ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 301 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 22 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 - 31 มกราคม 2566) | นร.04 | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๒ (ระหว่างวันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๔-๓๑ มกราคม ๒๕๖๖)
สรุปได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก ๗ ด้าน เช่น
การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
การสร้างความมั่นคงความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ การทำนุบำรุงศาสนา
การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย
การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
และ (๒) นโยบายเร่งด่วน ๘ เรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน
การปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม
การยกระดับศักยภาพแรงงาน การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 302 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงเเบนรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างเครื่องจักรกลต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงเเบนรีดร้อน
สำหรับงานโครงสร้างเครื่องจักรกลต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน
เนื่องจากมาตรฐานบังคับดังกล่าวใช้มาเกิน ๕ ปีแล้ว
และเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานอ้างอิง การพัฒนาเทคโนโลยี
การทำและการใช้ภายในประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 303 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน ทนแรงดึงสูงที่ปรับปรุงสมบัติการขึ้นรูป สำหรับงานโครงสร้างรถยนต์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน
ทนแรงดึงสูงที่ปรับปรุงสมบัติการขึ้นรูป สำหรับงานโครงสร้างรถยนต์
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน
ทนแรงดึงสูงที่ปรับปรุงสมบัติการขึ้นรูป สำหรับงานโครงสร้างรถยนต์
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานอ้างอิงการพัฒนาเทคโนโลยี
รวมทั้งการทำและการใช้ภายในประเทศมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 304 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ในห้วงวันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2565 | สกมช. | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ในห้วงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔-๓๐
กันยายน ๒๕๖๕ ได้แก่ สถิติเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยมีการโจมตีด้วยการแฮ็กเว็บไซต์มากที่สุดถึง
๓๖๗ เหตุการณ์ (๒) สถิติการปฏิบัติงานในการสนับสนุนช่วยแก้ไขปัญหาและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
เช่น แจ้งเตือนเหตุการณ์ ให้คำปรึกษาและแนะนำในการแก้ไขปัญหา ๔๖๗ เหตุการณ์ (๓)
ประเภทของหน่วยงานที่ถูกโจมตีด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์มากที่สุด ๕ อันดับแรก รวม
๔๔๙ เหตุการณ์ ได้แก่ หน่วยงานด้านการศึกษา ๒๑๑ เหตุการณ์
หน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำหรับทางสารสนเทศ ๑๓๕ เหตุการณ์
หน่วยงานด้านสาธารณสุข๖๗ เหตุการณ์ ผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทเอกชนและสัญชาติไทย
๒๔ เหตุการณ์ และผู้ประกอบกิจการให้เช่าพื้นที่เว็บไซต์หรือที่เป็นดาต้าเซ็นเตอร์
๑๒ เหตุการณ์ (๔) แนวโน้มเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น การโจมตีด้วยการแฮ็กเว็บไซต์หน่วยงานราชการและหน่วยงานสำคัญเป็นรูปแบบที่ถูกตรวจพบมากที่สุด
(๕) แนวทางการจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น
การเตรียมการและป้องกันการเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการตรวจจับและวิเคราะห์ภัยคุกคามทางไซเบอร์
และ (๖) ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญจากแนวโน้มสถานการณ์ทางไซเบอร์ เช่น
การถูกโจมตีด้วยการแฮ็กเว็บไซต์เป็นเรื่องที่ผู้ดูแลระบบของหน่วยงานควรให้ความสนใจกับการปรับปรุงแพทช์ของระบบปฏิบัติการหรือระบบบริหารจัดการเว็บไซต์ให้เป็นปัจจุบัน
และสถานการณ์อาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กระทบต่อประชาชน
ควรสร้างความรู้ความเข้าใจและให้ความตระหนักรู้กับประชาชน
โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับรูปแบบและวิธีการที่เหล่ามิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวง
ตามที่คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 305 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 | นร16 | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
(คทช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ รวม ๓ เรื่อง
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้
ดังนี้ ๑. เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ (๑)
ผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ คทช. และคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) การดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน
๑:๔๐๐๐ (One
Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ ๓ จำนวน ๑๑ จังหวัด และ (๒)
การแก้ไขปัญหาข้อพิพาทกรณีป่าสงวนแห่งชาติป่าพระแท่นดงรัง ในพื้นที่ตำบลพระแท่น
อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ทับซ้อนกับวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร ๓. เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ เรื่อง การติดตามผลการแก้ไขปัญหากลุ่มราษฎรที่ร้องขอที่ดินทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 306 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมาตรการคู่ขนาน ปี 2565/66 และปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) | พณ. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
และเห็นชอบหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๕/๖๖
กรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๗๑๖,๑๐๐,๙๙๒ บาท หลักการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปี ๒๕๖๕/๖๖ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่
โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
ปี ๒๕๖๕/๖๖ กรอบวงเงินรวม ๓๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาแหล่งเงินเพื่อดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
