ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 13 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 252 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 101 | การแต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ดำรงตำแหน่งผู้แทนถาวรประจำองค์การความร่วมมืออิสลาม และดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสำนักเลขาธิการคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ | กต. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด
ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ดำรงตำแหน่งผู้แทนถาวไทย (Permanent Representative : PR) ประจำองค์การความร่วมมืออิสลาม
(The Organisation of Islamic Cooperation : OIC) และดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสำนักเลขาธิการคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ
(Gulf Cooperation Council : GCC) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
และควรสื่อสารถึงผลลัพธ์และประโยชน์จากการดำเนินงานดังกล่าวให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 102 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | มท. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนกำแพงแสน
จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลกำแพงแสน
ตำบลรางพิกุล ตำบลวังน้ำเขียว และตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาชุมชนกำแพงแสนให้เป็นเมืองน่าอยู่
เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัย และการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
พัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูป การคมนาคมขนส่ง บริการสาธารณะ และเมืองพักอาศัยน่าอยู่
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร
การปกครอง และพาณิชยกรรมในระดับอำเภอ
การส่งเสริมและการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยและสนับสนุนเทคโนโลยีด้านการเกษตรควบคู่กับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมของพื้นที่
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎ หรือระเบียบและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
ควรคำนึงถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
ควรให้ร่างประกาศผลดังกล่าวไม่ให้มีผลใช้บังคับกับกิจกรรมการผลิตปิโตรเลียมที่มีอยู่ก่อนที่จะมีการบังคับใช้ประกาศฉบับดังกล่าว
การพิจารณาอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
ให้พิจารณาทบทวนหรือกำหนดข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยในประเภทหรือชนิดของโรงงานลำดับที่
๒๒ (๒) การทอหรือการเตรียมเส้นด้ายยืนสำหรับการทอให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง กำหนดจำนวน ขนาด
และประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ไม่ให้ตั้งหรือขยายในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๕๐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อรักษาพื้นที่เกษตรกรรมและสภาพแวดล้อมให้เป็นเมืองน่าอยู่และเป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยด้านการเกษตรที่ยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 103 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 | นร.11 สศช | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ (๒)
การดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ (๓) การติดตาม
การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ (๔) ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ
และ (๕)นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับรอบรายงานความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติเป็นรอบการรายงานทุก
ๆ ๖ เดือน (เดิมรายงานคณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน)
และประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการรับผิดชอบติดตาม
เร่งดำเนินการรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการในระบบ eMENSCR อย่างต่อเนื่อง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 104 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี พ.ศ. 2560) | มท. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อแก้ไขการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม
(สีขาวมีกรอบและเส้นทแยงสีเขียว) บริเวณ ๔.๑ (บางส่วน) เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า
(สีม่วง) บริเวณหมายเลข ๒.๑
เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้มีการพัฒนาเมืองต้นแบบ
“สามเหลี่ยม มั่นคง ยั่งยืน” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเมืองหลัก ได้แก่
เมืองหนองจิก จังหวัดปัตตานี ให้เป็น “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน”
โดยนำร่องในพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัย และกระตุ้นการลงทุนนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการจ้างงานและการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง
ทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้มีพื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น
และแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่และสามารถรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะต่อไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำหนดสัญลักษณ์สีแดงการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไว้ในผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน
(สีเขียวมีกรอบและเส้นทแยงสีน้ำตาล) จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ควรคำนึงถึงกฎ ระเบียบ
ที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น
มาตรการการใช้ที่ดินลุ่มน้ำ มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ
และควรมีแนวทางการควบคุมกำกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
รวมทั้งกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อรักษาพื้นที่ป่าไม้รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 105 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ
ทุกประเภทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
ซึ่งออกตามความในมาตรา ๕ และตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองการบินภายในเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก
ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เรื่อง
กำหนดเขตส่งเสริม : เมืองการบินภาคตะวันออก ลงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้เปิดทำการได้ ๒๔ ชั่วโมง เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมสันทนาการที่จำเป็นและเหมาะสมในพื้นที่ดังกล่าวให้มีศักยภาพสามารถรองรับนักธุรกิจ
ผู้เดินทาง นักท่องเที่ยว และผู้ใช้บริการสนามบิน ประกอบกับมาตรา ๑๗
แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. ๒๕๐๙
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖
ที่บัญญัติให้การกำหนดวันเวลาเปิดปิดสถานบริการให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการประเมินความคุ้มค่าในด้านมิติสังคมประกอบเพิ่มเติม
เช่น ความปลอดภัยในการขนส่ง ความปลอดภัยทางทรัพย์สิน มลพิษทางเสียงและขยะ เป็นต้น ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดบริการตลอด
๒๔ ชั่วโมง ของสถานบริการบางประเภท
และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมของสถานบริการในพื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออกอย่างเคร่งครัดเหมาะสมตามหลักสากล
และมีการควบคุมด้านกายภาพที่เป็นรูปธรรม
รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีตามมาตรฐานสากลของสนามบินระดับโลก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 106 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2564 | กค. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๔ เป็นการรายงานสถานะทางการเงินของทุนหมุนเวียนในภาพรวม
ผลการประเมินการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน
ข้อสังเกตการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของคณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงและประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน
และบทบาทของทุนหมุนเวียนที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ.
๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 107 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - คงคา ครั้งที่ 12 | กต. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๑๒ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
ตามที่ประเทศสมาชิกมีฉันทามติ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญมุ่งเน้นส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอินเดียกับประเทศลุ่มน้ำโขงในด้านต่าง
ๆ อาทิ การพัฒนาที่ยั่งยืน การค้าและการลงทุน
ความเชื่อมโยง การเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาธารณสุข
การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
ซึ่งสอดคล้องแนวทางการขับเคลื่อนหลักของประเทศตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่างประเทศที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาที่ยั่งยืนกับต่างประเทศ
และการพัฒนาเพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้า
การลงทุน และการบริการที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา
ครั้งที่ ๑๒
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 108 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 56 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๖ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๕ ฉบับ
และให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสาร
จำนวน ๑๒ ฉบับ และเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสาร จำนวน ๓ ฉบับ โดยร่างเอกสารที่จะร่วมรับรองทั้ง
๑๒ ฉบับ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจาในการส่งเสริมความร่วมมือและต่อยอดในการดำเนินงานในด้านต่าง
ๆ ส่วนร่างเอกสารที่จะมีการลงนามทั้ง ๓ ฉบับ เป็นเอกสารที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศจะลงนามเพื่อให้ความยินยอมต่อการภาคยานุวัติสนธิสัญญา
TAC กับเม็กซิโก ปานามา
และซาอุดีอาระเบีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๖ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๕ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรวิเคราะห์ ติดตาม
และประเมินผลการดำเนินงานตามความร่วมมือดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 109 | ขออนุมัติการลงนามใน Letter of application for cooperating status เพื่อเข้าร่วมเป็น Cooperating Non - Contracting Party (CNCP) กับคณะกรรมาธิการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรมีชีวิตทางทะเลของมหาสมุทรแอนตาร์กติก (CCAMLR) ของประเทศไทย | กษ. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามใน
Letter of application for cooperating status เพื่อเข้าร่วมเป็น Cooperating Non-Contracting
Party (CNCP) กับคณะกรรมาธิการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรมีชีวิตทางทะเลของมหาสมุทรแอนตาร์กติก
(CCAMLR) ของประเทศไทย และอนุมัติในหลักการโดยก่อนที่จะมีการลงนาม
และให้อธิบดีกรมประมงหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายเป็นผู้ลงนามใน Letter of application for cooperating status
โดยเอกสารการลงนามฯ เป็นเอกสารแสดงความจำนงเพื่อขอเป็นประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกแต่ให้ความร่วมมือต่อคณะกรรมาธิการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรมีชีวิตทางทะเลของมหาสมุทรแอนตาร์กติก
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยปฏิบัติตามการอนุรักษ์ ๑๐-๐๕
ที่เป็นมาตรการที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย
ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม สำหรับปลาหิมะโดยเฉพาะ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสาร Letter of
application for cooperating status
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์โอกาสและสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบกิจการประมงจะได้รับจากการเข้าร่วมเป็น
CNCP
และการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดกฎระเบียบที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์
๑๐-๐๕ อย่างต่อเนื่องให้กับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ และผู้ประกอบกิจการประมงที่มีการนำเข้าและส่งออกปลาหิมะให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 110 | การนำที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะมาใช้ในโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกบริเวณหนองตาเหี่ยม ตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก | มท. | 05/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการนำที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะบริเวณที่ราชพัสดุ
แปลงหมายเลขที่ พล ๓๘๕ พื้นที่จำนวน ๑๐๔-๓-๖๔ ไร่ เพื่อนำมาใช้ในโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกบริเวณหนองตาเหี่ยม
ตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย
(สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลกและเทศบาลเมืองอรัญญิก)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๕๓
และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 111 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) หรือบิมสเทค ครั้งที่ 19 | กต. | 05/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ
(Bay of Bengal Initiative
for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation :
BIMSTEC) หรือบิมสเทค ครั้งที่ ๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
เป็นประธาน และพิจารณามอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ
ต่อไป โดยที่ประชุมฯ ให้ความสำคัญต่อ (๑) การเร่งสรุปผลการเจรจาต่อเขตการค้าเสรี
