ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 12 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 222 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 101 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. .... | อว. | 13/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ.
.... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการบริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีให้เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐ
เพื่อให้มหาวิทยาลัยมีการบริหารจัดการที่เป็นอิสระ มีความคล่องตัวและมีธรรมาภิบาล
สามารถจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง
รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม
และการปฏิรูปการอุดมศึกษา ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดยให้ส่งความเห็นของกระทรวงการคลังไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 102 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน และการส่งเสริมความมั่นคงด้านน้ำอุปโภคบริโภค | นร.14 | 13/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน
๙,๑๘๗.๔๔๖๒ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน
และการส่งเสริมความมั่นคงด้านน้ำอุปโภคบริโภค จำนวน ๓,๐๓๒
รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๗/๘๖๙๘ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์และสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
และให้เร่งรัดดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๗
โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 103 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปสส. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันอังคารที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 104 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายศุภชัย ปทุมนากุล) | อว. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายศุภชัย ปทุมนากุล
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 105 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 | มท. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนันพุทธศักราช ๒๔๗๘
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเวลาในการแข่งขันวัวลาน จากเวลา ๐๗.๐๐ นาฬิกา ถึง ๑๙.๐๐
นาฬิกา เป็น เวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา ถึง ๐๖.๐๐ นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น
ซึ่งการพิจารณาปรับเวลาดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเลี้ยงวัวลานและอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
และภาครัฐจะสามารถเข้าไปดูแลจัดการให้การเล่นเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 106 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชัยธร สุวรรณอำภา) | นร.06 | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชัยธร สุวรรณอำภา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก
(ผู้อำนวยการสูง) สำนัก ๕ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ)
กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์และมีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 107 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย) | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย
โดยกำหนดให้เงินได้ของบุคคลธรรมดาที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนใน “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน
(Thailand ESG Fund หรือ TESG)” ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น (จากเดิมไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐
บาท) เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ และกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด
ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ TESG มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เฉพาะกรณีที่เงินหรือผลประโยชน์ดังกล่าวคำนวณมาจากเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธธรรมดาตามที่กล่าวมา
ทั้งนี้ ต้องถือหน่วยลงทุนดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี
นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (จากเดิมไม่น้อยกว่า ๘ ปี
นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแนวทางการเพิ่มรายได้ภาษี เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปตามเป้าหมายและเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการคลังในอนาคต
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าในการดำเนินการควรพิจารณาดำเนินการควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลของภาคธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์โดยกำหนดมาตรการที่เข้มงวดในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้มีการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและสนับสนุนให้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 108 | การเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2567 | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเรียกให้ทุนหมุนเวียน จำนวน
๔ ทุน นำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี ๒๕๖๗ จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑,๖๙๒,๖๐๒,๐๒๓.๙๘ บาท ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายใน ๖๐ วัน
หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดและการนำทุนสะสมหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ ตามมาตรา ๘ และมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเวียนในคราวประชุม
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรดำเนินการกำกับ ติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงาน/โครงการ
รวมทั้งพิจารณาการขอกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดเพิ่มขึ้น
โดยคำนึงถึงถึงผลการดำเนินงานภาระผูกพันเท่าที่จำเป็นตามกฎหมาย และสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับทุนหมุนเวียนต่าง
ๆ เกี่ยวกับการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการในโอกาสแรก ตลอดจนการจัดทำประมาณการรายได้ดังกล่าวจะต้องกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง
ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 109 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 110 | การดำเนินการเกี่ยวกับการเปิด การขยายเวลา และการปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน | นร.08 | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการดำเนินการเกี่ยวกับการเปิด
การขยายเวลา และการปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนี้ ๑)
รับทราบการเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย - กัมพูชา (หนองเอี่ยน - สตึงบท)
อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยใช้สำนักงานชั่วคราวไปพลางก่อน ๒)
รับทราบการปรับเวลาเปิดทำการจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์
จากเดิมเวลา ๐๖.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. ของทุกวัน เป็น ๘.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. ของทุกวัน ๓)
รับทราบการขยายเวลาเปิด - ปิด จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
เป็นเวลา ๐๗.๐๐ - ๒๒.๐๐ น. ๔) รับทราบการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านปากห้วย ตำบลหนองผือ
อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ๕) การดำเนินการใด ๆ บริเวณพื้นที่ชายแดน
จะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อความมั่นคง
โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม
๒๕๔๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ อย่างเคร่งครัด และ ๖)
ให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงแจ้งให้จังหวัดและส่วนราชการในพื้นที่รับทราบและถือปฏิบัติโดยทั่วกัน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก
รวมถึงการเตรียมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ให้มีความเหมาะสม
เพื่อให้สามารถรองรับการปฏิบัติงาน ณ จุดผ่านแดนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรให้มีการจัดตั้งเป็นด่านอาหารและยาในพื้นที่ที่ไม่มีด่านอาหารและยาตั้งอยู่
และควรขอรับการจัดสรรบุคลากรเพิ่มเติมเพื่อประจำด่านฯ ดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 111 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ | พม. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน
และยานพาหนะ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการโรงงาน
และยานพาหนะ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรกำหนดมาตรการบังคับสำหรับสถานบริการหรือโรงแรมที่ไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว
และมีมาตรการสำหรับหน่วยงานที่กำกับดูแลปราบปรามสถานบริการหรือโรงแรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยงในการค้ามนุษย์ อย่างเข้มงวดและเด็ดขาด และหากกำหนดมาตรการบังคับนี้ให้ครอบคลุมถึงเรือประมงไทยด้วย
จะทำให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรพิจารณาแก้ไขให้สอดคล้องกับบทอาศัยอำนาจตามมาตรา
๑๖/๑ ทำนองเดียวกับที่เคยกำหนดไว้ตามข้อ ๒ แห่งประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ
ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้
การกำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของผู้ครอบครองหรือผู้ดำเนินกิจการฯ
ตามกฎหมายแม่บทนั้น ได้ก่อให้เกิดหน้าที่โดยปริยาย (Implied duty) แก่หน่วยงานของรัฐที่จะต้องตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมิให้มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว
แต่หากประสงค์จะกำหนดหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติก็สมควรแยกออกเป็นอีกข้อหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรมเจ้าท่ามีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานด้านความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ และตรวจสอบความถูกต้องของเรือประมงต่างประเทศที่เข้ามาในน่านน้ำไทยให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 112 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. .... | นร.09 | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน
จำนวน ๒๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๔/๒๕๕๙ เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๔
เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ออกจากบัญชีท้ายร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 113 | การลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อบริหารจัดการโครงการฝึกอบรมสำหรับประเทศกำลังพัฒนา | คค. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการของร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
เพื่อบริหารจัดการโครงการฝึกอบรมสำหรับประเทศกำลังพัฒนา และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
