการตามหลักการดังกล่าวจะช่วยรัฐบาลลดภาระงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น อันมีอยู่อย่างจำกัดและต้องสำรองไว้สำหรับภารกิจยุทธศาสตร์ที่จำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ของตนเอง จึงเห็นสมควรให้ดำเนินการตามหลักการเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 357 | (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ (ฉบับที่ 1) (พ.ศ. 2560 - 2564) | นร | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการบูรณาการการคุ้มครองผู้บริโภคทุกภาคส่วนและการคุ้มครองผู้บริโภคในภาพรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการเป็น ๕ ยุทธศาสตร์ ๑๕ กลยุทธ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงและการบูรณาการการทำงานคุ้มครองผู้บริโภคกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก และปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้งบประมาณ รวมทั้งจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. อาทิ การให้ความสำคัญกับการเตรียมการเพื่อรองรับกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะการยกระดับศักยภาพการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งในด้านการพัฒนากฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค การกำหนดกลยุทธ์รองรับประเด็นตามวาระการปฏิรูปทั้ง ๖ ประเด็นให้ชัดเจน และการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้ดำเนินการเพิ่มเติมด้วย ดังนี้ ๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคโดยตรงเป็นลำดับแรก เช่น การแก้ปัญหาข้อร้องเรียนของผู้บริโภคให้ได้ข้อยุติเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม การกำหนดมาตรฐานระยะเวลาการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนในแต่ละประเภทเรื่องให้มีความชัดเจน รวมทั้งการขยายการดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคให้ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจประเภทต่าง ๆ เช่น ธุรกิจทางการเงิน ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจซื้อขาย online โดยให้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายโดยตรง ๒.๒ ในส่วนของยุทธศาสตร์ที่ ๒ (การพัฒนาระบบฐานข้อมูลในการคุ้มครองผู้บริโภค) ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการที่ถูกร้องเรียนในแต่ละประเภทกิจการให้เชื่อมต่อไปยังหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาตเพื่อนำข้อมูลไปใช้ประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการได้ต่อไป รวมทั้งให้นำข้อมูลการออกใบอนุญาตมาใช้เป็นฐานข้อมูลในการติดตามคุ้มครองผู้บริโภคต่อไปด้วย ๒.๓ ในส่วนของยุทธศาสตร์ที่ ๓ (การพัฒนาองค์ความรู้และการสื่อสารเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค) ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพัฒนาระบบการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิของผู้บริโภคในประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคและลดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับภาครัฐ โดยอาจพิจารณาให้มีทีมงานที่ทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบข่าวสารที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ที่เกี่ยวกับการเอาเปรียบผู้บริโภคเพื่อให้คำแนะนำหรือแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นให้แก่ผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกับกรณีการดำเนินการของกรมทรัพย์สินทางปัญญา (IP man) ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศทราบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 358 | สรุปผลการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | มท | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙-๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ มีหมู่บ้านเสนอโครงการ จำนวน ๘๒,๓๓๖ โครงการ เป็นเงิน ๑๘,๖๖๐,๔๑๗,๔๙๘ บาท และหมู่บ้านเบิกจ่ายงบประมาณ จำนวน ๘๒,๓๑๘ โครงการ เป็นเงิน ๑๘,๖๔๘,๗๑๒,๕๙๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๘ หมู่บ้านไม่สามารถดำเนินการโครงการได้ ๑๘ โครงการ เป็นเงิน ๓,๔๕๒,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๒ ๒. การติดตามการดำเนินโครงการ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้มีการติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะดำเนินการเข้าตรวจสอบการดำเนินงานโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. การประเมินผลโครงการ จากการดำเนินการโดยวิธีการสุ่มประเมินหมู่บ้าน จำนวน ๖๐๐ หมู่บ้าน ๖,๐๐๐ คน ผลการประเมินพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านฯ คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๒๐ ๔. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ได้แก่ (๑) ควรมีการจัดสรรงบประมาณในลักษณะเช่นเดียวกับโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านฯ ให้แก่หมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง (๒) การสนับสนุนงบประมาณควรเป็นไปตามขนาดของหมู่บ้าน เช่น ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ (๓) ควรกำหนดระยะเวลาการดำเนินการตามโครงการให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนในพื้นที่สามารถวางแผนการดำเนินการตามโครงการได้เอง โดยไม่ต้องจ้างผู้รับจ้างดำเนินการแทน (๔) ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณลักษณะเช่นเดียวกันที่กำหนดให้หมู่บ้านเป็นผู้ดำเนินการเอง และ (๕) ควรให้หมู่บ้านดำเนินโครงการให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยไม่ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการดำเนินโครงการตามแบบราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 359 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ... | สว | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... โดยเห็นว่าการดำเนินการติดตามผู้ต้องขังภายหลังพ้นโทษ กรมราชทัณฑ์มีข้อมูลผู้ต้องขังครบถ้วน มีการจัดทำบัญชีก่อนปล่อยผู้ต้องขังอย่างครอบคลุม โดยกรมราชทัณฑ์ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นในการสงเคราะห์ผู้ต้องขังหลังพ้นโทษ มีการเก็บรวบรวมประวัติของผู้ต้องขัง และจัดเก็บสถิติการกระทำความผิดซ้ำอย่างต่อเนื่องทุกปี ส่วนกรณีผู้ติดยาเสพติดควรได้รับการบำบัดรักษาแทนที่จะนำเข้ากระบวนการยุติธรรมนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำประมวลกฎหมายยาเสพติดมีหลักการ “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” สำหรับการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านกระบวนการยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ได้เชื่อมโยงผ่านระบบ Data Exchange Center เพื่อแลกเปลี่ยนและใช้ประโยชน์ข้อมูลร่วมกัน และกรณีการพักการลงโทษและการลดวันต้องโทษจำคุก กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตามที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ได้กำหนดประเภทและลักษณะความผิดไว้โดยเทียบเคียงฐานความผิดจากพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ นอกจากนี้ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่าง ๆ การออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยไปรักษานอกเรือนจำ และการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องขังที่มีความพิการในด้านต่าง ๆ กรมราชทัณฑ์รับทราบตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ และถือปฏิบัติเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 360 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เมืองเก่าราชบุรี เมืองเก่าสุรินทร์ เมืองเก่าภูเก็ต และเมืองเก่าระนอง | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า เมืองเก่าราชบุรี เมืองเก่าสุรินทร์ เมืองเก่าภูเก็ต และเมืองเก่าระนอง เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ รวมทั้งกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาเป็นแนวทางในการจัดทำแผนแม่บทและผังแม่บท กลไก และกระบวนการบริหารจัดการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่เมืองเก่า เพื่อให้บริเวณเมืองเก่าได้รับการคุ้มครอง ดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสม มีการบริหารจัดการอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ พร้อมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวหรืออยู่ในเส้นทาง/เขตทาง/พื้นที่ ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมเจ้าท่า ซึ่งอาจมีการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เมืองเก่าต้องมีการตรวจสอบร่วมกันอีกครั้ง และพิจารณาแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าและกรอบเวลาให้ชัดเจนเพื่อให้หน่วยงานสามารถวางแผนงาน/โครงการได้ รวมทั้งขยายขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าราชบุรีออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่วัดสัตตนารถปริวัตร เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นโบราณสถานตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ที่แก้ไขเพิ่มเติม นอกจากนี้ การดำเนินการใด ๆ กับโบราณสถาน ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการนำกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่เมืองเก่าไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
