ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 341 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | มท. | 20/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ (เรื่อง โครงการไฟฟ้าพลังงานบ้านจันเดย์) เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยยุติการดำเนินโครงการไฟฟ้าพลังน้ำบ้านจันเดย์
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ที่เห็นควรกำกับการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนต่าง
ๆ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประทศไทย ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ให้จัดหาพลังงานไฟฟ้าทดแทนจากแหล่งพลังงานอื่นโดยเฉพาะที่มาจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อประโยชน์ต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า
รวมทั้งเป็นไปและสอดคล้องกับนโยบาย BCG ของรัฐบาลต่อไป และควรยุติโครงการฯ ไว้ก่อน แต่ไม่ควรยกเลิกอย่างสิ้นเชิง
ในระหว่างนี้ให้ติดตามข้อมูลลงทุนความเหมาะสมของการพัฒนาโครงการฯ ในอนาคตต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาทบทวนการปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ ๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน โดยคำนึงถึงความจำเป็น ความคุ้มค่า
และความเหมาะสมทางเทคนิคที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบและรัดกุมเพื่อให้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ มีความถูกต้อง ชัดเจน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 342 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 18 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564-30 กันยายน 2565) | นร.04 | 13/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๑๘ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔-๓๐
กันยายน ๒๕๖๕) สรุปได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก ๙ ด้าน เช่น การทำนุบำรุงศาสนา
การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย
การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งของฐานราก การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย
การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและรักษา
การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ การป้องกันปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบและกระบวนการยุติธรรม
และ (๒) นโยบายเร่งด่วน ๗ เรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน
การปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การยกระดับศักยภาพแรงงาน
การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ ๒๑ การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 343 | รายงานผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ประจำปี 2563 และประจำปี 2564 | พม. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประจำปี ๒๕๖๓ และประจำปี ๒๕๖๔
ตามมติคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ในการประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม
๒๕๖๕ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติฯ ประจำปี ๒๕๖๓
และประจำปี ๒๕๖๔ ของคณะกรรมการ ๓ คณะ ได้แก่
คณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เช่น
การปรับปรุงมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน
คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เช่น
รับพิจารณาคำร้องที่เกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ
และคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เช่น การจ่ายเงินชดเชย
เยียวยาหรือบรรเทาทุกข์แก่ผู้เสียหายจากการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศและสนับสนุนโครงการเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศให้แก่หน่วยงาน/องค์กรต่าง
ๆ (๒) ผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติฯ และ (๓)
ข้อท้าทายและการดำเนินงานในระยะต่อไปเพื่อให้การปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติฯ
มีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 344 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... | นร.09 | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
กระทรวงแรงงาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและหน้าที่และอำนาจของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
กระทรวงแรงงาน เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 345 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 1/2565 | กษ. | 29/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๕ และเห็นชอบการเปิดตลาดนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองภายใต้กรอบองค์การค้าโลก (World Trade Organization :
