ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 12 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 221 - 240 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 221 | รายงานผลการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ. เรื่อง การพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปให้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท | นร10 | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปให้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. หารือร่วมกับองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้กำกับของฝ่ายบริหาร ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงความจำเป็น เหมาะสม และความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน เช่น การนำหลักสูตรการสอบและเกณฑ์การตัดสินการสอบผ่านการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. ไปปรับใช้เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรการสอบและการตัดสินการสอบผ่านฯ ของหน่วยงานตนเอง และการนำหนังสือรับรองผลการสอบผ่านฯ ของสำนักงาน ก.พ. ไปใช้แทนผลการสอบผ่านฯ ของหน่วยงานตนเองได้ เป็นต้น ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดินและข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย เช่น สามารถนำหลักสูตรการสอบภาค ก ตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. มาปรับใช้กับการสอบแข่งขันบุคคลภายนอกวุฒิปริญญาทางสายสังคมศาสตร์ได้ แต่กรณีการรับสมัครนักเรียนนายสิบตำรวจประจำปี นักเรียนเตรียมทหาร กลุ่มคุณวุฒิพิเศษหรือขาดแคลน การบรรจุทายาทข้าราชการตำรวจซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอใช้หลักเกณฑ์วิธีการตามที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ และควรปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินในการจัดการสอบ ลดขั้นตอนการสรรหาบุคลากร และอำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัคร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการพิจารณากำหนดแนวทางในการคัดเลือกบุคลากรที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ระบบราชการ เช่น สาขาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้กลุ่มบุคลากรดังกล่าวเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบราชการให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง ข้อเสนอการปรับปรุงโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 222 | ร่างกฎหมายลำดับรองซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 รวม 11 ฉบับ | นร | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๗ ฉบับ และเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบและร่างประกาศ จำนวน ๔ ฉบับ รวม ๑๑ ฉบับ ซึ่งเป็นการออกกฎหมายลำดับรองเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้กฎหมายมีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติหลักการ ๑.๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกกรรมการผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้ำในคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งกรรมการลุ่มน้ำผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรรมการผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ และกรรมการลุ่มน้ำผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ. .... ๑.๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ และกรรมการลุ่มน้ำผู้ทรงคุณวุฒิ อันเนื่องมาจากเหตุบกพร่องหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ พ.ศ. .... ๑.๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดวัตถุประสงค์ หน้าที่และอำนาจ และการดำเนินงานขององค์กรผู้ใช้น้ำ รวมทั้งหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการก่อตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ พ.ศ. .... ๑.๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดค่าทดแทนแก่บุคคลซึ่งกักเก็บน้ำไว้ต้องสูญเสียน้ำที่กักเก็บไว้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ พ.ศ. .... ๑.๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชดเชยความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างจากการดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม พ.ศ. .... ๑.๑.๗ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดค่าทดแทนการใช้ที่ดินหรือสิ่งก่อสร้าง และชดเชยความเสียหายแก่ทรัพย์สินของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างจากการใช้ที่ดินหรือสิ่งก่อสร้าง เพื่อการป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำแล้งและภาวะน้ำท่วม พ.ศ. .... ๑.๒ เห็นชอบในหลักการ ๑.๒.๑ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการนำเงินค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายไปวางต่อศาล หรือสำนักงานวางทรัพย์ หรือฝากไว้กับธนาคารออมสิน และวิธีการรับเงินค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหาย พ.ศ. .... ๑.๒.๒ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสั่งให้บุคคลซึ่งกักเก็บน้ำไว้ต้องเฉลี่ยน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ พ.ศ. .... ๑.๒.๓ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๒.๔ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบ พ.ศ. .... ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑.๕-๑.๑.