ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 13 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 252 จากข้อมูลทั้งหมด 252 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 241 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน) | กค. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ
ที่คล้ายกัน ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทที่ ๐๑.๐๕ รายการน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถัน
และรายการน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมลทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
และกระทรวงการคลังควรเริ่มทยอยยกเลิกการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น
ๆ ที่คล้ายกัน
ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยและมีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและค่าครองชีพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 242 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. .... | อก. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร
พ.ศ. ....มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร
รวม ๓ รายการ ได้แก่ ๑) ค่าจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ ๒)
ค่าเครื่องหมายการจดทะเบียนซึ่งเจ้าพนักงานได้ประทับหรือทำไว้ที่เครื่องจักร และ
๓) ค่าคัดสำเนาพร้อมเอกสารด้วยคำรับรองว่าถูกต้อง เฉพาะในคราวเดียวกับการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรออกไปอีก
๑ ปี โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงบบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนการรายงาน ติดตาม
และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ควรติดตามและประเมินผลการดำเนินการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 243 | การกำหนดสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าควบคุม
ปี ๒๕๖๖ จำนวน ๕ รายการ ได้แก่ ๑) หน้ากากอนามัย ๒) ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย
๓) ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ ๔) เศษกระดาษ และกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก
และ ๕) ไก่ เนื้อไก่ เพื่อกำหนดมาตรการกำกับดูแลสินค้ามีปริมาณเพียงพอ
และราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นธรรมต่อประชาชนผู้บริโภค ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
เพื่อให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 244 | การจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐตุรกี ฉบับที่ 2 (ค.ศ. 2023-2028) | กต. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐตุรกี
ฉบับที่ ๒ (ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๘) โดยร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ
มีสาระสำคัญที่มุ่งกำหนดกรอบการดำเนินความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับตุรกีในห้วงระยะเวลา
๕ ปี ระหว่างปี ๒๕๖๖-๒๕๗๑ (ค.ศ.๒๐๒๓-๒๐๒๘)
โดยเน้นความร่วมมือในสาขาและประเด็นที่หลากหลายและรอบด้าน
บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
เพื่อยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐตุรกีไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ชาติ
ภายในปี ๒๕๗๑ และให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐตุรกี ฉบับที่ ๒
(ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๘) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐตุรกี
ฉบับที่ ๒ (ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๘)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานดังกล่าวให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของสาขาความร่วมมือและกิจกรรมที่จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้เหมาะสม
และเร่งรัดติดตามการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 245 | (ร่าง) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2566-2580) (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) | นร.11 สศช | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการขอแก้ไขข้อความในหนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ
ด่วนที่สุด ที่ นร๑๑๑๒/๗๑๕๙ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ หน้า ๒ ข้อ ๓.๑ ให้ถูกต้อง
จากเดิม “... มีจำนวนแนวทางรวมทั้งสิ้น ๓๙๒ แนวทาง ...” เป็น “...
มีจำนวนแนวทางรวมทั้งสิ้น ๓๙๑ แนวทาง ...” ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 246 | ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าภายใต้แผนงาน The Programme for COVID-19 Crisis Response Emergency Support จากรัฐบาลญี่ปุ่น | กต. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่าง Agent Agreement between Thailand international Cooperation
Agency (TICA) and Japan International Cooperation System (JICS) for Procurement
Services under Japanese Grant Assistance for the Programme for COVID 19 Crisis
Response Emergency Support FY2022 และอนุมัติให้อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ ลงนามในร่าง Agent Agreement ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด (หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนมาก
ที่ อส ๐๐๐๖/๑๗๘๓๐ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) เช่น
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรงบประมาณ แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบวาระว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่าง Agent Agreement between
Thailand international Cooperation Agency (TICA) and Japan International
Cooperation System (JICS) for Procurement Services under Japanese Grant
Assistance for the Programme for COVID 19 Crisis Response Emergency Support
FY2022 ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 247 | กรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ | อว. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑๑๔,๙๗๐,๔๐๓,๔๑๙ บาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ตามกรอบวงเงินดังกล่าว
และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๓๑,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
ตามกรอบวงเงินดังกล่าว ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของภารกิจในความรับผิดชอบเพื่อดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมตามห้วงระยะเวลาที่กำหนดไว้
โดยในส่วนของการพัฒนากำลังคน หลักสูตรระยะสั้น None Degree (Re-Skills, Up
Skills, New Skills) นั้น
ให้พิจารณาปรับเพิ่มจำนวนนักศึกษาเป้าหมายจากเดิม ๒๕,๐๐๐ คน
ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า สุจริต
โปร่งใส และตรวจสอบได้เป็นสำคัญด้วย ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณในแต่ละปี กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณต่อไป
ควรเน้นกลุ่มที่ต้องการพัฒนาทักษะระดับสูงและความรู้ใหม่ ๆ
เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานอื่น
และให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะการวิเคราะห์และความคิดเชิงนวัตกรรมควบคู่ความรู้เชิงวิชาการเพื่อการประกอบอาชีพที่เปลี่ยนแปลงไป
และภาครัฐควรออกแบบมาตรการจูงใจเพื่อสนับสนุนภาคเอกชนให้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมากขึ้น
พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยขั้นแนวหน้า (Frontier Research)
ที่ต้องอาศัยระยะเวลาและองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
รวมถึงเงินทุนสนับสนุนจำนวนมาก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 248 | (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2570) | กก. | 03/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติ (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยว ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวตาม
(ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยว ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
อันเป็นกรอบทิศทางพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมในอนาคต
มุ่งเน้นการดำเนินการเพื่อพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีความเข้มแข็ง
ต่อยอดการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอุตสาหกรรมให้สอดรับกับภาวะความปกติถัดไป
รวมถึงให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม
และเกิดการบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการผลักดันให้มีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุข
เช่น ควรให้สถาบันอุดมศึกษาได้รับการสนับสนุนให้มีส่วนร่วมในการนำศักยภาพ
องค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญและทรัพยากรในด้านต่าง ๆ
มาใช้เพื่อการดำเนินงานตามกลยุทธ์และแนวทางในการพัฒนาของ (ร่าง) ดังกล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายและงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
และควรมีการกำหนดเป้าหมายตัวชี้วัด
และการให้ความสำคัญกับการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการบูรณาการการท่องเที่ยวและการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน
เพื่อสร้างสรรค์การท่องเที่ยวใหม่ ๆ
ที่สามารถดึงดูดความสนใจแก่นักท่องเที่ยวรวมทั้งสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนเพิ่มมากขึ้น
เช่น การประกวดและการแข่งขันสัตว์เลี้ยงประเภทต่าง ๆ ของชุมชน เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 249 | (ร่าง) แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2566 - 2570) | กก. | 03/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) โดยแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
ฉบับที่ ๗ มีสาระสำคัญเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีของแต่ละหน่วยงานเพื่อช่วยผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาตามแผนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อให้การกีฬาเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรให้ความสำคัญกับการให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการ กติกาสากล
รวมถึงการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่นกีฬาชนิดต่าง ๆ
ควรพิจารณาถึงประเด็นโภชนาการของนักกีฬาและการหลีกเลี่ยงการใช้สารกระตุ้น
เพื่อเพิ่มสมรรถภาพหรือข้อได้เปรียบทางร่างกายของนักกีฬา
ควรพิจารณากีฬาอีสปอร์ตเพื่อเป็นอีกส่วนหนึ่งช่องทางใหม่ในการเข้าถึงประชาชน
รวมถึงกีฬาพื้นบ้านของไทยซึ่งเป็นกีฬาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาของประชาชนในชุมชนและท้องถิ่นต่าง
ๆ ทั่วประเทศให้เพิ่มมากขึ้นและมีความต่อเนื่อง
๓.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียนได้มีเวลาในการออกกำลังกายและเล่นกีฬาในแต่ละสัปดาห์มากยิ่งขึ้น
โดยอาจพิจารณาให้สถานศึกษาจัดตั้งชมรมกีฬาประเภทต่าง ๆ
เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นเหมาะสม เพื่อรองรับกิจกรรมดังกล่าวของนักเรียนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 250 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ 17 (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565) | นร.11 สศช | 03/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ ๑๗ (เดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๕) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ในฐานะสำนักงานเลขานุการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. สรุปภาพรวมการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ สศช.
ได้รวบรวมและประมวลผลข้อมูลการดำเนินการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๓ ด้าน ประกอบด้วย
กิจกรรมปฏิรูปประเทศที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock)
รวมทั้งสิ้น ๖๒ กิจกรรม และกฎหมายที่จัดทำ/ปรับปรุงใหม่ รวม ๔๕ ฉบับ สำหรับรายงานความคืบหน้าฯ
รอบเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๕
มีสถานะการดำเนินการของกิจกรรม Big Rock เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแผนขับเคลื่อนกิจกรรม
Big Rock ร้อยละ ๘๘.๗๑ โดยมีความคืบหน้ามากกว่ารอบที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สำหรับกิจกรรม Big Rock ที่ยังมีความล่าช้า
หน่วยงานรับผิดชอบและหน่วยงานร่วมดำเนินการจะได้เร่งรัดดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาของแผนที่กำหนดไว้ต่อไป ๒. ความคืบหน้ากฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ณ
สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๕ รวม ๔๕ ฉบับ ประกอบด้วย และ (๑)
กฎหมายที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ๙ ฉบับ และ (๒) กฎหมายที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ๓๖
ฉบับ (ซึ่งมีความคืบหน้ากว่ารอบที่ผ่านมา) ๓. ความคืบหน้าของประเด็นที่รัฐสภาให้ความสนใจเป็นพิเศษ สศช.
ได้สรุปรายงานตามประเด็น ในคราวประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
รับทราบรายงานความคืบหน้าการเนินการตาแผนการฏิรูปประเทศ ตามมมาตรา ๒๗๐
ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๕) พร้อมทั้งได้สรุปรายงานสถานะความคืบหน้าของกฎหมายที่วุฒิสภาเห็นควรให้ความสำคัญในการเร่งรัด
ทั้ง ๑๐ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. การดำเนินการในระยะต่อไป สศช.
จะประสานหน่วยงานรับผิดชอบและหน่วยงานร่วมดำเนินการเพื่อเร่งรัดการขับเคลื่อน
การดำเนินการติดตามกิจกรรม Big Rock ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง)
ทั้ง ๑๓ ด้าน ให้แล้วเสร็จและบรรลุเป้าหมายภายในกรอบระยะเวลาของแผนที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 251 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤศจิกายน 2565 | นร.11 สศช | 03/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๒)
ความก้าวหน้าการปฏิรูปประเทศ (๓) การติดตาม การตรวจสอบ
และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ และ (๔)
ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 252 | ร่างกฎกระทรวงการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา พ.ศ. .... | สธ. | 03/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำหรับยา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้มีการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
สังคม สิ่งแวดล้อม และอื่น ๆ ที่สำคัญ
หลังจากได้มีการออกประกาศฉบับนี้เรียบร้อยแล้ว
ควรจัดให้มีช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง
เพื่อแจ้งการดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้ไปยังผู้รับในสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาให้ทราบอย่างทั่วถึง
และให้ดำเนินการตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกฯ
โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนดรวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ
(www.info.go.th) ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
