ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 12 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 222 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 181 | ขอความเห็นชอบแผนความต้องการอัตรากำลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2572 | อว. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแผนความต้องการอัตรากำลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์
ศูนย์พัทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๒ จำนวน ๖๖๒ อัตรา
งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒๓๗,๙๘๖,๔๐๐ บาท ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน
ก.พ.ร. รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การขอกรอบอัตรากำลังเพิ่มใหม่ควรดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักการและแนวทางการบริหารจัดการอัตรากำลังที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ
(พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) การจ้างบุคลากรในสายสนับสนุนควรพิจารณาตามความจำเป็นและความเหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจ
โดยใช้รายได้ของมหาวิทยาลัยมาสมทบเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับงบประมาณรองรับแผนอัตรากำลังดังกล่าวให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยพิจารณาดำเนินการเท่าที่จำเป็นตามภารกิจหลักอย่างประหยัดและคุ้มค่า
และคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
โดยใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นลำดับแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 182 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ เรื่อง การจัดตั้งภาค กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | นร.11 สศช | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
เรื่อง การจัดตั้งภาค กลุ่มจังหวัด
และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งภาค กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
โดยจัดตั้งภาค จำนวน ๖ ภาค (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก
ภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน) กลุ่มจังหวัด จำนวน ๑๘ กลุ่มจังหวัด
(กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑-๒ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑-๒ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล
กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน) และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
เพื่อให้การบริหารงานและพัฒนาเชิงพื้นที่ระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัด
และภาคเป็นไปด้วยความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ
ตามที่สำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารเชิงพื้นที่แบบบูรณาการเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 183 | การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากการเผา | นร. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗)
มอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับแนวทางเพิ่มเติมในเรื่องต่าง ๆ
ไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขและบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสิทธิในการรับความช่วยเหลือจากรัฐ
ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อกำหนดมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผา
นั้น โดยที่ปัจจุบันประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบข้ามแดนจากการเผาแปลงเพาะปลูกข้าวโพดในประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและรวดเร็ว
รวมทั้งไม่ให้ขัดต่อข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศที่จะเกิดขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 184 | การดำเนินงานโครงการ "โคแสนล้าน" นำร่อง | สทบ. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง ซึ่งดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินสินเชื่อของสถาบันการเงินที่กำหนด
กรอบวงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท
เพื่อส่งเสริม สนับสนุน การสร้างงาน สร้างอาชีพ
สร้างรายได้ให้ครัวเรือนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
ลดภาระค่าครองชีพให้กับครัวเรือนสมาชิก
ยกระดับการผลิตโคเนื้อที่มีคุณภาพสูงสู่ตลาดภายในและต่างประเทศ ส่งเสริมการตลาด
ขยายโอกาสทางการค้า เพิ่มศักยภาพการแข่งขันสร้างความมั่นคงทางอาหาร
และให้สมาชิกเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาทักษะด้านอาชีพการเลี้ยงโคคุณภาพสูงอาชีพ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ
และมอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อพิจารณารายละเอียดของแนวทางการดำเนินโครงการนี้ในประเด็นต่าง
ๆ ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและหมาะสม (เช่น อัตราดอกเบี้ยที่รัฐต้องรับภาระชดเชย
กรอบวงเงินงบประมาณที่ต้องใช้สำหรับการดำเนินโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง
และการกำหนดระยะเวลาที่เกษตรกรจะต้องชำระคืนเงินกู้ให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่เกษตรกรจะคืนทุนจากการเลี้ยงโค
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรมีการวิเคราะห์หาแนวทางบริหารความเสี่ยงในการดำเนินโครงการฯ
จากประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานตามโครงการโคที่ผ่านมา อาทิ
การสร้างองค์ความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีในการเลี้ยงโคเนื้อ
การป้องกันไม่ให้เกิดอุปทานส่วนเกิน และความซ้ำซ้อนของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโคที่ผ่านมา
รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้เกษตรกรทราบถึงรายละเอียดของโครงการฯ
โดยเฉพาะภาระค่าใช้จ่ายที่เกษตรกรต้องรับผิดชอบ ควรมีกระบวนการควบคุมเพื่อปิดประเด็นข้อบกพร่องและจุดอ่อนจากการดำเนินโครงการในอดีต
รวมถึงการพัฒนาเพิ่มองค์ความรู้ให้เกษตรกรที่ชัดเจนและเป็นระบบเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการให้ครอบคลุมถึงปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ
อาทิ การสนับสนุนแหล่งเงินทุน การจัดหาและคัดกรองแม่พันธุ์โค
กระบวนการเพาะเลี้ยงที่เป็นมาตรฐาน ตลอดจนตลาดในการจัดจำหน่าย ควรกำหนดแนวทางควบคุมดูแลประสิทธิภาพการดำเนินโครงการที่ชัดเจน
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงโคเนื้อที่มีคุณภาพสูง
และป้องกันมิให้เกิดปัญหาภาระหนี้สินต่อเกษตรกรในระยะยาว อาทิ กำหนดคุณสมบัติเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการที่มีศักยภาพและมีความรู้ความสามารถ