และมาตรการคู่ขนาน ปี ๒๕๖๕/๖๖ ตามความจำเป็นเหมาะสม
โดยต้องไม่เกินกรอบวงเงินตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ หรืองบกลาง หรือแหล่งเงินอื่น ๆ ตามความจำเป็นต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรนำผลการดำเนินงานในอดีตมาประกอบการพิจารณาถึงความเหมาะสมและจำเป็นและขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนปกติ
พิจารณาแหล่งเงินในการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้ทันต่อระยะเวลาโครงการที่กำหนดไว้
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานตามจริง
และควรพิจารณากำหนดแนวทางการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการที่สะท้อนผลลัพธ์ของโครงการได้อย่างแท้จริง
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดนโยบาย หรือปรับปรุงเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมกับสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบัน
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชน เร่งรัดจัดทำระบบ
หรือกลไกตรวจสอบแหล่งที่มาของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 307 | รายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน | มท. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ มีมติ ๓
ประเด็น สรุปได้ว่า (๑)
เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงแผนแม่บทและแผนแม่บทอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน
โดยให้ปรับปรุงอาคารศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก
(๒) เห็นชอบให้จังหวัดน่านจัดทำแผนแม่บทและแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่านฉบับใหม่
โดยทบทวนแผนแม่บทฉบับเดิมในภาพรวม และการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณต่าง ๆ
ในเมืองเก่าให้เหมาะสม
โดยจัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ และให้จังหวัดน่านรับความเห็นของคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และ (๓)
รับทราบและเห็นชอบในหลักการการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่านที่เห็นชอบโครงการปรับปรุงอาคารศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก
ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณ เช่น ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด คำนึงถึงภูมิทัศน์
วัฒนธรรม (Cultural Landscape) ของพื้นที่ดังกล่าว
ซึ่งมีโบราณสถานและแหล่งศิลปกรรมสำคัญตั้งอยู่โดยรอบด้วย
และสร้างความรับรู้และความเข้าใจต่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่านในทุกมิติ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่านในระยะยาวต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 308 | ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน | นร16 | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการใช้เส้นปรับปรุงการสำรวจแนวเขต
ปี ๒๕๕๓ ในการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map)
พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดนครราชสีมา
และจังหวัดปราจีนบุรี และให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดปราจีนบุรี
ร่วมกันตรวจสอบข้อมูลพื้นที่ของจุดที่ไม่ชัดเจนให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน
และเร่งรัดดำเนินการสำรวจเพื่อจัดทำแนวกันชน (Buffer Zone) ที่ชัดเจน
เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของพื้นที่มรดกโลกและสภาพพื้นที่ป่าไม้
ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด แนวทางการคุ้มครองการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่ได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายและการคุ้มครองและรับรองการดำเนินการของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ
คณะทำงาน และเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 309 | ขอความเห็นชอบ (ร่าง) ข้อตกลงความร่วมมือโครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำของประเทศไทย ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและการเกษตรแบบยั่งยืน | กษ. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
ข้อตกลงความร่วมมือโครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำของประเทศไทย
ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและการเกษตรแบบยั่งยืน
โดยมีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนกระบวนการบริหารจัดการน้ำโดยคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ
โดยส่งเสริมให้เกษตรกรที่ประสบภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน
ในเขตจังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย และอุตรดิตถ์
ให้สามารถปรับตัวและประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมีการดำเนินการที่สำคัญ
เช่น
การจัดทำฐานข้อมูลและระบบคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเพื่อนำไปปรับปรุงการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง
และการปรับปรุงงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรกำกับติดตามการดำเนินโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กรอบระยะเวลาโครงการที่กำหนด
เพื่อให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมในการเพิ่มศักยภาพการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมอากาศของภาคเกษตรในกลุ่มเป้าหมายของโครงการ
การพิจารณานอกเหนือจาก (ร่าง) ข้อตกลงฯ ขอให้คำนึงถึงการดำเนินการที่จะกระทำได้ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย
ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับแผนงาน/โครงการด้านทรัพยากรน้ำจากคณะกรรมการลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ให้ถูกต้อง เหมาะสม ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง)
ร่างข้อตกลงความร่วมมือโครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำของประเทศไทย
ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและการเกษตรแบบยั่งยืน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 310 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... | ทส. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงชนิดสัตว์ป่าคุ้มครองตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่เห็นว่าสัตว์บางชนิดเป็นสัตว์ชนิดอื่นตามบทนิยาม มาตรา ๔
แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ เช่น สัตว์จำพวก นก ค่าง ค้างคาว
ซึ่งประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดสัตว์หรือซากสัตว์ชนิดอื่นตามมาตรา
๓๔ (๔) แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ๒๕๖๔ การนำสัตว์หรือซากสัตว์ไปยังท้องที่จังหวัดอื่น
ต้องได้รับใบอนุญาตจากสัตว์แพทย์ประจำท้องที่ต้นทาง มาตรา ๓๔ ด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 311 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
โดยสำนักงานศาลยุติธรรมรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ครั้งที่
๕/๒๕๖๖ เมื่อวันที ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
มีมติเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับศึกษาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ในประเด็นที่เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การได้มาของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น กำหนดช่วงอายุของผู้สมัคร วุฒิการศึกษา เป็นต้น
และในประเด็นที่เกี่ยวกับการให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติในการกำหนดหลักเกณฑ์การพ้นตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้มีความสอดคล้องกัน อาทิ
ในบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามโดยทั่วไป
จะบัญญัติแต่เพียงคำว่า “เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก” หรือ
“ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก” ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งจะไม่มีถ้อยคำ “คำสั่งถึงที่สุดของศาลให้จำคุก”
โดยเห็นว่าสำนักงานศาลยุติธรรมควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในประเด็นดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกัน
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 312 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สว. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
โดยสำนักงานศาลยุติธรรมรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ครั้งที่
๕/๒๕๖๖ เมื่อวันที ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
มีมติเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับศึกษาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ในประเด็นที่เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การได้มาของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น กำหนดช่วงอายุของผู้สมัคร วุฒิการศึกษา เป็นต้น
และในประเด็นที่เกี่ยวกับการให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติในการกำหนดหลักเกณฑ์การพ้นตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้มีความสอดคล้องกัน อาทิ
ในบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามโดยทั่วไป
จะบัญญัติแต่เพียงคำว่า “เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก” หรือ
“ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก” ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งจะไม่มีถ้อยคำ “คำสั่งถึงที่สุดของศาลให้จำคุก”
โดยเห็นว่าสำนักงานศาลยุติธรรมควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในประเด็นดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกัน
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 313 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... [การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)] | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังจัดทำข้อมูลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผ่านมาจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชน
แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างผระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชนตามร่างพระราชกฤษฎีกาที่กระทรวงการคลังเสนอขายในครั้งนี้
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ซึ่งเดิมที่เคยมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวตามประมวลรัษฎากรและได้จัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้วนั้น
อาจมีผลกระทบต่อการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จึงควรพิจารณาประเด็นดังกล่าวโดยคำนึงถึงการจัดสรรรายได้ที่รัฐจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านมาด้วย
ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และพิจารณาดำเนินการตามนัยมาตราของมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 314 | การปรับปรุงคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และสิทธิประโยชน์สำหรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย (Long-Term Resident Visa : LTR Visa) | นร.13 | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงอุตสาหกรรมเป้าหมายของผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ
(Highly Skilled Professionals) ภายใต้การตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ
ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย
[Long-Term Resident Visa (LTR Visa)] เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการรองรับคุณสมบัติแก่ชาวต่างชาติที่มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษในสาขาวิชาที่ประเทศไทยยังขาดแคลน
และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนออกประกาศในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ ทั้งนี้ การประกาศกำหนด เพิ่ม ลด
หรือปรับปรุงอุตสาหกรรมเป้าหมายในครั้งต่อ ๆ ไป ให้คณะกรรมการสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทยพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจ
แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 315 | การขอความเห็นชอบต่อร่างคำมั่นโดยสมัครใจ (Voluntary Commitment) ในการประชุมทบทวนการดำเนินการด้านน้ำในห้วงแรกของทศวรรษระหว่างประเทศแห่งการดำเนินการ “น้ำสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน” ค.ศ. 2018 - 2023 (Midterm Comprehensive Review of the Implementation of the Objectives of the International Decade for Action “Water for Sustainable Development”: United Nations 2023 Water Conference) | นร.14 | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างคำมั่นโดยสมัครใจ
(Voluntary Commitment) ที่ประเทศไทยจะประกาศ