(๒) การยกระดับความเชื่อมโยงภายในภูมิภาค และ (๓)
การเร่งรัดการดำเนินงานในสาขาความร่วมมือต่าง ๆ รวมทั้งได้รับรองถ้อยแถลงร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีบิมสเทค
ครั้งที่ ๑๙ และเห็นชอบร่างวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ ๒๐๓๐
ที่เสนอแนะต่อที่ประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ ๖ เพื่อให้การรับรองต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตติ
ที่เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยให้คำนึงถึงความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ด้วย
พิจารณาประเด็นในแผนงาน/โครงการของสาขาหลักและสาขาย่อยของความร่วมมือบิมสเทคให้มีความครอบคลุม
รวมทั้งควรส่งเสริมให้มีการบูรณาการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศไทย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 112 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ 2 | นร.11 สศช | 05/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงเทพมหานคร
โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
เข้าร่วมการประชุมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานร่วมในการประชุมฯ
กับรัฐมนตรีว่าการสำนักงานด้านการพัฒนาและเศรษฐกิจแห่งชาติ
แห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
รายงานของที่ประชุมอาเซียนว่าด้วยเรื่อง SDGs โดยหน่วยงานด้านการวางแผนพัฒนาระดับประเทศ ครั้งที่ ๓
ได้เน้นย้ำความเพียงพอของข้อมูลและการรายงานข้อมูลเพื่อใช้ตรวจสอบความก้าวหน้าในการขับเคลื่อน
SDGs
ส่งเสริมความสอดคล้องระหว่างนโยบาย/โครงการและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับชาติ
ระดับภูมิภาค และระดับโลก เสนอให้มีความร่วมมือระดับภูมิภาคที่เข้มแข็งเพื่อส่งเสริมการตระหนักถึงความสำคัญของ
SDGs และ (๒) ร่างขอบเขตการดำเนินงานของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุ
SDGs ครั้งที่ ๒
โดยมีการปรับปรุงรายละเอียดเพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นแต่ยังคงไว้ซึ่งสาระสำคัญตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่
๔ เมษายน ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 113 | ร่างกฎกระทรวงสำมะโนหรือสำรวจตัวอย่างการเกษตร พ.ศ. .... | ดศ. | 05/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงสำมะโนหรือสำรวจตัวอย่างการเกษตร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานสถิติแห่งชาติทำการสำรวจตัวอย่างการเกษตร
เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำการเกษตรจากผู้ถือครองทำการเกษตรทั่วประเทศ
เพื่อให้มีชุดข้อมูลพื้นฐานด้านการเกษตรเพื่อใช้ประโยชน์อย่างเพียงพอ
สำหรับการวางแผน เฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินผลการพัฒนาประเทศด้านการเกษตร
พัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรในภาคการเกษตร และใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการกำหนดนโยบาย
มาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกร ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เห็นควรปรับปรุงนิยาม “การเกษตร” และปรับถ้อยคำในร่างกฎกระทรวงฯ
บางประการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติสถิติ
พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้เหมาะสม ทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งเป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ด้วย เช่น การดำเนินการสำรวจข้อมูลต่าง ๆ
ควรนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง
ครบถ้วน รวดเร็ว
และสามารถประมวลผลข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายเรื่องต่าง ๆ
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติควรเชื่อมโยงกับข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)
เพื่อให้มีข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงกัน และเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ว่าควรประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำหรับนำข้อมูลมาใช้ร่วมกับสำมะโนเกษตรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 114 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ. | 27/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ปี ๒๕๖๖ จำนวน ๕๑
รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า ๕ บริการ
ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบและปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 115 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการโพ้นทะเลสาธารณรัฐคอซอวอ | กต. | 20/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการโพ้นทะเลสาธารณรัฐคอซอวอ
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
และเพิ่มพูนความร่วมมือทวิภาคีในสาขาที่ตกลงร่วมกัน เช่น การเมือง เศรษฐกิจ กงสุล
วัฒนธรรม การท่องเที่ยว เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์
รวมถึงประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการโพ้นทะเลสาธารณรัฐคอซอวอ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 116 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ ประจำเดือนเมษายน 2566 | นร.11 สศช | 06/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๖
ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ (๒)
การดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ (๓) การติดตาม
การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ (๔) ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ
และ (๕) นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้มอบหมายทุกหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญในการติดตามเร่งรัดโครงการที่มีผลการดำเนินการต่ำกว่าเป้าหมาย
รวมทั้งดำเนินการวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคที่ทำให้การดำเนินการเกิดความล่าช้า
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 117 | ร่างกฎกระทรวงวัสดุกัมมันตรังสีที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงวัสดุกัมมันตรังสีที่ผู้ดำเนินการไม่ต้องขอรับใบอนุญาต พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | อว. | 06/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงวัสดุกัมมันตรังสีที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวัสดุกัมมันตรังสีที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และร่างกฎกระทรวงวัสดุกัมมันตรังสีที่ผู้ดำเนินการไม่ต้องขอรับใบอนุญาต
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวัสดุกัมมันตรังสีที่ผู้ดำเนินการไม่ต้องขอรับใบอนุญาต
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งดำเนินการให้ร่างกฎกระทรวงทั้ง
๒ ฉบับ มีผลบังคับใช้โดยเร็ว และประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนทราบอย่างทั่วถึง
เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามได้ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 118 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ ประจำเดือนมีนาคม 2566 | นร.11 สศช | 23/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำเดือนมีนาคม ๒๕๖๖ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ (๒)
การดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ (๓) การติดตาม
การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ (๔)
ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ และ (๕) นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้มอบหมายทุกหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญในการติดตามเร่งรัดโครงการที่มีผลการดำเนินการต่ำกว่าเป้าหมาย
รวมทั้งดำเนินการหาวิธีแก้ไข ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 119 | รายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ประจำปี 2565 | นร.11 สศช | 23/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ประจำปี ๒๕๖๕
สรุปได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินการของแผนการปฏิรูปประเทศ ๑๓ ด้าน เช่น
ด้านการเมือง มีการเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ
เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบายสาธารณะ ด้านกฎหมาย
มีการผลักดันให้มีกลไกการออกกฎหมายเท่าที่จำเป็น ด้านเศรษฐกิจ
มีการกำหนดนโยบายและมาตรการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญ/นักลงทุนต่างชาติเข้ามาในไทย
ด้านสังคม
มีการขึ้นทะเบียนคนพิการเพื่อให้ได้รับสิทธิสวัสดิการและความช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง
และด้านสาธารณสุข มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขใน
๗๖ จังหวัด และกรุงเทพมหานคร (๒) ประเด็นท้าทายของการปฏิรูปประเทศ เช่น
การลดบทบาทภารกิจของภาครัฐให้เหลือเท่าที่จำเป็น
การพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน การจัดระบบบริการสาธารณสุข
และการปรับปรุงกระบวนการปราบปรามการทุจริตที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และ (๓)
การดำเนินการต่อไปเพื่อให้ผลสัมฤทธิ์มีความยั่งยืนหลังจากสิ้นสุดการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ
เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
โดยมีผลจากการปฏิรูปประเทศอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกของแผนระดับที่ ๒ แผนระดับที่ ๓
และการดำเนินการต่าง ๆ
ต่อไปและจะต้องให้ความสำคัญในการประยุกต์ใช้หลักการวงจรบริหารงานคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 120 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566 | นร.11 สศช | 16/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๖
และแนวโน้มปี ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๖ ขยายตัวร้อยละ ๒.๗ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๔
ในไตรมาสก่อนหน้า (%YoY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๖ ขยายตัวจากไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๕ ร้อยละ ๑.๙ (%QoQ_SA ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๖ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๒.๗-๓.๗
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภค
บริโภคภายในประเทศ และการขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ คาดว่าการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ
๑.๙ และร้อยละ ๒.๗ ตามลำดับ และมูลค่าส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ สรอ. ลดลงร้อยละ
๑.๖ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๕ และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ
๑.๔ ของ GDP ๓.
ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๖๖ ควรให้ความสำคัญกับ
(๑) การขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า การติดตามและดูกลไกตลาดเพื่อให้ราคาสินค้าเคลื่อนไหวสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต
(๒) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน (๓)
การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง (๔) การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้
(๕) การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศในช่วงหลังการเลือกตั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