WTO) คราวละ ๓ ปี (ปี ๒๕๖๖-๒๕๖๘) ไม่จำกัดปริมาณ อัตราภาษี
ร้อยละ ๐ และกรอบการค้าอื่น ๆ ให้เป็นไปตามข้อผูกพัน
และการบริหารการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง คราวละ ๓ ปี (๒๕๖๖-๒๕๖๘) การเปิดตลาดและบริหารการนำเข้าสินค้าน้ำมันถั่วเหลืองและแฟรกชันของน้ำมันถั่วเหลือง
มะพร้าว มะพร้าวฝอย เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าวและแฟรกชันของน้ำมันมะพร้าว
ตามพันธกรณีความตกลงการเกษตรภายใต้ WTO และความตกลงการค้าเสรี
(FTA) อื่น ๆ คราวละ ๓ ปี (ปี ๒๕๖๖-๒๕๖๘)
โดยจัดสรรปริมาณการนำเข้าในโควตาปีต่อปี การใช้มาตรการปกป้องพิเศษ (Special
Safeguard Measure : SSG) ภายใต้ความตกลงเกษตรของ WTO และความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA)
สำหรับสินค้ามะพร้าวผล ปี ๒๕๖๕
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งผู้ประกอบการสามารถวางแผนการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง
และเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
โดยเพิ่มเติมอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นกรรมการ ตามที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ และให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น การใช้มาตรการป้องกันพิเศษ (Special
Safeguard Measure)
ควรพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับเงื่อนไขและขั้นตอนภายใต้ข้อ ๕
ของความตกลงว่าด้วยการเกษตร (Agreement on Agriculture) ของ WTO
และข้อ ๘๖ ของ ATIGA ควรกำกับดูแลการนำเข้าให้เป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนด
รวมทั้งเข้มงวดกับการป้องกันผู้กระทำความผิดและเฝ้าระวังให้เกิดการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรชนิดต่าง
ๆ อาทิ เมล็ดถั่วเหลือง มะพร้าว น้ำมันปาล์ม
อย่างเคร่งครัดเพื่อมิให้กระทบกับเกษตรกรในประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 346 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.01 | 29/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม บทนิยาม องค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ
(กคร.) และคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด
(กคร. จังหวัด) และกำหนดให้หน่วยงานของรัฐเผยแพร่บัญชีการรับจ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการเรี่ยไรและรายงานการเงินของการเรี่ยไรผ่านทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงานของรัฐนั้น
เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
(ฉบับปรับปรุง) และสถานการณ์ปัจจุบัน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เช่น การกำหนดคำนิยามคำว่า
“เจ้าหน้าที่ของรัฐ”
ควรกำหนดให้ครอบคลุมถึงบุคคลและคณะบุคคลบรรดาซึ่งมีกฎหมายกำหนดให้ใช้อำนาจหรือได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจในทางปกครองที่จัดตั้งขึ้นในระบบราชการ
รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการอื่นของรัฐด้วย ควรแก้ไขบทเฉพาะกาลตามร่างข้อ ๙
ให้สอดคล้องกับผู้มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัดด้วย
ควรมีการกำหนดคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไว้ในระเบียบดังกล่าว
และหากมีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบดังกล่าวต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมเรี่ยไร
และกำหนดให้ กคร. มีอำนาจในการควบคุมเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐทั้งหมดอาจทำให้มีกรณีเกิดความล่าช้าและกระทบต่อประโยชน์ทางราชการ
ซึ่งหากมีการแต่งตั้ง กคร. ของกระทรวง/หน่วยงานขึ้นตรง
(ที่รัฐมนตรีกำกับดูแลเป็นประธาน) เป็นเอกเทศ แยกจาก กคร. เดิม ทำให้ช่วยลดระยะเวลาในการปฏิบัติงานลงได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 347 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2565 | นร16 | 22/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
(คทช.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๕ รวม ๖ เรื่อง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
(สคทช.) เสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.
เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) การแก้ไขคำสั่ง คทช. ที่ ๑/๒๕๖๓ เรื่อง
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ โดยแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. จำนวน
๔ คณะ และ (๒) ผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ คทช. และคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. ๒.
เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) (ร่าง)
หลักเกณฑ์การมอบหมายหน่วยงานตามผลการจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดิน (๒)
การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าไม้ถาวร และ (๓) (ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ๓.
เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ เรื่อง
ผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน
๒๕๖๕ เกี่ยวกับผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐฯ
ของพื้นที่กลุ่มที่ ๒ จำนวน ๑๑ จังหวัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 348 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 22 | กต. | 22/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ธากา
(Dhaka Communique) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
(Indian Ocean Rim Association Council of Ministers : IORA COM) ครั้งที่ ๒๒ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ กรุงธากา
สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างแถลงการณ์ฯ โดยร่างแถลงการณ์ฯ
มีสาระสำคัญเพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในระดับรัฐมนตรีของประเทศสมาชิก ได้แก่
(๑) รับทราบผลการดำเนินงานของกลไกต่าง ๆ
ภายใต้สมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) และการแก้ไขปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (๒)
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
ฉบับที่สอง (ค.ศ. ๒๐๒๒-๒๐๒๗) (๓)
รับทราบการรับรองคำมั่นว่าด้วยความเท่าเทียมทางเพศของสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียในวันสตรีสากล
(๔) รับรองซาอุดีอาระเบียเป็นหุ้นส่วนคู่เจรจา ลำดับที่ ๑๑ ของสมาคมฯ และ (๕)
เห็นชอบการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการประชุมคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสและสภารัฐมนตรีสมาคมฯ
และการปรับปรุงการบริหารจัดการของสมาคมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 349 | ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด | นร16 | 22/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและรับทราบผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐ (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ ๒ จำนวน ๑๑ จังหวัด และให้หน่วยงานที่มีดินอยู่ในความรับผิดชอบปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ตามแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ
ดังกล่าว ให้แล้วเสร็จ ภายใน ๓๖๐ วัน โดยอาจขอขยายระยะเวลาการดำเนินการต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้ตามเหตุผลความจำเป็นแต่ไม่เกิน
๑๘๐ วัน หากมีผู้ใดได้รับผลกระทบดังกล่าว
ให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง
รวดเร็ว เหมาะสม ตามควรแก่กรณี โดยเป็นไปตามกฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
สำหรับพื้นที่ที่ไม่มีราษฎรถือครองทำกิน พื้นที่ที่มีศักยภาพทำการเกษตรไม่คุ้มค่า
พื้นที่หล่อแหลมคุกคามต่อระบบนิเวศ และพื้นที่ที่ควรอนุรักษ์ไว้เพื่อให้ชุมชนใช้ประโยชน์ร่วมกันนั้น
ขอให้กันไว้ใช้ในกิจกรรมของกรมป่าไม้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม
๒๕๓๗ ในการเสนอออกกฎหมายของหน่วยงาน
ควรพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายที่จะให้การรับรองและความคุ้มครองหน่วยงานของรัฐ
เจ้าหน้าที่รัฐ
และผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ
และควรมีการกำกับและติดตามผลการดำเนินการเพื่อให้สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จเป็นไปตามแผนที่วางไว้และเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมพัฒนาที่ดิน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดพิจารณาแนวทางการดำเนินการ
กรณีพื้นที่กันออกจากป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ที่ทับซ้อนกับป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓ [เรื่อง
การจำแนกประเภทที่ดินจังหวัดขอนแก่น (เฉพาะแห่ง)] ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน
ถูกต้อง ตรงกัน รวมทั้งให้เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวให้แล้วเสร็จและเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 350 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) Re-Open ธุรกิจโรงแรมและ Supply Chain ของโรงแรม | กค. | 22/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
(Soft Loan) Re-Open ธุรกิจโรงแรมและ Supply
Chain ของโรงแรม
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium
Enterprises : SMEs) ในธุรกิจโรงแรมและ Supply Chain ของโรงแรมให้มีเงินทุนเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงระยะเวลาชำระเงินกู้กรณีให้สินเชื่อเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมสถานประกอบกิจการและลงทุนในอุปกรณ์ต่าง
ๆ จากเดิมไม่เกิน ๗ ปี เป็นไม่เกิน ๑๐ ปี
รวมทั้งให้พิจารณาขยายคุณสมบัติของผู้กู้ให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการรายย่อยในแต่ละท้องถิ่นที่ประกอบกิจการอาหารหรือกิจการอื่นที่มีเอกลักษณ์/อัตลักษณ์ของท้องถิ่นนั้น
ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืนต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการคลัง ธนาคารออมสิน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการ
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงมาตรฐานการสนับสนุนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ต่อไป ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ควรเร่งประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการ เพื่อให้การดำเนินโครงการบรรลุเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด
และควรเร่งพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ในธุรกิจโรงแรมและ Supply Chain ของโรงแรมได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์
เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการฟื้นฟูรายได้ในช่วงที่ภาคการท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 351 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายในการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านการเงินแก่ผู้ประกันตนและนายจ้าง ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา | สว. | 15/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
ทางเลือกเชิงนโยบายในการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านการเงินแก่ผู้ประกันตนและนายจ้าง
ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานผลการศึกษาดังกล่าว
โดยเห็นว่าการปรับปรุงหรือพัฒนากฎหมาย โดยใช้หลักการจัดระบบเงินสมทบ (Define Contribution)
ควบคู่ไปกับการจัดระบบประโยชน์ทดแทน (Define Benefit)
ที่เหมาะสม อาจเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ประกันตนที่มีสัญชาติไทยและผู้ประกันตนที่ไม่มีสัญชาติไทยและอาจไม่เป็นไปตามหลักสากล
รวมถึงการเยียวยาภัยพิบัติเชิงรุกในรูปแบบต่าง ๆ ควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เป็นภารกิจหลักโดยตรงดำเนินการ และการจัดตั้งธนาคารเพื่อแรงงาน
ควรมีการวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบ
รวมทั้งแหล่งที่มาของเงินทุนอย่างครบถ้วน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 352 | ผลการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค ครั้งที่ 7 | กษ. | 15/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
ครั้งที่ ๗ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๕ ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีสรุปผลการประชุมฯ
เช่น (๑) การประกาศแถลงการณ์ประธานสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาหารเอเปค
ครั้งที่ ๗ โดยผลักดันนโยบายสำคัญ เช่น การสนับสนุนความปลอดภัยอาหารและการอำนวยความสะดวกทางการค้า
การปรับปรุงการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี
และการส่งเสริมความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น (๒)
การกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการภายใต้แผนงานความมั่นคงอาหารมุ่งสู่ปี ค.ศ.