ในหัวข้อ “ประเทศไทยให้ความสำคัญกับความมั่นคงน้ำอุปโภคบริโภค
เพื่อการเข้าถึงน้ำสะอาดของทุกภาคส่วน” ในการประชุมทบทวนการดำเนินการด้านน้ำในห้วงแรกของทศวรรษระหว่างประเทศแห่งการดำเนินการ
“น้ำสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน” ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๒๓
(Midterm Comprehensive Review of the Implementation of the Objectives of the
International Decade for Action “Water for Sustainable Development”: United
Nations 2023 Water Conference) ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๔ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ
สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยร่างคำมั่นฯ มีสาระสำคัญเป็นการมุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภคในชนบท
และพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้นเทียบเท่าชุมชนเมือง
ในราคาที่เหมาะสม พร้อมทั้งเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน และปรับปรุงระบบประปาชนบท ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริหารจัดการน้ำ
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างคำมั่นฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 316 | ขอความเห็นชอบการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นสูงสุดของพนักงานระดับรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นสูงสุดของพนักงานระดับรองกรรมการผู้จัดการ
บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด จากเดิมอัตรา ๑๕๐,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน เป็น ๑๘๐,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มีนาคม ๒๕๖๖)
เห็นชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงาน ก.พ.ร.
ที่ควรมีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติ
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณและเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน
รวมถึงฐานะทางการเงินในอนาคต ควรบริหารค่าใช้จ่ายในภาพรวมด้วยความระมัดระวังและกำหนดแนวทางบริหารจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสมและรอบคอบ
พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อผลประกอบการขององค์กรและปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานให้ทันต่อสถานการณ์
และเพื่อให้การปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐในภาพรวม
กระทรวงการคลังควรกำกับให้บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด
ปฏิบัติตามแผนการหารายได้และแผนการบริหารความเสี่ยงทางการเงินจากการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นสูงสุด
ของพนักงานอย่างเคร่งครัด
และกำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามประเมินผลสำเร็จของแผนดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 317 | ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ 3 จำนวน 11 จังหวัด | นร16 | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 318 | ขออนุมัติโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ เครื่องที่ 4-5 และโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนรัชชประภา เครื่องที่ 1-3 | พน. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 319 | รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ประจำปี 2565 | กก. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ประจำปี ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ (๑)
รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวทั่วโลก ณ เดือนมกราคม-พฤษภาคม
๒๕๖๕ มีนักท่องเที่ยวเดินทางทั่วโลก ๒๔๘ ล้านคน (เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ ๒๒๑
จากช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๖๔) โดยเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค
เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางของประเทศต่าง ๆ (๒) ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
เช่น การปรับปรุง (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เรื่อง
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พ.ศ.
.... และ (๓) ผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโครงการตามแผนพัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕
ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ โครงการ และจัดทำ (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ ๓
(พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 320 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 3 ฉบับ | รง. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการ ๑.๑ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างงานในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ และค่าทดแทนกรณีการตาย
อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ๑.๓ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ
(กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19) จำนวน
๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจในบางเรื่องให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
เช่น กำหนดให้ลูกจ้างมีวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี
กำหนดเพิ่มจำนวนวันลาเพื่อคลอดบุตร
กำหนดสิทธิได้รับค่าทดแทนกรณีถึงแก่ความตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงานในปีที่จะเกษียณอายุ
เป็นต้น
รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เห็นควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวโดยเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๒๐ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.
๒๕๔๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐประกอบการพิจารณาด้วย
และการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการหรือประโยชน์อื่นใดของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม
ตลอดจนสถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ
รวมทั้งกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงประกาศในเรื่องนี้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในระยะยาวต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
