ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 12 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 222 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 141 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กต. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อฝ่ายสหภาพยุโรปเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เพื่อให้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยการยอมรับแลสเซ – ปาสเซ (Laissez Passer) ที่ออกโดยสหภาพยุโรปว่าเป็นเอกสารการเดินทางที่สมบูรณ์มีผลใช้บังคับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ.
๒๕๔๕ เพื่อรองรับการตรวจลงตราประเภททูต ประเภทราชการ และประเภทอัธยาศัยไมตรี
สำหรับหนังสือเดินทางสหภาพยุโรป และสอดคล้องกับความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยการยอมรับแลสเซ-ปาสเซ
(Laissez Passer) ที่ออกโดยสหภาพยุโรปว่าเป็นเอกสารการเดินทางที่สมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 142 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. .... | ทส. | 28/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณอำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด
อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นว่าความหมายของคำว่า “ประมงพื้นบ้าน”
ตามความในข้อ ๕ (๑)(ก) ที่ให้ทำการประมงพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการประมง
ในบริเวณพื้นที่ตามข้อ ๔ บริเวณที่ ๑ ได้นั้น หากหมายความถึง ความหมายของ “ประมงพื้นบ้าน”
และ “ที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ” ตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ควรให้ความเห็นชอบต่อร่างประกาศกระทรวงดังกล่าว
แต่หากความหมายของ “ประมงพื้นบ้าน” ตามร่างประกาศกระทรวงดังกล่าว ไม่ได้หมายความรวมถึง
ความหมายของ “ที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ” ตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และร่างประกาศกระทรวงดังกล่าวมีผลใช้บังคับ
อาจส่งผลกระทบต่อการกำหนดเขตพื้นที่ที่อนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเขตพื้นที่จังหวัดพังงาได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
และกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าหากมีการดำเนินการใด ๆ
ในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเล หรือบนชายหาดของทะเล
ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช
๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 143 | มาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) | กสศ. | 28/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์
(Thailand Zero Dropout)
และเห็นชอบร่างมาตรการฯ จำนวน ๔ มาตรการ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
สรุปได้ ดังนี้ ๑) มาตรการค้นหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาผ่านการบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การค้นพบเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ๒) มาตรการติดตาม
ช่วยเหลือ ส่งต่อ และดูแลเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา
โดยบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนแต่ละรายทั้งด้านการศึกษา
สุขภาวะ พัฒนาการ สภาพความเป็นอยู่ และสภาพสังคม ๓)
มาตรการจัดการศึกษาและเรียนรู้แบบยืดหยุ่น มีคุณภาพ
และเหมาะสมกับศักยภาพของเด็กและเยาวชนแต่ละราย มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาและพัฒนาเต็มศักยภาพของตนเอง
และ ๔) มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมจัดการศึกษาหรือเรียนรู้
มีเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาหรือการเรียนรู้ในลักษณะ
Learn to Earn ให้เด็กและเยาวชนอายุ ๑๕-๑๘ ปี
ได้พัฒนาทักษะการทำงานที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน เหมาะสม ตามศักยภาพและมีรายได้เสริมระหว่างการศึกษา
ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ ทั้งนี้
ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่ากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาควรเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนและมีแผนการดำเนินการของมาตรการดังกล่าวที่ชัดเจน
เพื่อกระทรวงการคลังจะได้นำมาพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของมาตรการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 144 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุรชาติ เทียนทอง และนายธันว์ วุฒิธรรม) | กค. | 28/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายสุรชาติ เทียนทอง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 145 | มาตรการและแนวทางการตรวจลงตราเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย | กต. | 28/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการตรวจลงตราเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ในการขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังในการอนุญาตให้กระทรวงการต่างประเทศหักเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมการกงสุลในอัตราร้อยละ
๕๐ หรือไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท
ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. เห็นชอบในหลักการ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ทำงาน หรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา
และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินหกสิบวันเป็นกรณีพิเศษ ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวจะขอรับการตรวจลงตรา
ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง ๒.๓
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกล
เป็นกรณีพิเศษ ๒.๔
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร เพื่อศึกษา
หรือศึกษาและทำงาน เป็นกรณีพิเศษ รวม
๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศที่จะขอหักเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมการกงสุลเพิ่มขึ้นจากอัตราร้อยละ
๓๐ เป็นอัตราร้อยละ ๕๐ หรือไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป นั้น
เป็นการดำเนินการตามมาตรา ๔ วรรคสอง (๒) แห่งพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เห็นควรรับฟังความเห็นของกระทรวงการคลัง ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรับความเห็นของนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น นายกรัฐมนตรี เห็นว่าการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านระบบการตรวจคนเข้าเมืองและการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์