๗ ควรตัดข้อความที่กำหนดให้การจ่ายค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายให้ใช้จากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ออก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 223 | ขอเสนอมาตรฐานสถิติเพื่อให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ | ดศ | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรฐานสถิติที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และประกาศใช้เป็นมาตรฐานในการผลิตสถิติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐนำมาตรฐานดังกล่าวใช้เป็นแนวทางในการจัดทำข้อมูลสถิติของหน่วยงานต่อไป เพื่อให้ข้อมูลสถิติของประเทศสามารถแลกเปลี่ยนเชื่อมโยง และใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่จัดทำขึ้นต่างช่วงเวลาและต่างแหล่งข้อมูลได้ร่วมกัน สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจในการกำหนดนโยบายหรือตอบโจทย์ตัวชี้วัดต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม เกิดความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรในการผลิตสถิติของประเทศ ๑.๒ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐจัดทำสถิติให้เป็นไปตามแผนกำหนดความรับผิดชอบในการดำเนินงานทางสถิติตามแผนแม่บท และดำเนินการให้ถูกต้องตามมาตรฐานสถิติ ๑.๓ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐจัดส่งข้อมูลการใช้มาตรฐานสถิติ รวมถึงรายละเอียดของข้อมูล (Metadata) ตามมาตรฐานที่สำนักงานสถิติแห่งชาติกำหนด ทั้งข้อมูลระดับย่อย (Microdata) และข้อมูลสถิติเพื่อให้สำนักงานสถิติแห่งชาติรวบรวมเป็นข้อมูลในการจัดทำศูนย์กลางรายการข้อมูลภาครัฐ (National Data Catalogue and Directory services) และเพื่อให้สามารถติดตามและประเมินสถานการณ์การพัฒนาสถิติของประเทศให้มีคุณภาพตามหลักการพื้นฐานสถิติทางการและสอดคล้องตามมาตรฐานสากล สามารถนำมาใช้สนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลร่วมกันได้อย่างคุ้มค่า ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควร (๑) พิจารณากำหนดให้หน่วยงานสามารถผลิตสถิติใหม่เพิ่มเติมได้นอกเหนือจากที่กำหนดภายใต้มาตรฐานสถิติ หากพิจารณาแล้วว่ามีความจำเป็นที่ต้องจัดทำและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ (๒) สำนักงานสถิติแห่งชาติอาจพิจารณานำเสนอการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย) ปี ๒๕๔๔ เพื่อเป็นมาตรฐานในการจัดทำข้อมูลสถิติของประเทศ (๓) ให้มีการหารือและแลกเปลี่ยนการทำ mapping ข้อมูลสถิติระหว่างหน่วยงาน เพื่อจัดทำทะเบียนข้อมูลสถิติกลาง และให้สำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงาน (๔) คำนึงถึงนโยบายการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ กรอบการกำกับดูแลข้อมูล และประเด็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (๕) เร่งรัดการจัดทำมาตรฐานสถิติอื่น ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ในการนำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดทำสถิติทางการให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน (๖) มีการกำหนดรายละเอียดขอบเขตของข้อมูลเนื้อหา รูปแบบ และวิธีการในการจัดทำศูนย์กลางรายการข้อมูลภาครัฐให้ชัดเจน และ ๗) ประชาสัมพันธ์ให้ภาคเอกชนมีการจัดทำข้อมูลสถิติที่สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่มาตรฐานสถิติได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. การนำเสนอมาตรฐานสถิติและมาตรฐานการผลิตสถิติต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณานำตัวแปรที่สอดคล้องกันเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน เพื่อให้หน่วยงานผู้จัดทำและใช้ข้อมูลสถิติสามารถวางแผนการปรับเปลี่ยนระบบสถิติได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 224 | ขอความเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการ และรายละเอียดโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) | มท | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการทบทวนเป้าหมายโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๒ โครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่อันเนื่องมาจากสาธารณภัย (กรณีอุทกภัย) จากเดิม พื้นที่ดำเนินการ จำนวน ๒๙ จังหวัด ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เป็น พื้นที่ดำเนินการ จำนวน ๓๒ จังหวัด ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ๑.๒ เห็นชอบในหลักการร่างหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการ และรายละเอียดโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีการแก้ไขวิธีการและขั้นตอนการดำเนินการ ข้อ ๗.