ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 260 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 241 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ดังนี้ ๑.
การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ และที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า
ขอแก้ไขปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ในส่วนของระยะเวลาการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จากที่เสนอไว้เดิม ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖
เป็น ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 242 | ขอปรับปรุงแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) | พณ. | 07/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีวว่าด้วยการกำหนดนโยบาย
เศรษฐกิจระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศให้มีความเหมาะสม
เพื่อให้การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 243 | รายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี พ.ศ. 2566 | พณ. | 07/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกาว่าด้วยว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ
ดำเนินการส่งเสริมการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ได้แก่
กระทรวงกลาโหม (กองทัพบกและกองทัพเรือ) กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ)
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการพอกเงิน
และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติกวดขันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและเต็มประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในท้องตลาดและช่องทางออนไลน์และเร่งดำเนินคดีกับผู้ผลิตสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาต้นน้ำ
การละเมิดลิซสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในภาคเอกชนและการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ผ่านอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันสำหรับการสตรีมและดาวน์โหลด ๒. หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตาม “แนวทางการจัดซื้อจัดจ้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์
(Software : ซอฟต์แวร์)
และการใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ”
อย่างเคร่งครัดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๓.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งรัดการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
เพื่อนำไปสู่การออกกฎหมายให้เท่าทันกับสถานการณ์และรองรับการเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระหว่างประเทศต่อไป ๔.
กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเร่งรัดการพิจารณากำหนดให้ตำแหน่งผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษให้ได้รับเงินเพิ่ม ๕. กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับกรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการขอหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องส่งเข้าเงินคงคลังไว้เป็นค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการของผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรเพื่อช่วยสะสางงานค้างสะสม โดยให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงยุติธรรม และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่ากรณีการขอหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องส่งเข้าเงินคงคลังไว้เป็นค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการของผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรเพื่อช่วยสะสางงานค้างสะสม
นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ.
๒๔๙๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๔ วรรคสอง กำหนดข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา
พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเดิม อนุญาตให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาหักเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาก่อนนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการส่งเสริมและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาได้ตามหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวงเงินที่กระทรวงการคลังกำหนด ควรให้มีการบูรณาการและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง
และการมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ
ส่งเสริมการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพ นั้น
ในขั้นตอนการปฏิบัติ หน่วยงานต่าง ๆ จะต้องพิจารณาดำเนินการ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับกฎหมาย
ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 244 | ทบทวนการพิจารณาการออกสลากการกุศล | กค. | 07/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.เห็นชอบการพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง โครงการสลากการกุศล) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้ปรับเปลี่ยนข้อเสนอเฉพาะในข้อ ๗.๓.๓ ของหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด
ที่ กค ๑๘๑๗.๒/๙๑๘๘ ลงวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เป็น ดังนี้ เดิม “ในกรณีมีวงเงินโครงการสลากการกุศลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ คงเหลือจากที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการออกสลากการกุศล ตามข้อ
๗.๑ ให้คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลพิจารณากลั่นกรองจากโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเงินจากโครงการสลากการกุศลที่ได้จัดส่งข้อเสนอมาแล้ว...” เป็น “มอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณโครงการสลากการกุศลดำเนินการพิจารณาการออกสลากการกุศลสำหรับโครงการสลากการกุศลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง การปรับปรุงหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล)
ที่มีวงเงินคงเหลือ จำนวน ๘๓๘.๖๒ ล้านบาท ตามหลักการและแนวทางการออกสลากการกุศลของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
โดยให้มีการเปิดรับข้อเสนอโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเงินจากโครงการสลากการกุศลเพิ่มเติมได้
ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลมีอำนาจกำหนดวงเงินที่จะให้การสนับสนุนแต่ละโครงการ
รวมทั้งความจำเป็นและความพร้อมของการดำเนินโครงการ
เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของเงินสนับสนุนจากโครงการสลากการกุศลและสามารถเบิกจ่ายเงินได้อย่างรวดเร็ว” |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 245 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | สปสช. | 07/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณสำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณพ.ศ. ๒๕๖๗ ภายในวงเงิน ๒๑๗,๖๒๘,๙๕๙,๖๐๐ บาท สำหรับงบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน ๒,๐๘๖,๕๕๘,๘๐๐ บาท นั้น
เห็นสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ให้ตามความจำเป็นเหมาะสม ประหยัดและสอดคล้องกับภารกิจการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทั้งนี้
ขอให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามนัยมาตรา ๙ และมาตรา ๑๐
แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕
เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะยังผลประโยชน์ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยืนยันความเห็นเดิม
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๖ เนื่องด้วยข้อเสนอการขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ในครั้งนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไม่ได้มีการปรับแก้ไขกรอบวงเงินหรือรายละเอียดสาระสำคัญใด
ๆ จากข้อเสนอในคราวก่อนหน้า ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 246 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 10 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๑๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ
กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมประชุม
โดยที่ประชุมได้มีการปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
โดยมีบางถ้อยคำแตกต่างจากฉบับร่างที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๓
สิงหาคม ๒๕๖๖ เพื่อให้มีความเหมาะสม และสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้น
โดยไม่กระทบสาระสำคัญ ไม่กระทบหรือขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย
และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 247 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.)
รวมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในการปรับปรุงการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณของ
ขสมก. และ รฟท. สรุปได้ ดังนี้ (๑) รายงานผลการให้บริการสาธารณะของ ขสมก.
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔-๓๐ กันยายน ๒๕๖๕)
ส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการสูงกว่าเป้าหมาย
และการร้องเรียนเหตุการณ์ด้วยความปลอดภัยผ่าน Call
Center เป็นไปตามเป้าหมาย โดยมีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ ๒,๕๓๐.๕๙ ล้านบาท และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ เช่น ขสมก.
ควรรวบรวมข้อมูลร้องเรียนให้ครบทุกช่องทาง รวมทั้งนำข้อมูลที่ได้จากระบบ GPS
และระบบร้องเรียนมาวิเคราะห์สาเหตุและกำหนดแนวทางแก้ไขเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการ
และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาทบทวนบทบาทของ ขสมก.
ในการให้บริการสาธารณะเชิงสังคมที่เหมาะสมกับความต้องการของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป
และ (๒) รายงานผลการให้บริการสาธารณะของ รฟท. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (ตั้งแต่
๑ ตุลาคม ๒๕๖๔-๓๐ กันยายน ๒๕๖๕) ส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น
ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการสูงกว่าเป้าหมาย
การบริหารเวลาเดินรถให้ตรงต่อเวลาสูงกว่าเป้าหมาย
ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุต่อการเดินรถโดยสารเชิงสังคม ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม มีผลการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น
จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการน้อยกว่าเป้าหมายที่กำหนด ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงกว่าเป้าหมาย
โดยมีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ ๓,๐๖๓.๔๒ ล้านบาท
และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินการ เช่น รฟท. ควรเร่งปรับจำนวนขบวนรถให้มีความเหมาะสมต่อความต้องการเดินทาง
เพื่อให้การให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 248 | การให้ความเห็นชอบและร่วมรับรองเอกสารข้อริเริ่มว่าด้วยกรอบความร่วมมือด้านการค้าระหว่างประเทศและความร่วมมือทางเศรษฐกิจสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาสีเขียว | พณ. | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารข้อริเริ่มว่าด้วยกรอบความร่วมมือด้านการค้าระหว่างประเทศและความร่วมมือทางเศรษฐกิจสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาสีเขียว
(Initiative on International Trade and
Economic Cooperation Framework for Digital Economy and Green Development) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารข้อริเริ่มฯ
หรือโดยมีหนังสือแจ้งฝ่ายจีนเพื่อร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
โดยร่างเอกสารข้อริเริ่มฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการให้ความเห็นชอบและรับรองในระหว่างการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง
(Belt and Road Forum for International Cooperation : BRF) ครั้งที่
๓ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงปักกิ่ง
สาธารณรัฐประชาชนจีน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของผู้เข้าร่วมในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าดิจิทัลและเศรษฐกิจ
การพัฒนาสีเขียว การสร้างขีดความสามารถ
ตลอดจนกำหนดแนวทางการปรับปรุงและพัฒนาความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารข้อริเริ่มฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ร่างเอกสารข้อริเริ่มฯ จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศในอนาคต
ควรมอบหมายให้คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๗๒/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๖
รับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้
กระทรวงพาณิชย์อาจเสนอให้มีการหารือเพื่อพิจารณาเพิ่มเติมประเด็นภายใต้ร่างเอกสารฯ
ได้แก่ การเสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
และการส่งเสริมให้มีการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการกำจัดกากของเสีย
รวมถึงการลงทุนอุตสาหกรรมการกำจัดซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 249 | การรับรองร่างถ้อยแถลงฮาลองสำหรับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคอาเซียนโดยการขับเคลื่อนขั้นตอนปฏิบัติล่วงหน้าในการจัดการภัยพิบัติ (Ha Long Ministerial Statement on the Strengthening of ASEAN Anticipatory Actions in Disaster Management) | มท. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงฮาลองสำหรับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคอาเซียนโดยการขับเคลื่อนขั้นตอนปฏิบัติล่วงหน้าในการจัดการภัยพิบัติ
(Ha Long Ministerial Statement on the
Strengthening of ASEAN Anticipatory Actions in Disaster Management) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงฯ
ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Ministerial
Meeting on Disaster Management : AMMDM) ครั้งที่ ๑๑ ในวันที่ ๑๒
ตุลาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองฮาลอง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยร่างถ้อยแถลงฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการผลักดันให้ทุกประเทศดำเนินการตามแผนงานความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๕ ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติล่วงหน้า
โดยสนับสนุนให้มีการดำเนินการใน ๓ ด้าน ได้แก่ (๑)
การปรับปรุงระบบการพยากรณ์และการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า (๒) การวางแผน การดำเนินงาน
และการส่งมอบขั้นตอนการปฏิบัติล่วงหน้า และ (๓) การวางแผนจัดเตรียมงบประมาณในการจัดการภัยพิบัติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 250 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการดังกล่าว