(e – Visa) ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ
และสมควรดำเนินการให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น มีความสะดวกรวดเร็ว
คล่องตัว และสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้รับบริการอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม
การอำนวยความสะดวกดังกล่าวยังคงต้องให้ความสำคัญกับการคัดกรองอย่างรอบคอบรัดกุมเพื่อเฝ้าระวังบุคคลและกลุ่มอาชญากรที่อาจแฝงตัวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 146 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 28/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชาการจัดการ
เพิ่มระดับชั้นปริญญาโท ในสาขาวิชาเทคโนโลยี
รวมทั้งกำหนดสีประจำวิทยาลัยนานาชาติและประจำสถาบันวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม
และวัฒนธรรม ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 147 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุม International Conference on Nuclear Security (ICONS 2024) | อว. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถอนเรื่อง ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุม International Conference on Nuclear Security (ICONS 2024) คืนไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 148 | แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ จำนวน ๓,๔๘๐,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๓,๓๖๑,๗๓๐.๕๙๒๙ ล้านบาท ใช้จ่ายหรือก่อหนี้แล้วเป็นจำนวน ๒,๐๖๖,๖๙๖.๗๑๒๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๔๘
ของงบประมาณที่จัดสรร ทำให้มีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
คงเหลือสำหรับใช้จ่ายในระยะเวลา ๕ เดือนข้างหน้าไม่มากนัก
ประกอบกับการจัดทำพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายจะทำให้เศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวต้องหยุดชะงักและชะลอตัวลงอีกครั้งหนึ่ง
เนื่องจากทุกหน่วยงานจะต้องชะลอการเบิกจ่าย การโอน หรือเปลี่ยนแปล่งเงินจัดสรรทุกกรณีไว้จนกว่ากระบวนการพิจารณาการโอนงบประมาณจะแล้วเสร็จ
ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ ๒ เดือน
รวมทั้งการจัดทำพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวไม่ได้มีผลเป็นการเพิ่มปริมาณเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
ดังนั้น การจัดทำพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
จึงเป็นวิธีการบริหารจัดการงบประมาณที่เหมาะสมเพื่อดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่จะเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึงและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
โดยสามารถกระจายไปทุกพื้นที่ ให้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึงระดับฐานรากเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต
สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศต่อไป ๑.๒
แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ ได้จัดทำขึ้นโดยมีการหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ แล้ว
ซึ่งในกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เพิ่มเติมต่อจากนี้ไป
สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังและข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าในการกำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ สำนักงบประมาณจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกำหนด
รวมทั้งดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงินระหว่างปีงบประมาณ
โดยไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไป
รวมทั้งระบุที่มาของเงินที่จะใช้จ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีให้มีความชัดเจน
โดยพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน ผลประโยชน์
และผลกระทบต่อความยั่งยืนทางการคลังอย่างครบถ้วนด้วย ทั้งนี้
ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 149 | โครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) | สพร. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) เป็นผู้ดำเนินโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) โดยให้หน่วยงานรัฐและสถาบันการเงินร่วมมือกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน)
ในการสนับสนุนข้อมูลและร่วมกำหนดแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไป
ตามที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดจากการดำเนินโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment
Platform) ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เห็นควรคำนึงถึงความสอดคล้องได้มาตรฐานเดียวกับบริการระบบชำระเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ความโปร่งใสในการบริหารจัดการการชำระเงินของรัฐ และมาตรการดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ
เพื่อให้ระบบแพลตฟอร์มบริการได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ
รองรับประชาชนใช้งานพร้อมกันได้จำนวนมากรวมถึงรองรับมาตรการอื่น ๆ
ของรัฐในการช่วยเหลือประชาชน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแกร่ง
และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน นำไปสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นควรมีการกำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและพร้อมให้บริการ
โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ศักยภาพของหน่วยงาน ความพร้อมและทักษะของบุคลากรของหน่วยงาน
กรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการ รวมถึงแพลตฟอร์มการชำระเงิน
หรือบริการที่เกี่ยวข้องที่ได้รับการพัฒนา หรือให้บริการโดยสถาบันการเงินของภาครัฐ
เพื่อลดภาระงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 150 | ขอความเห็นชอบให้กรมศิลปากรรับมอบโบราณวัตถุ จำนวน 2 รายการ กลับคืนให้ประเทศไทยจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา | วธ. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรับมอบโบราณวัตถุ จำนวน
๒ รายการ ได้แก่ ประติมากรรมสำริดรูปพระศิวะ (The
Standing Shiva) หรือ Golden Boy และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ
(The Kneeling Female) คืนจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร)
รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและหน้าที่และอำนาจต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 151 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | พณ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง การส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
การส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๔ โดย ๑)
กำหนดให้ข้าวขาวและข้าวหักที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและจะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามความตกลงระหว่างสหภาพยุโรปกับประเทศไทย
เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการส่งออก (Export Certificate) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศไปประกอบการขอใบอนุญาตนำเข้า
(Import License) จากสหภาพยุโรป และ ๒) กำหนดให้ข้าวขาวที่ส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรและจะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามความตกลงระหว่างสหราชอาณาจักรกับประเทศไทยและกฎระเบียบของสหราชอาณาจักรที่เกี่ยวข้อง
เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการส่งออก (Export Certificate) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศไปประกอบการขอใบอนุญาตนำเข้า (Import License) จากสหราชอาณาจักร (เดิม
กำหนดให้ทั้งข้าวขาวและข้าวหักที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรและจะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการส่งอก (Export Certificate) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศไปประกอบการขอใบอนุญาตนำเข้า (Import
License) จากสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรตามลำดับ) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการอ้างบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศฯ
โดยเห็นควรให้ตัดการอ้างวรรคหนึ่งของมาตรา ๕ ออก และระบุเป็นมาตรา ๕ (๕)
และวรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า
พ.ศ. ๒๕๒๒ เนื่องจากตามมาตรา ๕ ไม่มีอนุมาตราในวรรคอื่น และควรตัดข้อความ “เมื่อวันที่
๓๐ เมษายน ๒๕๒๒”
เนื่องจากวันเดือนปีดังกล่าวเป็นรายละเอียดซึ่งมิต้องระบุไว้ในบทอาศัยอำนาจของร่างประกาศฯ
นี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 152 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 2 โครงการ (โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี และโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง) | กษ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน ๒
โครงการ ประกอบด้วย ๑) โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี จากเดิม ๑๔ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๑๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ.
๒๕๖๙) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม และ ๒) โครงการกิ่วคอหมา
จังหวัดลำปาง จากเดิม ๑๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๒๒ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๘ - พ.ศ. ๒๕๖๙) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เร่งรัดการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง
จังหวัดชลบุรี และโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบเวลาที่ได้รับการขยายไว้ในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ควรเร่งรัดดำเนินการทั้ง ๒
โครงการให้เป็นไปตามแผนไม่ให้เกิดความล่าช้าและขอขยายระยะเวลาก่อสร้างออกไปอีก และมีแผนการติดตามตรวจสอบและเร่งรัดให้การดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่ขอขยายไว้
ควรประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงความถูกต้อง โปร่งใส และประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชน รวมทั้งความคุ้มค่าที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 153 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้
คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ
ดังนี้ ๑.๑
นายภูมิธรรม เวชยชัย ๑.๒
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ๑.๓
นายพิชัย ชุณหวชิร ๑.๔
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ๑.๕ พลตำรวจเอก
พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ๑.๖
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ๒. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น
จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 154 | มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน | พน. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.เห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน
เป็นมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ดำเนินการในช่วงเดือนมกราคม
ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๗ และมาตรการด้านไฟฟ้า ที่ดำเนินการในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม
๒๕๖๗
เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่
๑) มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง โดยตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน ๓๓
บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗
ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และตรึงราคาขายปลีก LPG ที่ระดับ ๔๒๓ บาทต่อถังขนาด ๑๕ กิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน
๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๗ และ ๒) มาตรการด้านไฟฟ้า ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า
(ก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม) แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน ๓๐๐
หน่วยต่อเดือน จำนวน ๑๙.๐๕ สตางค์ต่อหน่วย ตั้งแต่พฤษภาคม-สิงหาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายและแหล่งงบประมาณในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น เห็นควรพิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์
รวมทั้งพิจารณาราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้นเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการใช้พลังงาน
รวมถึงเร่งศึกษาการกำหนดมาตรการระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการ
เร่งรัดดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ
ความพร้อมและความสามารถทางการเงินของภาครัฐ ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอน
รวมทั้งเร่งสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
และให้มีการรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้การดำเนินมาตรการดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์และมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริง
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และโดยที่ในปัจจุบันราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันและไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะคงตัวอยู่ในระดับสูงโดยผลของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศในภูมิภาคต่าง
ๆ หาก Subsidize มากเกินไปก็อาจกระทบต่อการเคลื่อนไหวของกลไกตลาด
และอาจทำให้มีการใช้พลังงานโดยไม่คุ้มค่า
สมควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ร่วมกันพัฒนาแหล่งพลังงานอื่นเพื่อใช้ทดแทน Fossil
Fuel ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 155 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... | มท. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านไร่
จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลทัพหลวง ตำบลห้วยแห้ง ตำบลบ้านไร่ และตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านไร่
จังหวัดอุทัยธานี โดยได้มีการกำหนดแผนผัง และการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองรวมจำแนกออกเป็น
๑๐ ประเภท
ซึ่งแต่ละประเภทจะกำหนดลักษณะกิจการที่ให้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ที่ดินแต่ละประเภทนั้น
ๆ ตลอดจนกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามแผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 156 | ร่างแถลงการณ์ร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 13 | มท. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
ครั้งที่ ๑๓ (Joint Statement of The Thirteenth ASEAN
Ministers Meeting on Rural Development and
Poverty Eradication) ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ
สาธารณรัฐสิงคโปร์ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
มีหนังสือแจ้งผลการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและรับรองแล้ว
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานและเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนของอาเซียน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 157 | ร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา จำนวน 4 ฉบับ | อว. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ ๑.๑
ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔
ร่างพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน
๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๔
ฉบับดังกล่าวเป็นร่างพระราชบัญญัติที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖
การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 158 | ขอความร่วมมือหน่วยงานความมั่นคงในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประชาชน | นร. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการระบายน้ำและการทำการเกษตรในพื้นที่ต่าง
ๆ ของเกษตรกร จึงขอให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานด้านความมั่นคงต่าง ๆ
โดยเฉพาะหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาเร่งดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำและคูคลองในพื้นที่ต่าง
ๆ ให้เหมาะสมแก่การรองรับและระบายน้ำในพื้นที่ นอกจากนี้
ขอให้กระทรวงกลาโหมเร่งรัดการดำเนินการจัดสรรพื้นที่ในความครอบครองของหน่วยงานต่าง
ๆ ในสังกัดกระทรวงกลาโหมที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้แก่ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งพิจารณาจัดสรรพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดด้วย
ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงกลาโหมรายงานความคืบหน้าและแผนงานการปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆ
ดังกล่าวข้างต้นต่อคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมครั้งต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 159 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. .... | สธ. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของตำรับยาเสพติดให้โทษ
ในประเภท ๓ หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข
และอัตราค่าธรรมเนียมการขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท
๓ หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามมาตรา
๗ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนด รวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ
(wvw.info.go.th) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 160 | การขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57 | พม. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕๗ โดยไม่มีการลงนาม ในช่วงการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕๗ (The fifty-seventh session of the Commission on
Population and Development-CPD57) ระหว่างวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๗-๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ
สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕๗ ให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยประชากรและการพัฒนา
และเสริมสร้างความร่วมมือระดับโลก ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ ความร่วมมือเหนือ-ใต้
ใต้-ใต้ และความร่วมมือไตรภาคี เพื่อบรรลุการขจัดความยากจน การเพิ่มอายุคาดเฉลี่ย
(Life Expectancy) การลดการเสียชีวิตของเด็กและมารดา
การปรับปรุงการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน และบริการด้านสุขภาพทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์
รวมถึงการวางแผนครอบครัว โดยสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในลักษณะบูรณาการ
และตระหนักถึงความท้าทายที่สำคัญ อาทิ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอายุประชากร
ความยากจน ผลกระทบด้านลบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่โลกกำลังเผชิญ
ซึ่งทำให้ความเปราะบางและความเหลื่อมล้ำรุนแรงขึ้น
และมีผลกระทบเชิงลบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕๗
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