๖ จาก “กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาตรวจสอบ ให้ความเห็นชอบดำเนินโครงการ” เป็น “กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาตรวจสอบ และขอทำความตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณก่อนแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินโครงการ” ไปดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการฯ ทุกขั้นตอนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 225 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย) | มท | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้เบิกจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน ๕,๕๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่อันเนื่องมาจากสาธารณภัย (กรณีอุทกภัย) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้แก้ไขข้อเสนอ จากเดิม ที่กำหนดให้ดำเนินการจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาล เป็น จัดสรรเป็นเงินอุดหนุนให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลที่ประสบภัยพิบัติที่ได้รับการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับเงินอุดหนุนแห่งละไม่เกิน ๕ ล้านบาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอเพิ่มเติม และให้เร่งดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังกล่าวโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวนัที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 226 | ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และรายงานการศึกษาเพื่อจัดทำแผนพัฒนาคุณธรรม และความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | ปช | 20/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยชี้แจงว่า ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ พบว่า ในภาพรวมมีค่าคะแนนเฉลี่ย ๖๑.๑๑ คะแนน ซึ่งต่ำกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ (๘๕ คะแนนขึ้นไป) ดังนั้น จึงเห็นควรให้มีการเผยแพร่ผลการประเมินดังกล่าวให้ประชาชนรับทราบ เพื่อเป็นการสะท้อนคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานและการบริหารจัดการของ อปท. รวมทั้งให้ผู้บริหารของ อปท. และผู้ที่เกี่ยวข้องปรับปรุงและพัฒนา อปท. ให้สามารถยกระดับผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสให้สูงขึ้นต่อไป ๒. รับทราบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ อปท. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย และ อปท. เผยแพร่ผลการประเมินคุณธรรมฯ และรายงานการศึกษาเพื่อจัดทำแผนพัฒนาคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ อปท. เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องในการสะท้อนปัญหาและผลกระทบจากการบริหารจัดการของ อปท. รวมทั้งเป็นการเฝ้าระวัง ตรวจสอบการบริหารจัดการของ อปท. ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย และ อปท. ประสานในรายละเอียดกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย และ อปท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เช่น (๑) การจัดเก็บภาษีเสริมและจัดสรรรายได้ให้แก่ อปท. ควรคำนึงถึงผลกระทบด้านฐานะการคลังและข้อจำกัดการใช้นโยบายภาษีอากรของรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ประกอบกอบกับการจัดสรรภาษีเงินได้นิติบุคคลตามพื้นที่จัดตั้ง อาจจะมีปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งอาจส่งผลให้บางพื้นที่ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ (๒) ตัวชี้วัดเรื่องการใช้งบประมาณ ควรคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน และความสามารถในการจัดเก็บรายได้ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จของการป้องกันการทุจริตในภาพรวม และการดำเนินงานอย่างโปร่งใส และ (๓) อปท. ควรมีข้อเสนอแนวทางการปรับพฤติกรรมการทำงาน รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กร เพื่อสนับสนุนให้การยกระดับผลการประเมินฯ ของ อปท. บรรลุเป้าหมาย เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย แล้วให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการในภาพรวมต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 227 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 06/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุมเพื่อพิจารณาต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การบริหารเศรษฐกิจในช่วงที่เหลืออยู่ของปี ๒๕๖๒ ควรให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องของการลงทุนภาครัฐ การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนที่ยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพัน การปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของแผนงาน/โครงการ ที่ไม่สามารถก่อหนี้ได้ทันภายในปีงบประมาณ เพื่อนำไปดำเนินแผนงาน/โครงการ ที่มีความพร้อม การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี และการแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการนำเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน รวมถึงการดำเนินมาตรการทางการเงินแบบผ่อนคลายและการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว สำหรับการบริหารเศรษฐกิจในระยะต่อไป ควรให้ความสำคัญกับการจัดทำเป้าหมายและแนวทางการลดระดับหนี้สาธารณะในอนาคต การส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ การปรับโครงสร้างภาษี และการนำมาตรการทางการเงินสมัยใหม่และแหล่งเงินอื่นมาใช้เพื่อลดภาระงบประมาณ อาทิ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เงินสะสม ทรัพย์อิงสิทธิ เป็นต้น ๑.๒ หน่วยงานของรัฐควรให้ความสำคัญกับการลดรายจ่ายประจำอย่างจริงจัง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ควรมีการปฏิรูปเพื่อลดรายจ่ายบุคลากรภาครัฐ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การปรับโครงสร้างกำลังคนภาครัฐและระบบการบรรจุทดแทนผู้เกษียณอายุในระยะยาว เป็นต้น รวมถึงการนำโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลมาสนับสนุนภารกิจการให้บริการประชาชนและนิติบุคคลให้มากขึ้น และการลดกฎเกณฑ์ที่มีผลกระทบต่อการเพิ่มขั้นตอนและภาระงบประมาณรายจ่ายประจำปีของภาครัฐอย่างจริงจัง ซี่งจะช่วยสนับสนุนด้านการลงทุนของภาคเอกชนอีกทางหนึ่งด้วย ๑.