รวมทั้งจัดให้มีกระบวนการพัฒนาทักษะเพื่อให้เกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูงได้ต่อไป
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 185 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 | นร.11 สศช | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 186 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายโกวิท ผกามาศ และนายประสพ เรียงเงิน) | วธ. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายโกวิท ผกามาศ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 187 | การจัดทำข้อสงวนไม่รับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ | ยธ. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการจัดทำข้อสงวนเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ
(International Convention
for the Protection of all Persons from Enforced
Disappearance : ICPPED) ของกระทรวงยุติธรรม แล้ว
ลงมติเป็นหลักการให้ทุกส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดทำหนังสือสัญญา
ซึ่งมีข้อบทให้อำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of
Justice : ICJ) มีเขตอำนาจเหนือข้อพิพาทตามหนังสือสัญญานั้น
ให้จัดทำข้อสงวนไม่รับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไว้ทุกเรื่อง
เพื่อมิให้กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 188 | การปรับปรุงแก้ไขความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ (International Sugar Agreement : ISA) ฉบับปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) | อก. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ
(International Sugar Agreement :
ISA) ฉบับปี พ.ศ. ๒๕๓๕ (ค.ศ. ๑๙๙๒) และให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในตราสารการยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ
โดยการปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ มีวัตถุประสงค์ตามความตกลงฯ เป็นไปตามข้อมติที่ ๙๓
(๔) รับรองโดยที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ประกอบด้วย (๑) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านน้ำตาลโลกและสารทำความหวานอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพลังงานชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอลจากพืชน้ำตาล (๒) เพื่อเป็นเวทีในการหารือระหว่างประเทศด้านตลาดน้ำตาลและสารให้ความหวาน
รวมถึงผลพลอยได้ที่เกิดจากการผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาลและเชื้อเพลิงเอทานอล (๓)
เพื่ออำนวยความสะดวกการค้า ชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอลที่ผลิตจากน้ำตาล และ (๔)
เพื่อเพิ่มปริมาณการอุปสงค์ของน้ำตาลและพืชน้ำตาล โดยเฉพาะที่มิใช่การนำมาบริโภค ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรใช้โอกาสจากการปรับปรุงข้อตกลงดังกล่าว กำหนดแนวทางการผลิต การแปรรูป และการส่งออกผลิตภัณฑ์และผลพลอยได้ในอุตสาหกรรมน้ำตาล
เชื้อเพลิงชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอล
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมน้ำตาล
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เพื่อการอุปโภคของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 189 | ร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีที่ต้องเร่งรัดติดตามโดยเร่งด่วน | นร.04 | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน)
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ประชุมได้มีมติเห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังต่อไปนี้ จำนวน
๗ ฉบับ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๑.
ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ.
.... ๒. ร่างพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(ฉบับที่ ..) ศ. .... ๕.
ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 190 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์) | พน. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เนื่องจากนายบุญญนิตย์
วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเดิม
ได้ดำรงตำแหน่งครบวาระตามสัญญาจ้าง โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๖๙๐,๐๐๐ บาท [ตามมติคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ (วาระพิเศษ) (วาระลับ) เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๖
และครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ (วาระลับ) เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗]
ซึ่งกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นว่าหากมีกรณีที่กำหนดระยะเวลาวันเริ่มปฏิบัติงานและข้อสัญญาอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง กำหนดสาระสำคัญแตกต่างจากร่างสัญญาจ้างที่กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว
คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
จะต้องนำเสนอเรื่องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในร่างสัญญาจ้างเพื่อให้กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบตามที่กำหนดในมาตรา
๘ จัตวา แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมก่อนลงนามในสัญญาจ้างต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 191 | การจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 1 และเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 2 ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินการจัดสรรงบประมาณสำหรับการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ตามมาตรา
๙ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (พระราชกำหนด Soft Loan) คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๔๕๓.๑๑ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง
โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอน
และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงการคลังดำเนินการยื่นขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ต่อสำนักงบประมาณ
ตามพระราชกำหนด Soft Loan มาตรา ๑๔ วรรคสอง
ที่กำหนดให้ในกรณีที่ต้องมีการจ่ายเงินชดเชย
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 192 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการด้านความปลอดภัยของผู้รับใบอนุญาต กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงมาตรฐานเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | อว. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการด้านความปลอดภัยของผู้รับใบอนุญาตกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ในการจัดทำและดำเนินการให้เป็นไปตามแผนป้องกันอันตรายจากรังสี กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
