ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 260 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 241 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 2 และความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท | ทส | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญานิมามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ สมาพันธรัฐสวิส และความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท โดยที่ประชุมฯ ได้มีการพิจารณาและมีมติเห็นชอบและรับรองประเด็นต่าง ๆ เช่น การให้ภาคีจัดส่งแหล่งกำเนิดที่ปล่อยปรอทสู่ดินและน้ำให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทเป็นผู้รวบรวม การจัดทำร่างรายการกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผลต่อการปล่อยปรอทสู่ดินและน้ำภายในประเทศ เพื่อใช้เป็นมาตรการในการกักเก็บชั่วคราวของปรอทอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การดำเนินการของกลไกทางการเงิน การคงความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกและองค์การแรงงานระหว่างประเทศด้านสุขภาพต่อไป และการจัดส่งข้อมูลการปลดปล่อยปรอทจากกิจกรรมการเผาในที่โล่งให้กับสำนักเลขาธิการฯ เป็นต้น โดยในส่วนของไทยมีประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาดำเนินการ ได้แก่ (๑) การออกกฎหมายระดับอนุบัญญัติที่เหลือตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ (๒) การนำแนวทางการกักเก็บชั่วคราวของปรอทอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่ใช่ของเสียปรอทมาปรับใช้ในทางปฏิบัติสำหรับไทย และ (๓) การติดตามความคืบหน้าของการจัดทำแนวทางต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลดปล่อยปรอทสู่สิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ และขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามมติข้อตัดสินใจของการประชุมฯ ควรให้ความสำคัญทั้งในด้านการผลิต การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักของผู้บริโภค รวมทั้งการจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับมอบหมายเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจที่จะต้องดำเนินการและขับเคลื่อนร่วมกันต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทยดำเนินงานร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องตามพันธกรณีของอนุสัญญานิมามาตะฯ และขับเคลื่อนการดำเนินการภายในประเทศให้เป็นไปตามมติข้อตัดสินใจของการประชุมฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 242 | มาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยในจังหวัดสตูล | กค | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยในจังหวัดสตูลไปถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกันกับมาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยในภาคใต้ ที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุพิจารณาแล้วในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๑ ไปถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยนำมาตรการนี้ไปใช้บังคับในการจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยอนุโลมด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 243 | (ร่าง) Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 - 2573 | ทส | 17/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบ (ร่าง) Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ เพื่อใช้เป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศ สำหรับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติกแบบบูรณาการของหน่วยงานเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ตาม (ร่าง) Roadmap โดยตั้งเป้าหมายในการลดและเลิกใช้พลาสติกบางประเภทภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เช่น พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเลิกใช้พลาสติกประเภทถุงพลาสติกหูหิ้ว กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติก (แบบบางใช้ครั้งเดียว) และหลอดพลาสติก ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ รวมทั้งมีการกำหนดหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานตาม (ร่าง) Roadmap ในทุกภาคส่วน และกำหนดกลไกต่าง ๆ ในการขับเคลื่อน เช่น สร้างความรู้ ความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือการดำเนินงานรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุง (ร่าง) Roadmap และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๗๓ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ [เรื่อง (ร่าง) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ] ก่อนเสนอไปยังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และข้อเสนอแนะของกระทรวงพลังงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น (๑) ควรให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ การเตรียมความพร้อมให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการสำหรับโครงการที่มีการลงทุนสูงให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) หากจะให้ (ร่าง) Roadmap มีความสอดคล้องกับทิศทางของการหารือในเวทีระหว่างประเทศและมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นอาจพิจารณาเพิ่มมิติของการบริหารจัดการขยะด้วย (๓) ให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ การเตรียมความพร้อมให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการสำหรับโครงการที่มีการลงทุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ (๔) มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำ/ปรับปรุงแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตาม (ร่าง) Roadmap และให้นำแผนปฏิบัติการดังกล่าวเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 244 | รายงานผลการดำเนินการโครงการ "1 อปท. 1 ถนนท้องถิ่นใส่ใจสิ่งแวดล้อม" | มท | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงกร “๑ อปท. ๑ ถนนท้องถิ่นใส่ใจสิ่งแวดล้อม” โดยกระทรวงมหาดไทยได้จัดทำโครงการดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ที่รับทราบการจัดทำโครงการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงมหาดไทยเพื่อมอบให้ประชาชน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ มีแนวทางการดำเนินการ สรุปได้ ดังนี้ (๑) การคัดเลือกถนนที่มีความยาวระยะทางไม่น้อยกว่า ๕๐๐ เมตร กว้าง ๓-๖ เมตร ๑ สายทาง และเป็นถนนซึ่งเป็นที่รู้จัก หรือเป็นสถานที่สำคัญ และอยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) (๒) การจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อพัฒนา ปรับปรุง ดูแล และรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยบริเวณถนน ภายใต้การมีส่วนร่วมของภาครัฐ เอกชน และประชาชน และ (๓) ผลการดำเนินโครงการฯ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ โดยมีเป้าหมายดำเนินการ ๗,๘๕๑ สายทาง (อปท. ละ ๑ สายทาง) ดำเนินการแล้ว ๕,๔๔๘ สายทาง และอยู่ระหว่างดำเนินการ ๒,๔๐๓ สายทาง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 245 | รายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งแสดงผลการประเมินความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากผลกระทบของเศรษฐกิจมหภาค ระบบการเงิน นโยบายของรัฐบาล และผลการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่อาจก่อให้เกิดภาระทางการคลังของรัฐบาล และแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยแบ่งออกเป็น ๖ ภาคส่วนที่สำคัญ ได้แก่ ภาครัฐบาล ภาคกองทุนนอกงบประมาณ ภาครัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ภาคสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคการเงิน โดยมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อภาระทางการคลังของรัฐบาลใน ๔ มิติ ได้แก่ ภาระแบบชัดเจนโดยตรง ภาระแบบชัดเจนที่เป็นภาระผูกพัน ภาระโดยนัยแบบโดยตรง และภาระโดยนัยที่เป็นภาระผูกพัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 246 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... | สว | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า การสร้างความร่วมมือของเครือข่ายป่าชุมชนเพื่อการดูแลรักษาป่ามีความจำเป็น และคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดควรอนุญาตให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนยืนยันการใช้แผนจัดการป่าชุมชนเดิมได้ หากแผนเดิมยังมีความเหมาะสมที่จะใช้เป็นแผนได้ในระยะต่อไป เพื่อเป็นการลดภาระของประชาชน รวมถึงควรคำนึงถึงพื้นที่ป่าชุมชนที่มีซากดึกดำบรรพ์มิให้ได้รับความเสียหายจากการใช้ประโยชน์ภายในพื้นที่ป่าชุมชนด้วย นอกจากนี้ ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมป่าไม้ได้เข้ามามีส่วนช่วยเหลือประชาชนในการจัดทำแผนจัดการป่าชุมชนด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 247 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2509 | มท | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๙ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๙ เพื่อกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบและระเบียบการแต่งเครื่องแบบของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน และแพทย์ประจำตำบล โดยเพิ่มเครื่องแบบปฏิบัติราชการอีกหนึ่งประเภท คือ เครื่องแบบคอเปิดสีน้ำเงิน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 248 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2561 (เพิ่มเติม) | ทส | 05/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๕ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ เรื่อง ๑.๑ โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดชลบุรี (แหลมฉบัง) ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ ของการเคหะแห่งชาติ ๑.๒ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ของการไฟรถแห่งประเทศไทย ๒. เรื่องเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด จำนวน ๓ เรื่อง ๒.๑ รายงานความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการตั้งงบประมาณในการจัดการขยะมูลฝอยภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ๒.๒ รายงานการติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ๒.๓ แนวทางการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการอุดหนุนงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการฯ กรณีมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 249 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเห็นควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และควรให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเตรียมการออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับกระบวนการสอบสวนและวินิจฉัยเพื่อใช้บังคับกับกระบวนการสอบสวนและวินิจฉัยผู้บริหารและสมาชิกสภาเมืองพัทยา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 250 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงมหาดไทยเห็นชอบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และได้ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการในการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยหรือขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ออกหลักเกณฑ์ วิธีการให้โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากมูลฝอยจ่ายเงินหรือประโยชน์ตอบแทนแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดการมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการเกี่ยวกับการคัดแยก เก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย และกำหนดหลักเกณฑ์ให้โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากมูลฝอยจ่ายเงินหรือประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ส่วนข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดการของเสียอันตรายและของเสียไม่อันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะได้รับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 251 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... | สว | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้แก่ การกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการดังกล่าว การจัดทำหลักเกณฑ์สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมตามมาตรา ๓๗ วรรคสอง และยกร่างกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๘ มาตรา ๕๕ และมาตรา ๕๖ เพื่อยกเว้นหรือบรรเทาภาระภาษีตามความจำเป็นและความเหมาะสม การกำหนดแผนงานในการจัดส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบออนไลน์ รวมถึงการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของหน่วยงานดังกล่าว โดยให้กรมที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดแนวทางการจัดส่งข้อมูลหรือแนวทางดำเนินการระหว่างหน่วยงาน และสำรวจข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อแจ้งกรมธนารักษ์ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดโครงการประชาสัมพันธ์ข่าว การอบรม และการจัดทำสื่อวีดิทัศน์ และอื่น ๆ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองท้องถิ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 252 | รายงานการติดตามผลการบริหารจัดการขยะติดเชื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร01 | 12/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการติดตามผลการบริหารจัดการขยะติดเชื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยรายงานสถานการณ์ในภาพรวม และอุปสรรคในการดำเนินงาน พร้อมทั้งข้อเสนอของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๑ เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการจัดการขยะติดเชื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เช่น การจัดทำแผนแม่บทการจัดการขยะติดเชื้อ (Master Plan) การออกกฎกระทรวง หลักเกณฑ์ และวิธีการเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดการขยะติดเชื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การป้องกันการลักลอบนำขยะติดเชื้อออกนอกระบบ การจัดทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เป็นแหล่งกำเนิดขยะติดเชื้อ การจัดทำคู่มือในการดำเนินงานการบริหารจัดการขยะติดเชื้อ และการจัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาปรับปรุงแผนการบริหารจัดการขยะติดเชื้อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิบัติการการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ พร้อมทั้งให้ทำการบำบัดขยะติดเชื้อก่อนขนส่งไปกำจัดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคในระหว่างขนส่ง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 253 | แนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป | ลต | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑ เห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปตามมติที่ประชุมซี่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ ดังนี้ ๑.๑ ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่และลูกจ้างในสังกัดของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อได้รับการร้องขอจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรือคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ๑.๒ ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่และลูกจ้างในสังกัดทุกประเภท ทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ๑.๓ นับแต่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปจนถึงวันเลือกตั้ง การแต่งตั้ง (โยกย้าย) ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภทและทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้พิจารณาเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้ง ๑.๔ ให้ข้าราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานของรัฐให้การสนับสนุนสถานที่เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๕ ให้หน่วยงานทุกฝ่ายตามข้อ ๑.๔ สนับสนุนเกี่ยวกับสถานที่ปิดประกาศและที่ติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เพียงพอและเท่าเทียมกัน ๑.๖ ให้มีการสนธิกำลังระหว่างทหาร ตำรวจ พลเรือน และอาสาสมัครด้านความปลอดภัยเพื่อให้การคุ้มครองประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งได้รับความปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๙ [เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง] มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ [เรื่อง มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง] มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๐ [เรื่อง สรุปผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการการเลือกตั้ง] และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ [เรื่อง มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง]
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 254 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี 2560 | นร09 | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำปี ๒๕๖๐ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยเป็นประเด็นข้อหารือเกี่ยวกับคำสั่งทางปกครอง หลักการมีส่วนได้เสียและหลักความเป็นกลางในการพิจารณาทางปกครอง การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง การก้ไข การเยียวยา และการเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง ตลอดจนการนับระยะเวลาตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ๒. ผลการดำเนินงานของสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เช่น (๑) จัดวิทยากรของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (๒) เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของประชาชนให้กับประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ และ (๓) สัมมนาร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง รวมทั้งรับทราบปัญหาอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ๓. ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เช่น (๑) ควรมีการศึกษาและทบทวนปัญหาเกี่ยวกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยเฉพาะในส่วนที่พระราชบัญญัตินี้ยังมิได้บัญญัติไว้ รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติที่ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติ และ (๒) ควรมีการจัดให้มีการอบรมบุคลากรในภาครัฐเพื่อพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับหลักกฎหมายปกครองให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 255 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง นโยบายและแนวทางการส่งเสริมให้มวลชนมีการออกกำลังกายและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการกีฬา ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง นโยบายและแนวทางการส่งเสริมให้มวลชนมีการออกกำลังกายและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการกีฬา โดยมีผลการดำเนินการรวม ๕ ประเด็น คือ (๑) ส่งเสริมและสนับสนุน ด้านการผลิตผู้นำการออกกำลังกายและกีฬา กรมพลศึกษาได้จัดอบรมครูสอนพลศึกษาที่ไม่มีวุฒิพลศึกษาเพื่อเข้ารับการอบรมผู้นำการออกกำลังกายที่ถูกต้องในสถานศึกษาและในชุมชน (๒) ส่งเสริมและสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการออกกำลังกายกิจกรรมกีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อสร้างเสริมและพัฒนาอย่างถูกต้อง ให้กรมพลศึกษาเป็นศูนย์กลางข้อมูลองค์ความรู้ด้านการออกกำลังกายกิจกรรมกีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อสร้างเสริมและพัฒนาอย่างถูกต้อง (๓) ส่งเสริมและสนับสนุนด้านสมรรถภาพทางกายเยาวชนและประชาชน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานสมรรถภาพทางกายเยาวชนและประชาชนของกรมพลศึกษาไปใช้ในการประเมินผล (๔) ส่งเสริมและสนับสนุนให้มวลชนมีการออกกำลังกาย และมีส่วนร่วมในกิจกรรมกีฬา ให้แต่ละหน่วยงานกำหนดนโยบายหรือส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมทางกาย/กิจกรรมการออกกำลังกายแก่ประชาชนบุคลากรในหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง และต้องมีการติดตามและรายงานผล และ (๕) ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมและสถานที่สำหรับการออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬาตามความเหมาะสมสำหรับชุมชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับกรมพลศึกษาตรวจสอบและติดตามสถานะความพร้อมของสถานที่สำหรับออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬา และสรุปผลการจัดเก็บข้อมูลสถานที่สำหรับการออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬาตามความเหมาะสมสำหรับชุมชนทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 256 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา (จำนวน 14 คน 1. ศาสตราจารย์ประสาท สืบค้า ฯลฯ) | ศธ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา รวม ๑๔ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๒ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์ประสาท สืบค้า ประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์เกียรติคุณกิตติชัย วัฒนานิกร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. ศาสตราจารย์ชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. รองศาสตราจารย์บัณฑิต ทิพากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. ศาสตราจารย์ปานสิริ พันธุ์สุวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. รองศาสตราจารย์ไพโรจน์ ภัทรนรากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัฐชาติ มงคลนาวิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. ศาสตราจารย์ศันสนีย์ ไชยโรจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. ศาสตราจารย์สมชาย วงศ์วิเศษ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐. ศาสตราจารย์สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๑. รองศาสตราจารย์สุธรรม อยู่ในธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๒. รองศาสตราจารย์พรชัย เทพปัญญา กรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑๓. รองศาสตราจารย์ประสบศรี อึ้งถาวร กรรมการผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ๑๔. นายธนู กุลชล กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 257 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้านการควบคุมมลพิษของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้านการควบคุมมลพิษ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ รวม ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านบุคลากร ควรให้สถาบันการศึกษาที่มีหลักสูตรเกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมสนับสนุนความรู้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ โดยอาจพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับภารกิจที่ถ่ายโอนให้แก่ อปท. และนำผลงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมมาพัฒนาให้แก่ อปท. (๒) ด้านงบประมาณ อปท. จะต้องทบทวนความพร้อมในการดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนไป และให้ความสำคัญกับภารกิจด้านการควบคุมมลพิษในเขตพื้นที่ของตน (๓) ด้านกฎหมาย ได้มีการปรับปรุงพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ กำหนดให้ อปท. มีบทบาทในการจัดการปัญหาด้านมลพิษมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่ได้รับการถ่ายโอนตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา สำหรับการถ่ายโอนภารกิจตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ สามารถดำเนินการโดยการมอบอำนาจ โดยให้หน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นที่ปรึกษา และรายได้ที่เกิดขึ้นจากภารกิจที่ถ่ายโอนควรให้ตกอยู่กับท้องถิ่นที่ได้รับการถ่ายโอน ซึ่งอยู่ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และ (๔) ด้านอื่น ๆ เช่น การกำหนดอัตรากำลังของ อปท. ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งการกำหนดอัตรากำลังต้องสอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับและภารกิจหน้าที่ของ อปท. นั้น ๆ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 258 | มาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะ | ปช | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะ เป็นมาตรการเพื่อปรับปรุงการปฏิบัติราชการหรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตและกระทำความผิดในกรณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมาตรการดังกล่าวแบ่งเป็น ๒ ระยะ คือ (๑) มาตรการระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย มาตรการทางการบริหาร ที่ควรดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน และมาตรการทางกฎหมาย ที่ควรดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ๑ ปี และ (๒) มาตรการระยะยาว ที่ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาดำเนินการ แล้วให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมผลการดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ภายใน ๓๐ วัน นับแต่ได้รับแจ้งมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีกฎหมายกำหนดเขต บริเวณ ย่าน ที่จะใช้ติดตั้งป้ายโฆษณาเพื่อรักษาภูมิทัศน์และป้องกันอันตรายที่เกิดจากป้าย