เพื่อบริหารจัดการโครงการฝึกอบรมสำหรับประเทศกำลังพัฒนา โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความร่วมมือเกี่ยวกับการบริหารจัดการหลักสูตรการฝึกอบรมของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
และให้ทุนแก่ผู้เข้าร่วมฝึกอบรมจากประเทศกำลังพัฒนา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ และเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา
๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 114 | บันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ด้านความร่วมมือในการกำกับการแข่งขันทางการค้าระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าและองค์กรกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Philippine Competition Commission) | สขค | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าแห่งราชอาณาจักรไทย
และองค์กรกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวของฝ่ายไทย
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงานในด้านต่าง
ๆ เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายด้านการแข่งขันทางการค้าในแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และไม่มีข้อความใดมุ่งจะก่อให้เกิดสิทธิและพันธกรณีที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ดังนั้น
จึงไม่มีสถานะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีไห้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 115 | ปรับปรุงการมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการปรับปรุงการมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 116 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ สัตว์ป่าควบคุมที่ต้องขออนุญาตเพาะพันธุ์ ใบอนุญาตค้าสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าดังกล่าว และใบอนุญาตการได้มาซึ่งการครอบครองสัตว์ป่าและซากสัตว์ป่าดังกล่าว พ.ศ. .... | ทส. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้
สัตว์ป่าควบคุมที่ต้องขออนุญาตเพาะพันธุ์ ใบอนุญาตค้าสัตว์ป่า ชากสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าดังกล่าว
และใบอนุญาตการได้มาซึ่งการครอบครองสัตว์ป่าและซากสัตว์ป่าดังกล่าว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตการดำเนินกิจการเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้
หรือสัตว์ป่าควบคุมที่ต้องขออนุญาตเพาะพันธุ์ การค้าสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า
และผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าดังกล่าว และการครอบครองสัตว์ป่าและซากสัตว์ป่าดังกล่าว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น ควรมีการแบ่งประเภทของการใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่าคุ้มครองเป็นหลายระดับ
เพื่อให้การออกใบอนุญาตมีความแตกต่างกันตามวัตถุประสงค์
เพื่อให้เกษตรกรรายย่อยได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ควรกำหนดให้มีเกณฑ์มาตรฐานในสถานที่เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าของผู้ขอรับใบอนุญาต
ต้องมีการติดตามตรวจสอบ สภาพการเพาะเลี้ยง สถานที่เพาะเลี้ยง จำนวนประชากรสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจากการเพาะเลี้ยง
จัดให้มีการตรวจสอบทางพันธุกรรม รวมถึงการแลกเปลี่ยนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์
โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่ปรึกษา เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ก.พ.ร.
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นควรให้มีการพัฒนาระบบบการจัดเก็บข้อมูล
เพื่อพัฒนาให้เกิดเป็นฐานข้อมูลการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้พันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้
สัตว์ป่าควบคุมที่ต้องขออนุญาตเพาะพันธุ์ใบอนุญาตค่าสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า
และผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าดังกล่าว
รวมทั้งใบอนุญาตการได้มาซึ่งการครอบครองสัตว์ป่า
และซากสัตว์ป่าดังกล่าวกรณีสัตว์ป่าที่เป็นสัตว์น้ำ ในกรณีการขออนุญาตที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าควบคุม
ต้องตระหนักถึงโอกาสในการแพร่กระจายของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น
การแพร่ระบาดของโรคที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบต่อการทำปศุสัตว์ ตลอดจนสัตว์ป่าในธรรมชาติ
เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 117 | การทบทวนแนวปฏิบัติการดำเนินการภายในของไทยในการพิจารณาให้ความเห็นชอบเอกสารในกรอบอาเซียน | กต. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการแนวปฏิบัติการให้ความเห็นชอบเอกสารในกรอบอาเซียน
๒ ประเกท [เอกสารระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอกที่เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในนามอาเซียนในฐานะองค์การระหว่างประเทศระดับรัฐบาล
และแผนงาน (Work Plan) และแผนดำเนินการ (Plan
of Action) ระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอกที่ไทยต้องร่วมรับรอง]
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องส่งเอกสารดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นชอบด้วยทุกครั้งก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมรการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าเอกสารที่ประเทศไทยต้องร่วมรับรอง
(Adopt) ที่ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งให้ก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
ซึ่งไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ นั้น ในส่วนของกระทรวงการคลัง
จะเป็นแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ในระดับรัฐมนตรี ซึ่งทางเจ้าภาพจะยกร่างมาในเวลากระชั้นชิดก่อนการประชุม