๒๐๓๐ ของประเทศต่าง ๆ เช่น เครือรัฐออสเตรเลีย
ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สาธารณรัฐประชาชนจีน
ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ชนบท และสหรัฐอเมริกา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโมเดลต้นแบบเมืองคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
เป็นต้น (๓) การร่วมรับรองแผนปฏิบัติการภายใต้แผนงานความมั่นคงอาหารมุ่งสู่ปี ค.ศ.
๒๐๓๐ ของประเทศสมาชิก และ (๔)
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน เช่น
การส่งเสริมความร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร
การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ และการส่งเสริมการลงทุนด้านการเกษตร เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 353 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการปรับปรุงและจัดทำนโยบายอัตราค่าไฟฟ้า ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา | สว. | 15/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการปรับปรุงและจัดทำนโยบายอัตราค่าไฟฟ้า
ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า ร่างนโยบายการกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย
ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘ มีความสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา ประกอบกับกระทรวงมหาดไทยโดยการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเห็นว่า
รายงานดังกล่าวครอบคลุมต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์และการดูแลสังคมผู้ด้อยโอกาส
รวมทั้งรองรับการเปลี่ยนแปลงบริบทของอุตสาหกรรมไฟฟ้ากระทรวงอุตสาหกรรมเห็นว่า สะท้อนต้นทุนในการให้บริการของกิจการไฟฟ้าอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมทั้งผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่ม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นว่า
ควรเร่งศึกษาและดำเนินการพัฒนาพลังงานทดแทน (Renewable
Energy) ให้สามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของแต่ละพื้นที่
และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเห็นว่า
จะนำรายงานดังกล่าวมาศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมประกอบการดำเนินงานให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน
พ.ศ. ๒๕๕๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 354 | ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม มาตรการป้องกันการทุจริตจากกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ | ปช. | 15/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
มาตรการป้องกันการทุจริตจากกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
มีสาระสำคัญเพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ
หรือการวางแผนโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ
เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
และเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมาตรการใดที่เป็นช่องทางให้มีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
หรือเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลดีต่อราชการได้
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 355 | ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. .... | กค. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คคณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุง หลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตสุรา
โดยการปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตผลิตสุรา หลักเกณฑ์
และเงื่อนไขของโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ผลิตสุรา
และยกเลิกทุนจดทะเบียนสำหรับผู้ผลิตสุราแช่และเบียร์ เพื่อลดข้อจำกัดและเปิดโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสุราขนาดกลางและขนาดย่อม
และสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจสุรา
โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้
รวมทั้งการปรับปรุงกระบวนการและขั้นตอนในการขอใบอนุญาตและออกใบอนุญาตผลิตสุรา
เพื่อมิให้เป็นการสร้างภาระแก่ผู้ขออนุญาตโดยไม่จำเป็น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นสมควรดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาอนุญาตผลิตสุรา
เช่น
กฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต
ให้สอดคล้องกับร่างกฎกระทรวงนี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการควบคุมคุณภาพการผลิตสุรารวมถึงการป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผลิตสุรา
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 356 | โครงการสินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน | กค. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้เข้าร่วมงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ให้มีสภาพคล่องที่เพียงพอในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ
รวมถึงสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนตามนโยบายรัฐบาล และอนุมัติงบประมาณวงเงินรวม
๖๐๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการสินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ทางการเงินกับภาคครัวเรือน
ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนในระยะยาว
รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนต่อไปด้วย ธนาคารควรติดตามและประเมินผลกระทบหากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้
โดยกำหนดแนวทางและกลไกในการติดตามช่วยเหลือลูกหนี้
รวมถึงกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อลูกหนี้และธนาคารในระยะยาว ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 357 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบองค์การมหาชน | นร.12 | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบองค์การมหาชน ที่กำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบ
คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม อำนาจหน้าที่ การประชุม การประเมินผลงาน และการบังคับใช้
เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์กระทรวงการคลัง
ว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการตรวจสอบภายในสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรเพิ่มคุณสมบัติของประธานกรรมการตรวจสอบให้มาจากการเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
หรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การมหาชนเพื่อให้การเสนอแนะและการให้ข้อคิดเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กรณีที่กำหนดให้คณะกรรมการตรวจสอบต้องอุทิศเวลาในการปฏิบัติหน้าที่
อาจแปลความหมายในลักษณะบทบาทเจ้าหน้าที่ประจำหรือไม่
หรือหากต้องการกำหนดชัดเจนว่าบุคคลหนึ่งห้ามเป็นคณะกรรมการตรวจสอบในองค์การมหาชนหรือคณะกรรมการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันก็ควรกำหนดให้ชัดเจนไปเลยในลักษณะเช่นเดียวกับคณะกรรมการองค์การมหาชน
สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบฯ
เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๖ ไปดำเนินการ และ/หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 358 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของวุฒิสภา เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการ
และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเร่งปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๓
หุ้นส่วนและบริษัท เพื่อรองรับการดำเนินการทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้กฎหมายมีความทันสมัยสอดคล้องกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายนี้ การรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้านในการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
การออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดให้ลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียม
ควรเรียกเก็บเพียงเท่าที่จำเป็นและเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสม
เพื่อไม่เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร และการจัดทำตัวอย่างข้อบังคับที่มีกลไกในการแก้ปัญหาข้อพิพาทให้ผู้มาจดทะเบียนสามารถเลือกใช้ได้
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานรับหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาดังกล่าว ไปพิจารณารวมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 359 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | ทส. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง
ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว
จังหวัดชุมพร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการปรับปรุงมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามร่างประกาศในเรื่องนี้เพื่อไม่ให้มีความทับซ้อนหรือขัดแย้งกับร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลชุมโค
อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ.
.... ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ ก่อนที่ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับต่อไป
ทั้งนี้ การประกาศบังคับใช้ร่างประกาศในเรื่องนี้ไปพลางก่อน
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำที่ไม่เหมาะสมและอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและระบบนิเวศชายฝั่งตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 360 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .... ) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย) | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. .... ) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้ที่นักแสดงสาธารณะที่เป็นนักแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศซึ่งดำเนินการสร้างโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและได้รับอนุญาตการสร้างตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ครบกำหนดเวลา ๕ ปี
นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้นักแสดงสาธารณะที่เป็นนักแสดงภาพยนตร์
ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับอันเนื่องมาจากการแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศ
ซึ่งดำเนินการสร้างโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและได้รับอนุญาตการสร้างตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์
ทั้งนี้
สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่กำหนดเวลา
๕ ปี นับแต่วันที่กฎกกระทรวงมีผลใช้บังคับ และให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๑๘๐ วันนับแต่วันที่กฎกระทรวงประกาศในราชกิจจานุเบกษา
และมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย
เพื่อให้การดำเนินมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เพื่อให้การดำเนินมาตรการบรรลุเป้าหมาย
รวมทั้งสำรวจข้อมูลจำนวนและเงินลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย
และจำนวนและเงินได้ของนักแสดงชาวต่างชาติที่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการนี้เป็นรายปีจนสิ้นสุดมาตรการและนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่กระทรวงการคลังทุกสิ้นปีเพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็น และประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโนโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