๓ การดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ควรให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ความเหมาะสมกับฐานะการเงินการคลังของประเทศ และไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในระยะยาว ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 228 | แนวทางในการดำเนินคดีของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และแนวทางในการดำเนินคดีในศาลปกครอง กรณีคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกฟ้องคดีในศาลปกครอง | นร05 | 30/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางในการดำเนินคดีของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และแนวทางในการดำเนินคดีในศาลปกครอง กรณีคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกฟ้องคดีในศาลปกครอง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 229 | การขอเพิ่มกรอบวงเงินสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคง | พม | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของการขอเพิ่มกรอบวงเงินสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคง จากเดิม ๘๐,๐๐๐ บาท/ครัวเรือน เป็น ๘๙,๘๐๐ บาท/ครัวเรือน โดยให้เริ่มมีผลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และคำนึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณที่จำเป็นและเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งปรับแนวทางการอุดหนุนและการสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้มีความเหมาะสม โดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่เกิดประโยชน์โดยตรงต่อกลุ่มเป้าหมายเป็นลำดับแรก ควบคู่กับการเร่งรัดผลักดันการกำหนดกลไกและมาตรการให้จังหวัด/กลุ่มจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนให้มีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการมากยิ่งขึ้น ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 230 | ขออนุมัติเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง ประจำปีงบประมาณ 2562 ของการยาสูบแห่งประเทศไทย | กค | 11/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเปิดวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน ๑,๕๐๐ ล้านบาท ในรูป Credit Line โดยวิธีเบิกเกินบัญชี (Bank Overdraft : OD) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory note : P/N) เพื่อบริหารความเสี่ยงและเสริมสภาพคล่องเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในองค์กร เช่น ค่าแสตมป์ยาสูบและภาระภาษีต่าง ๆ (ภาษีเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ) ค่าซื้อใบยาและวัตถุดิบในการผลิตบุหรี่ รวมถึงเงินลงทุนตามแผนงานในโครงการโรงงานผลิตยาสูบโรจนะ ทั้งนี้ วงเงินกู้ดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบแผนสำหรับการก่อหนี้ของการยาสูบแห่งประเทศไทย วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยการยาสูบแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาวิธีการกู้เงินระยะสั้นในรูปแบบอื่น ๆ และพิจารณาคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประกวดราคา (e-bidding) เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านต้นทุนที่เหมาะสมตามอัตราดอกเบี้ยตลาด โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้และความยั่งยืนทางการคลัง ตามนัยมาตรา ๔๙ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งพิจารณาทบทวนเบิกใช้เงินกู้เท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดภาระด้านดอกเบี้ยขององค์กรในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 231 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และในภาพรวมของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร01 | 04/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และในภาพรวมของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยภาพรวมสถิติผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้วถึงร้อยละ ๘๔.๗๑ และยังคงมีเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร้อยละ ๑๕.๒๙ สำหรับภาพรวมสถิติผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้วถึงร้อยละ ๘๙.๙๑ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และมอบหมายให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญแก่การแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ๒. ให้ส่วนราชการใช้กลไกของผู้นำการขับเคลื่อนการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ประจำหน่วยงาน (Chief Complaint Executive Officer : CCEO) ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ ประสานความร่วมมือ ติดตามและประเมินผลการดำเนินการเรื่องราวร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 232 | ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง หน้าที่และอำนาจในการจัดการปัญหาสุนัขจรจัดของกรมปศุสัตว์และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีเทศบาลตำบลเขาน้อย | นร09 | 04/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) เรื่อง หน้าที่และอำนาจในการจัดการปัญหาสุนัขจรจัดของกรมปศุสัตว์และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีเทศบาลตำบลเขาน้อย สรุปได้ว่า การที่ราชการส่วนภูมิภาคไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด และปล่อยให้ระยะเวลาล่วงเลยจนเป็นเหตุให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นตัวอย่างของปัญหาการจัดความสัมพันธ์ในการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจระหว่างราชการส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งโดยหลักการแล้ว แม้ว่าจะมีการกระจายหน้าที่และอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้ว แต่หากกฎหมายเฉพาะยังกำหนดให้ราชการส่วนภูมิภาคมีหน้าที่และอำนาจใด ๆ ราชการส่วนภูมิภาคก็ยังคงต้องปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามที่กฎหมายเฉพาะกำหนดเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) ในเรื่องนี้ไปพิจารณาเพื่อกำหนดเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจระหว่างราชการส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 233 | การพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ (New GFMIS Thai) กับระบบบัญชีคอมพิวเตอร์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (e-LAAS) | กค | 28/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแนวทางการพัฒนาการเชื่อมโยงระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ (New GFMS Thai) กับระบบบัญชีคอมพิวเตอร์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (e-LAAS) และมอบหมายให้กรมบัญชีกลางและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นดำเนินการพัฒนาระบบตามแนวทางการเชื่อมโยงข้อมูล โดยให้คณะกรรมการติดตามและกำกับดูแลการดำเนินการพัฒนาระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (New GFMIS Steering Committee) กำกับติดตามการดำเนินการและรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวจะต้องมีความครอบคลุมทุกแหล่งเงินและการรายงานผลการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐในภาพรวม โดยแสดงถึงความเชื่อมโยงกับงบประมาณรายจ่ายที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการบริหารจัดการด้านการงบประมาณ การเงิน และการคลังของประเทศในภาพรวม ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 234 | รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงมหาดไทยเพื่อมอบให้ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2562 | มท | 21/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบให้ประชาชน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการ “คืนคลองสวยทั่วไทย สุขใจเที่ยวท้องถิ่น” ได้ดำเนินการตามเป้าหมายแล้ว จำนวน ๗๖ จังหวัด มีคูคลองที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นคลองต้นแบบระดับจังหวัด จำนวน ๑๐๔ แห่ง เช่น คลองบางกล่ำ จังหวัดสงขลา คลองแม่มอก จังหวัดสุโขทัย และคลองรังสิตประยูรศักดิ์ จังหวัดปทุมธานี เป็นต้น ๒. โครงการ “ห้องน้ำท้องถิ่นสะอาดและปลอดภัย” ได้ดำเนินการตามเป้าหมายแล้ว จำนวน ๗๖ จังหวัด มีห้องน้ำสาธารณะที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่พัฒนา/ปรับปรุงแล้ว จำนวน ๓๓,๒๗๖ แห่ง จากจำนวน ๔๐,๙๙๑ แห่ง เช่น ห้องน้ำศูนย์บริการร่วมแบบเบ็ดเสร็จเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ห้องน้ำสวนสาธารณะเกาะลำพู จังหวัดสุราษฎร์ธานี และห้องน้ำภายในสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลวังโมกข์ จังหวัดพิจิตร เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 235 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 จำนวน 4 ฉบับ | มท | 14/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการมอบหมายให้ส่วนราชการรับชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำความตกลงมอบหมายให้ส่วนราชการดำเนินการรับชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแทนได้ และกำหนดอัตราส่วนลดหรือค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บภาษีที่ส่วนราชการรับชำระไว้แทน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ ที่ให้จัดเก็บภาษีตามมาตรา ๓๗ (๔) แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงการผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดจำนวนงวดและจำนวนเงินภาษีขั้นต่ำที่มีสิทธิผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการในการผ่อนชำระภาษี ๒. ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงกำหนดที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ โดยกรณีที่ดินที่ไม่ใช้ประโยชน์ตามควรแก่สภาพนั้น ควรพิจารณากำหนดระยะเวลาของการไม่ใช้ประโยชน์ในปีที่ผ่านมาไว้ด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 236 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ ทุนหมุนเวียน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๓๕๑ หน่วยงาน จากทั้งหมด ๘,๔๒๐ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๑๘ โดยมีหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาตามมาตรา ๗๐ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๗๒ หน่วยงาน และหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงิน จำนวน ๖๙ หน่วยงาน รวมทั้งข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับการจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐ ได้แก่ (๑) ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งส่งข้อมูลรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ (๒) ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับดูแล หน่วยงานภายใต้สังกัดส่งรายงานการเงินของหน่วงยงานภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด หน่วยงานต้องรายงานเหตุผล หรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดทำรายงานครั้งถัดไป หากกระทรวงการคลังจะได้จัดทำบทวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เช่น มีประเด็นหนี้สินหรือค่าใช้จ่ายด้านใดที่รัฐบาลพึงระมัดระวังในอนาคต ก็จะเป็นประโยชน์ตามเจตนารมณ์ที่กำหนดตามมาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งส่งข้อมูลรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับดูแลหน่วยงานภายใต้สังกัดให้ส่งรายงานการเงินของหน่วยงานภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด หน่วยงานต้องรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 237 | ร่างกฎกระทรวงการรับฟังความเห็นของประชาชนสำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... | พน | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงการรับฟังความเห็นของประชาชน สำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนสำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ เพื่อประโยชน์แก่การป้องกันหรือระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายหรืออันตรายที่จะมีผลกระทบต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น การเข้าพื้นที่โครงการเพื่อเตรียมการก่อนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน การแก้ไขข้อความในส่วนของบันทึกหลักการและเหตุผลจากคำว่า “รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕” เป็น “รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ” และการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กรมธุรกิจพลังงานควรเปิดช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อนำไปปรับปรุงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 238 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....) | มท | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร และในพื้นที่บางส่วน ในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อควบคุมสีของผนังอาคาร และสีของหลังคาอาคาร ให้เป็นโทนสีเดียวกัน รวมทั้งความสูงของอาคาร เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสวยงาม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ภาคส่วนต่าง ๆ ได้รับทราบ และกำชับให้กรุงเทพมหานครในฐานะราชการส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของกรุงเทพมหานครควบคุมการขออนุญาตก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 239 | ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ 7 (2) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. 2558 เพื่อการสำรวจปิโตรเลียม การผลิตปิโตรเลียม การเก็บรักษา การขนส่ง หรือกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม | พน | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ ๗ (๒) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ แก่บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๓/๒๕๔๖/๖๐ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเป็นผู้ยื่นขออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าเพื่อการสำรวจ ผลิต เก็บรักษา ขนส่ง หรือกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมต่อกรมป่าไม้ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นว่า (๑) การผลิตปิโตรเลียมบนพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินจะดำเนินการผลิตได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ (๒) พื้นที่ขออนุญาตดังกล่าวต้องดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ จัดทำแผนที่และเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรับฟังความเห็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจึงจะทราบได้ว่าสามารถพิจารณาอนุญาตได้ตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งการพัฒนาปิโตรเลียมจะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการหรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ด้วย และ (๓) พื้นที่ที่จะพิจารณาอนุญาตจะต้องไม่เป็นพื้นที่ป่าที่มีสภาพป่าไม้สมบูรณ์ พื้นที่ที่ควรรักษาไว้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า หรือพื้นที่ที่มติคณะรัฐมนตรีกำหนดหลักเกณฑ์ห้ามใช้ประโยชน์ไว้เป็นการเฉพาะตามข้อ ๑๒ ของกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงพลังงานกำกับดูแลให้ผู้รับสัมปทานในเรื่องนี้ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอนตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมในการอนุมัติ/อนุญาต ตลอดจนกำกับดูแลการดำเนินการของผู้รับสัมปทานในเรื่องนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือแนวทางปฏิบัติที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 240 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....) | มท | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร และในพื้นที่บางส่วน ในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อควบคุมสีของผนังอาคาร และสีของหลังคาอาคาร ให้เป็นโทนสีเดียวกัน รวมทั้งความสูงของอาคาร เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสวยงาม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ภาคส่วนต่าง ๆ ได้รับทราบ และกำชับให้กรุงเทพมหานครในฐานะราชการส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของกรุงเทพมหานครควบคุมการขออนุญาตก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