การต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการต่างประเทศก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี
และการต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนการรับรองนั้น
ก่อให้เกิดอุปสรรคในการทำงานในระยะเวลาที่จำกัด
จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 118 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารจอดรถ 10 ชั้น พื้นที่อาคาร 16,603 ตารางเมตร โรงพยาบาลนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน 1 หลัง | สธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลนครปฐม
จังหวัดนครปฐม ก่อสร้างอาคารจอดรถ ๑๐ ชั้น พื้นที่อาคาร ๑๖,๖๐๓ ตารางเมตร โรงพยาบาลนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน
๑ หลัง วงเงิน ๑๑๘,๑๔๑,๖๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 119 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... | สธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
พ.ศ. ๒๕๓๕ และกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ และสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ประเภทบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและใบแทนใบรับรอง
รวมถึงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบรับรองและใบแทนใบรับรองและค่าใช้จ่ายที่ผู้ผลิตและผู้นำเข้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรศึกษาปริมาณการใช้ส่วนประกอบที่เหมาะสมไม่ให้เป็นกลิ่นหรือรสที่เด่นกว่าธรรมชาติของยาสูบ
(Characterizing Flavor) เพื่อลดการจูงใจหรือดึงดูดให้บริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ควรมีการหารือกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ และชาวไร่ผู้ปลูกยาสูบ
เพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาในการบังคับได้อย่างเหมาะสม
เนื่องจากต้องมีระยะเวลาในการปรับตัว เช่น กรณีศึกษาของสหภาพยุโรปที่ใช้ระยะเวลา ๖
ปี หลังการบังคับใช้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรมีการศึกษาผลกระทบและรับฟังความเห็นจากแพทย์และผู้เกี่ยวข้อง
(Stakeholder) อย่างรอบด้าน
เพื่อให้การกำหนดมาตรการต่าง ๆ ตามกฎหมายสอดคล้องกับแนวทางและสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าการพิจารณาเกี่ยวกับการยกเว้นเมนทอลขอให้พิจารณาในส่วนที่เกี่ยวกับสารอื่นใดที่ทำให้เกิดรสชาติและหรือกลิ่นของเมนทอลและชะเอมด้วย
นอกจากนี้ ถ้อยคำที่ว่า “... หรือสารอื่นใดที่ทำให้เกิดรสชาติหรือกลิ่นอันอาจจูงใจหรือดึงดูดให้บริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบหรืออาจทำให้การบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบง่ายขึ้น
....”
อาจทำให้เกิดปัญหาในการตีความและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 120 | (ร่าง) ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ (พ.ศ. 2567-2570) | นร.12 | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ
(พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๐) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาระบบราชการของไทย
โดยมุ่งเน้นการเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่มีความทันสมัย
พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานภาครัฐ และยกระดับการให้บริการประชาชน
โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑) วิสัยทัศน์ “ภาครัฐที่ทันสมัย น่าเชื่อถือ
มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน” และมีเป้าหมายสู่การเป็น “รัฐที่ล้ำหน้าและรัฐที่เปิดกว้าง”
๒) ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายและวิสัยทัศน์ จำนวน ๓ ยุทธศาสตร์
ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์การยกระดับบริการภาครัฐโดยยึดผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง
(๒) ยุทธศาสตร์การลดบทบาทภาครัฐและเปิดการมีส่วนร่วมกับภาคส่วนอื่น และ (๓)
ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนผลิตภาพภาครัฐด้วยนวัตกรรมและดิจิทัล ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการาชการเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการรับความเห็น ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) ไปพิจารณาประกอบการปรับปรุงแก้ไข (ร่าง)
ยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น
ก่อนให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินภารกิจของหน่วยงานต่อไป
เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นควรมีการวางระบบติดตามและประเมินผล เพื่อเป็นเครื่องมือในการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานตามกลยุทธ์และแผนยุทธศาสตร์อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการอย่างมีประสิทธิภาพ
ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะ (Skill) และการปรับกระบวนการทางความคิด (Mindset) ของบุคลากรผู้ปฏิบัติงานให้มีความพร้อม
สามารถรองรับกระบวนการทำงานในรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการทบทวนและปรับปรุงกฎหมาย
กฎ และระเบียบ ให้มีความทันสมัย
และไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานและการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กระทรวงพลังงาน เห็นควรมีการกำหนดบทบาทและขอบเขตการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานที่ชัดเจน
เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการดำเนินงาน
เกิดการบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพ
อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