การกำหนดให้มีเลขทะเบียนควบคุมป้ายโฆษณาในที่สาธารณะต่าง ๆ เป็นระบบเดียวต้องกำหนดให้มีหน่วยที่รับผิดชอบวางระบบเพื่อกำหนดเลขทะเบียนควบคุมเป็นระบบเดียวกัน การกำหนดพื้นที่เฉพาะสำหรับการติดตั้งป้ายโฆษณาทำให้เกิดภาระของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งจะต้องจัดหาพื้นที่และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ดังกล่าว และควรพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณารายละเอียดของมาตรการทางกฎหมาย (ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปี) เพื่อให้มาตรการต่าง ๆ มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายและสามารถใช้ในการบริหารกิจการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 259 | การเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของไทยในองค์กร Asian Forest Cooperation Organization (AFoCO) | ทส | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในการเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกองค์กร Asian Forest Cooperation Organization (AFoCO) โดยกรมป่าไม้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน และเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำภาคยานุวัติสารและดำเนินการมอบภาคยานุวัติสารให้แก่รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีในฐานะผู้เก็บรักษาหรือผู้อำนวยการบริหารของสำนักเลขาธิการฯ (Executive Director of the Secretariat) แล้วแต่กรณี ตามนัยข้อ ๑๘ ของข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรความร่วมมือด้านป่าไม้แห่งเอเชีย (AFoCO) รวมทั้งอนุมัติในหลักการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนรายปีให้แก่กรมป่าไม้ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กร AFoCO ปีละประมาณ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตลอดระยะเวลาที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณที่เป็นเงินอุดหนุนรายปีในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กร AFoCO โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ กรมป่าไม้ได้รับการจัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน ๑,๐๒๒,๐๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป กรมป่าไม้ควรจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามนัยกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกองค์กร AFoCO ทั้งโครงการทางวิชาการด้านการป่าไม้และการพัฒนาศักยภาพบุคลากร และกำหนดกรอบประเด็นความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ของประเทศไทยให้ชัดเจน การประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรชุมชน องค์กรพัฒนาเอกชนได้ทราบและสามารถขอรับการสนับสนุนได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึงมากขึ้น ตลอดจนการจัดการองค์ความรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและสาธารณะอย่างกว้างขวาง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 260 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 7/2561 | นร | 02/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการชับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ ๗/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ตามที่ กขร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ที่ประชุม กขร. มีมติเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) กรอบแนวคิดการพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล และแนวทางการพิจารณาโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล และเห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานรับความเห็นและข้อสังเกตของที่ประชุมเกี่ยวกับการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ การจัดรถโรงเรียนรับส่งอย่างต่อเนื่อง การใช้แนวทางอาสาสมัครและกิจกรรมภาคเอกชน และการพัฒนาระบบการประเมินครู ไปพิจารณาปรับปรุงและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน ๒ เดือน และดำเนินการตามกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. สำนักงานบูรณาการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน ที่ประชุม กขร. มีมติเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบูรณาการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน พ.ศ. .... และเห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นและข้อสังเกตที่ประชุมเกี่ยวกับการเพิ่มผู้แทนในองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน (กบล.) การเพิ่มอำนาจหน้าที่ของ กบล. และการเชื่อมโยงข้อมูลกับกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาปรับปรุงและเร่งรัดเสนอร่างระเบียบฯ ตามขั้นตอน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ เดือน ๓. ฝายมีชีวิต ที่ประชุม กขร. มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการฝายมีชีวิต และเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กำหนดตำแหน่งที่เหมาะสมในการทำฝายมีชีวิต รวมทั้งรับความเห็นและข้อสังเกตที่ประชุมเกี่ยวกับการกำหนดพื้นที่ วางพิกัด และการสร้างฝายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยร่วมมือกับภาคเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการตามกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. นโยบายศูนย์ Excellence Center ด้านการวิจัยของประเทศ ที่ประชุม กขร. มีมติเห็นชอบในหลักการนโยบายศูนย์ Excellence Center ด้านการวิจัยของประเทศ ตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติดำเนินการจัดทำรายละเอียดให้แล้วเสร็จภายใน ๒ เดือน และดำเนินการตามกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๕. นโยบายท่องเที่ยวชุมชน ที่ประชุม กขร. มีมติเห็นชอบในหลักการนโยบายท่องเที่ยวชุมชน และเห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน กรมการปกครอง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รับความเห็นและข้อสังเกตที่ประชุมเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม จดแจ้งสถานที่พักฯ ต่อนายทะเบียนโรงแรม การสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ และการส่งเสริมการยกระดับบ้านพักโฮมสเตย์ ไปพิจารณาดำเนินการตามกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