ในวงเงิน ๑,๐๓๐,๙๖๐,๐๐๐ บาท โดยให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
ยื่นเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ต่อสำนักงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความประหยัด ภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
๒๕๖๖ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗) ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 251 | คำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า | สขค | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า วงเงินรวม ๔๗๐.๗๐๓๙ ล้านบาท
เพื่อบรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ทั้งนี้
การขอตั้งงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินงบประมาณ ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
และให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ (สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาเร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินงานให้สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ หมุดหมายที่ ๗ ให้ประเทศ ไทยมี SMEs ที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้
โดยเฉพาะในประเด็นที่มีความสำคัญ เช่น
การติดตามสถานการณ์การแข่งขันของตลาดและพฤติกรรมการประกอบธุรกิจอย่างใกล้ชิดเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของรูปแบบธุรกิจและตลาด
โดยเฉพาะธุรกิจภาคการเกษตรและภาคบริการที่มีผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ประกอบธุรกิจเป็นจำนวนมาก
การเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า
(Credit Term) กรณีผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พร้อมทั้งดำเนินการติดตามและประเมินผลเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงมาตรการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์
(สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า) ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 252 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน) | สผผ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน ๙๗๐,๓๘๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 253 | การปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง) | ลต. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕,๗๘๒,๐๘๕,๑๐๐ บาท ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน ๕,๕๖๒,๐๘๕,๑๐๐ บาท
และกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ๒๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยงรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่รัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 254 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป (สภากาชาดไทย) | กช. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สภากาชาดไทยนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการศูนย์นวัตกรรมและการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อ
สถานเสาวภา สภากาชาดไทย เพื่อความมั่นคงทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ
วงเงิน ๒,๒๕๓,๕๕๐,๐๐๐ บาท และโครงการเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อ
สถานเสาวภา สภากาชาดไทย เพื่อความมั่นคงทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ จำนวน
๒,๒๑๖,๙๐๐,๐๐๐ บาท
และค่าใช้จ่ายบริหารโครงการ จำนวน ๘๖,๖๔๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๔,๕๕๗,๐๙๐,๐๐๐ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา ๒๖
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยให้ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖
เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยให้สภากาชาดไทยจัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณค่าก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมถึงการดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความประหยัด
ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สภากาชาดไทยรับข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้มีการเพิ่มศักยภาพการวิจัยและพัฒนาให้ครอบคลุมมากกว่า
MAb และ mRAN เช่น ให้ครอบคลุม Viral
Vector และเทคโนโลยีฐานอื่นด้วย
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ในอนาคต mRAN และ Mab อาจมีข้อจำกัดทำให้ไม่สามารถใช้สถานที่นี้ทำกิจกรรมอื่นได้
และควรต่อยอดให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในการรองรับหน่วยงานอื่น ๆ
ที่มีการวิจัยและพัฒนาระดับต้นน้ำ ให้สามารถใช้ระดับโครงสร้างดังกล่าวในการผลิตได้
หากสามารถปรับให้เป็น National Facility และสามารถใช้กับเทคโนโลยีฐานที่หลากหลายได้
และควรมีการจัดทำแผนการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์ของสถานที่และเครื่องมือ
เครื่องจักรที่ดำเนินการผลิตในปัจจุบัน ณ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ถนนพระราม ๔
ภายหลังจากมีการย้ายการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อแล้ว
และเพิ่มเติมแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงจากกระบวนการผลิตวัคซีน
ยาชีววัตถุที่อาจมีปัญหาการรั่วไหลของสารเคมี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 255 | แผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ฉบับทบทวน) | กสศ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ (ฉบับทบทวน) ภายในกรอบวงเงิน ๗,๐๙๔,๙๖๙,๒๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๖ (๓)
ของพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยให้ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖
เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์ชาติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ทั้งนี้ ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมาย และค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน
ตามความจำเป็นอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมถึงการพิจารณานำเงินนอกงบประมาณหรือเงินอื่นใดของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษามาสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน
เพื่อให้สอดคล้องตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาร่วมกับสำนักงบประมาณ
กระทรวงศึกษาธิการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาทบทวนแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้ถูกต้อง เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
และไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจและกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่นที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว
โดยให้รับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนในการหาเงินและแผนการใช้จ่ายเงินนอกเหนือจากเงินงบประมาณ
เพื่อให้กองทุนเกิดความยั่งยืนและเป็นการลดภาระทางการคลังของประเทศในระยะยาวต่อไป
และควรพิจารณาความร่วมมือกับภาคเอกชนขนาดใหญ่ทั้งในด้านวิชาการ
การทำกิจกรรมเพื่อสังคม และการสนับสนุนเงินลงทุนในการจัดกิจกรรม
รวมถึงควรมีการติดตามประเมินผลความสำเร็จในการดำเนินงานของกลไกภาคีเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและอุปสรรคในเชิงกระบวนการหรือกลไกการดำเนินงาน
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนากลไกในการขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานให้สามารถบรรลุผลสำเร็จได้ในระยะต่อไป
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้สำนักงบประมาณดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 256 | การปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๗,๒๔๔,๕๐๑,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย
งบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๖,๙๕๒,๙๐๐,๘๐๐ บาท งบประมาณของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา
จำนวน ๒๙๑,๖๐๐,๒๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 257 | การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1: 4000 (One Map) | นร. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ [เรื่อง
ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map)]
เห็นชอบผลการดำเนินการปรับปรุง One Map พื้นที่กลุ่มที่ ๓
และให้หน่วยงานที่มีที่ดินอยู่ในความรับผิดชอบปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน
๓๖๐ วัน โดยอาจขอขยายระยะเวลาการดำเนินการต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้ตามเหตุผลความจำเป็น
แต่ไม่เกิน ๑๘๐ วัน และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๖
(เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖)
รับทราบผลการประชุมดังกล่าวรวมถึงการปรับปรุง One Map
พื้นที่กลุ่มที่ ๓ จำนวน ๑๑ จังหวัด นั้น
โดยปัจจุบันยังมีประชาชนเป็นจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย
ซึ่งเชื่อมโยงกับปัญหาการกำหนดแนวเขตที่ดินในครอบครองของหน่วยงานของรัฐที่ยังมีปัญหาการทับซ้อนระหว่างกันเองและกับที่ดินของเอกชน
สมควรที่จะเร่งดำเนินการปรับปรุง One Map
ให้แล้วเสร็จครบถ้วนโดยเร็ว เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณากำหนดแนวเขตที่ดินในพื้นที่ต่าง
ๆ ทั่วประเทศให้เป็นที่ยอมรับร่วมกันเพื่อให้ส่วนราชการ
หน่วยงานของรัฐและประชาชนกลุ่มต่าง ๆ
สามารถเข้าใช้ประโยชน์และมีที่ดินทำกินอย่างถูกต้อง เหมาะสมต่อไป ดังนั้น
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งปรับปรุง One Map ในพื้นที่กลุ่มอื่น ๆ
ที่เหลือให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 258 | การขอก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของกระทรวงมหาดไทย | มท. | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ของ ๓ หน่วยงาน จำนวน ๔ โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๑๐,๖๓๖.๒๔๓๘ ล้านบาท
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา ๒๖
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓
กันยายน ๒๕๖๖ เรื่องการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์ชาติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว
โดยมีคุณลักษณะเฉพาะ ประมาณการหรือผลการสอบราคา รายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย การประปาส่วนภูมิภาค
และกรุงเทพมหานคร) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการป้องกันและการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน
กรุงเทพมหานคร และศูนย์สำรวจและเฝ้าระวังชายฝั่ง ของกรุงเทพมหานคร
และโครงโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
รวมถึงการจัดทำและจัดส่งรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการฯ ตามมาตรา ๕๑/๕
แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค
กระทรวงมหาดไทยควรควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินโครงการ
ให้เป็นไปตามมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ข้อ ๔(๑) (ก) ข้อ ๔ (๓) (ค) ข้อ ๔ (๕) (ก)
และข้อ ๖ (๖) ของประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฯ กรณีโครงการก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียมีนบุรี
ระยะที่ ๒ ของกรุงเทพมหานคร ไม่เข้าข่ายโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ
ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ประกาศราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 259 | การปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) | ปช. | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น
๕,๐๐๐,๕๑๐,๐๐๐ บาท
จำแนกเป็นงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน
๔,๘๐๐,๕๑๐,๐๐๐ บาท
และงบประมาณของกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 260 | การปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ) | สม. | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
จำนวน ๓๙๙,๓๒๘,๖๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