และร่างกฎกระทรวงมาตรฐานเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักความปลอดภัยทางนิวเคลียร์สำหรับก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี
รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต ของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ในลำดับที่ ๑๑.๔ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทุกขนาด โดยให้เสนอรายงานฯ
ในขั้นขออนุญาตก่อสร้างเพื่อประกอบกิจการ หรือในขั้นขออนุญาตประกอบกิจการ
แล้วแต่กรณี และควรพิจารณากำหนดแนวทางในการบูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผน
๓ ด้าน ได้แก่ (๑) แผนป้องกันอันตรายจากรังสี (๒) แผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
และ (๓) แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และควรพิจารณาเร่งกำหนดระเบียบประกาศ
หรือคู่มือในการดำเนินงานอย่างชัดเจน เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดข้อโต้แย้งในทางปฏิบัติรวมถึงประเด็นการกำหนดมาตรฐานในการติดตั้งและใช้อุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยในสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานสากล
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติต้องพิจารณาในแง่ของมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบัน
เพื่อนำมากำหนดเป็นระเบียบหรือคู่มือเกี่ยวกับมาตรฐานสำหรับสถานประกอบการฯ
สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 193 | รัฐบาลสาธารณรัฐโปรตุเกสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทย (นายลูวิช มานูแวล ดือ มากาไญช์ ดือ อัลบูแกร์ก วือโลซู) | กต. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายลูวิช มานูแวล ดือ มากาไญช์ ดือ อัลบูแกร์ก วือโลซู (Mr. Luiz Manuel de Magalhaes de Albuquerque Veloso) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร
สืบแทน นายจูเวา บือร์นาร์ดู ดือ โอลีเวย์รา มาร์ตินช์ ไวน์ชไตน์ (Mr. Joao
Bernardo de Oliveira Martins Weinstein) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 194 | การร่วมรับรองเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) | พณ. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน
(ASFF) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าวในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(AEM) โดยร่างเอกสาร ASFF มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและอำนวยความสะดวกด้านการค้าบริการในภูมิภาคและพัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขันของอาเซียน
มีสาระสำคัญ อาทิ การสร้างความเป็นธรรมและการเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจบริการของอาเซียน
การส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสด้านกฎระเบียบภายในประเทศ
การส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคบริการ เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวและให้กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ควรร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
ประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งรัดการขยายผลระบบศูนย์กลางบริการภาครัฐเพื่อภาคธุรกิจ (Biz Portal) ให้ครอบคลุมการออกหนังสือรับรองและใบอนุญาตทุกประเภทรวมถึงระบบการชำระค่าธรรมเนียมและการติดตามสถานะผ่านรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร
ณ จุดเดียว ตลอดจนพัฒนาพื้นที่การให้บริการให้ทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
อย่างทั่วถึง
ควรส่งเสริมให้มีการทบทวนระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการบริหารจัดการภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
และเอื้อต่อการทำธุรกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลของประชาชน
โดยต้องให้ความคุ้มครองผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบอย่างเป็นธรรม
และควรคำนึงถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและรักษาความลับทางการค้าอันเป็นที่ยอมรับร่วมกันในระดับภูมิภาค
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 195 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเศรษฐรัชต์ เลือดสกุล) | อก. | 20/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเศรษฐรัชต์
เลือดสกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 196 | ร่างกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง. | 20/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยปรับอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย จากเดิม ๕๐,๐๐๐ บาท เป็น ๖๕,๐๐๐ บาท
และแก้ไขลักษณะการบาดเจ็บรุนแรงของศีรษะ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรมีการกำหนดมาตรการในการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินกองทุนเงินทดแทนในกรณีดังกล่าว
เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับเสถียรภาพของกองทุนเงินทดแทน และควรเตรียมความพร้อมและสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่นายจ้างและลูกจ้าง
รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนเงินทดแทนอย่างเหมาะสมทั้งในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนเงินทดแทนในอนาคตด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 197 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2565/2566 | อก. | 20/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เป็นรายเขต ๙ เขต โดยมีอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศ ดังนี้ ๑)
ราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ในอัตรา ๑,๑๙๗.๕๓ บาทต่อตันอ้อย ณ
ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. ๒) อัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย เท่ากับ ๗๑.๘๕ บาท ต่อ
๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ๓) ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เท่ากับ ๕๑๓.๒๓ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม
โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการให้โรงงานน้ำตาลนำส่งเงินเข้ากองทุนตามส่วนต่างระหว่างรายได้สุทธิและราคาอ้อยขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ตามมาตรา ๕๗
แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป
ควรกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในภาพรวม
และกระทรวงอุตสาหกรรมควรพิจารณาเร่งรัดติดตามประเมินผลมาตรการลดการเผาอ้อยในระยะที่ผ่านมาเพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรค
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเกษตรกรชาวไร่อ้อย
และ/หรือความจำเป็นในการทบทวนแนวทางตามมาตรการดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
ซึ่งจะส่งผลในการรักษาสภาพดินและลดมลพิษที่เกิดจากการเผาอ้อย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 198 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง พ.ศ .... ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ (กำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง วันที่ 1 เมษายน 2567 และกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ รวมทั้งกำหนดให้ศาลจังหวัดพระประแดงสามารถนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดงและอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป) | ศย. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง
พ.ศ. .... ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา
๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด
พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓
ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวันเปิดทำการของศาลจังหวัดพระประแดงโดยให้มีเขตตลอดท้องที่อำเภอพระประแดง
และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ และให้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน
๒๕๖๗ เป็นต้นไป รวมทั้งกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ
โดยตัดท้องที่ที่ทับซ้อนกันออกจากเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการและให้ไปอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพระประแดง
ตลอดจนกำหนดให้ศาลจังหวัดพระประแดงสามารถนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดง
และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์
เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน
โดยใช้ช่องทางและวิธีการสื่อสารในหลากหลายรูปแบบที่เหมาะสม
เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนในเรื่องเขตอำนาจศาลและได้รับความสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดี
ทั้งนี้
การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 199 | รายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 2 | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ รอบ ๖
เดือน ครั้งที่ ๒ ตามข้อ ๕ (๓) แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ฯ
โควิด-๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔) สรุปได้ ดังนี้ (๑) การติดตามประเมินผลโครงการ/แผนงานภายใต้พระราชกำหนดฯ
กู้เงินโควิด-๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ใช้วิธีการประเมินผลจากการสุ่มตัวอย่างโครงการ/แผนงาน จำนวน ๒๕๐ โครงการ จากโครงการทั้งสิ้น
๒,๓๗๐
โครงการ โดยคัดเลือกโครงการที่มีขนาดใหญ่ มีวงเงินกู้สูง หรือมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีนัยสำคัญที่ดำเนินการแล้วเสร็จ
มีกรอบวงเงินตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ๔๙๕,๖๙๐.๗๖ ล้านบาท
มีผลการเบิกจ่าย ๔๗๐,๑๕๑.๒๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๔.๘๕
ของกรอบวงเงิน (๒) คณะกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลฯ
เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๖ โดยมีผลการประเมินระดับแผนงาน ดังนี้ ๑) แผนงานที่ ๑ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด-๑๙
มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ๒) แผนงานที่ ๒ แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙ มีผลการประเมินระดับดีมาก และ ๓)
แผนงานที่ ๓
แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙
มีผลการประเมินระดับดี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 200 | ผลการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร-UNDP (Bangkok-UNDP Regional Innovation Center: RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (Thailand Policy Lab: TPLab) ประจำปี 2565 ความก้าวหน้าของกิจกรรมประจำปี 2566 และการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ | นร.11 สศช | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(UNDP)ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาคกรุงเทพมหานคร-UNDP
(RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (TPLab) ประจำปี ๒๕๖๕ และความก้าวหน้าของกิจกรรมประจำปี ๒๕๖๖ เห็นชอบร่างเอกสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยโครงการฯ
และอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค
กรุงเทพมหานคร-UNDP (RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย
(TPLab) อีก ๗ เดือน นับแต่วันสิ้นสุดความตกลงว่าด้วยโครงการฯ
เป็นวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ภายใต้กรอบวงเงินโครงการฯ ที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในหนังสือความตกลงว่าด้วยโครงการฯ ของฝ่ายไทย
พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างเอกสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยโครงการฯ
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการมีผลบังคับใช้ความตกลงว่าด้วยโครงการความร่วมมือศูนย์
RIC ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ลงนาม
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(United Nations Development Programme : UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร-UNDP
(Bangkok-UNDP Regional Innovation Center : RIC) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น ควรส่งเสริมให้
TPLab มีสถานะที่มั่นคงเป็นสถาบันมากยิ่งขึ้น (Institutionalization)
เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงานในระยะยาว เนื่องจากกิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง
๓ เสาหลักของ TPLab มีประโยชน์ต่อการจัดทำและขับเคลื่อนนโยบายของไทย
และควรพิจารณาการถ่ายทอดนวัตกรรมนโยบายและเครื่องมือทางนโยบาย เช่น
การออกแบบนโยบายเชิงระบบ และการวิเคราะห์ส่วนประกอบ (System and portfolio
approach) หรือกระบวนการนโยบายสาธารณะ ๘ ขั้นตอน (Public
Policy Process Reimagined 8 Elements in Action) ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของโครงการ TPLab ไปสู่หน่วยงานราชการอื่น
ๆ เพื่อขยายผลต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
